กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: 9 วิธีหนีอ้วน

  1. #1
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ ฝนหลวง
    วันที่สมัคร
    Feb 2008
    กระทู้
    1,235

    9 วิธีหนีอ้วน

    อยากผอมทำยังไงดีคับ? แน่นอนว่าถ้าสาวๆ ไม่เลือกอดอาหารยอมหิวจนตาลายก็ต้องโหมออกกำลังอย่างหนักเหลือทน แต่วันนี้เรามีทางเลือกให้คุณผอมหุ่นเพียวสวยด้วยวิธีง่ายๆ มาเสริฟถึงที่ค่ะ ที่สำคัญไม่ต้องอดอาหารและไม่จำเป็นต้องโหมออกกำลังกายค่ะ แค่เปลี่ยนพฤติกรรมแสนง่าย 9 อย่างเท่านั้นเองค่ะ

    1. นอนหลับให้เต็มอิ่ม
    จากการวิจัยของสถาบัน Howard Hughes Medical มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่ายิ่งคุณนอนน้อยเท่าใด ร่างกายของคุณก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งผลิตฮอร์โมน leptin ได้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะมีผลต่อน้ำหนักตัว เนื่องจาก leptin จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นน้ำหนักให้ลดลงได้ถึง 2 ทาง คือ มันจะช่วยลดความอยากในการรับประทานได้ โดยการบอกสมองว่า "นี่! หยุดเคี้ยวซักทีเถอะ อิ่มจนท้องจะแตกอยู่แล้วนะ" และอีกด้านหนึ่งมันก็จะกระตุ้นให้คุณใช้พลังงานมากขึ้นซะอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นยังเห็นได้ชัดอีกว่าเมื่อเรานอนน้อยร่างกายก็จะไปต้านการลดลงของน้ำหนัก จากการที่ ghrelin ฮอร์โมนซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นความอยากอาหาร จะมีปริมาณสูงกว่าในบรรดาผู้ที่นอนไม่พอ (แต่ถ้าเกิดคุณนอนไม่พอในคืนหนึ่ง ลองพยายามงีบหลับให้ได้ในวันต่อมา เพราะฮอร์โมนจะไปทำให้คุณต้องปิดตาหลับภายใน 24 ชั่วโมงแน่นอน)

    2. ปิดวิทยุซะ
    คุณรู้มั้ยว่าเวลาตามร้านอาหารต่างๆ ถ้าเขาอยากจะให้ลูกค้าภายในร้านจัดการกับอาหารตรงหน้าให้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบออกจากร้านไปโดยเร็วนั้น ทางร้านก็จะเปิดเพลงจังหวะเร็ว (ประมาณ 120-130 จังหวะต่อนาที) ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นเหตุผลที่ดีนะคะ เพราะว่าจังหวะเพลงที่เร็วนี ้จะทำให้คุณใส่ใจกับการรับประทานอาหารตรงหน้ามากขึ้นค่ะ
    ฉะนั้นก่อนมื้ออาหารถ้าอยากผอมจงเลือกเอาว่าจะปิดวิทยุของคุณซะ หรือจะบรรเลงใส่แผ่นเพลงเบาๆ ใส่เครื่องเสียงของคุณระหว่างทานอาหารมื้ออร่อย

    3. กินให้ครบทุกมื้อ
    ข้อนี้สำหรับสาวๆ ที่ชอบอดอาหารมื้อเช้าเพื่อความผอม เพราะเชื่อเถอะค่ะว่าไม่มีประโยชน์หรอก ซ้ำยังทำให้คุณอ้วนขึ้นอีกด้วย ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกนะในเมื่อเช้าคุณไม่ได้ทานอะไรด้วยเหตุอยากผอม แต่กลายเป็นว่าตกกลางวันคุณกลับหิวไส้แทบขาด ฉะนั้นไม่ว่าอะไรที่คุณหยิบจับขึ้นมาได้ ก็ขนใส่ปากไปไม่บันยะบันยังซะหมด ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเหตุผลหลายๆ อย่าง อาทิ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง คุณก็จะรู้สึกโหยหาอาหารอย่างแรง ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายค่ะ และด้วยกลไกทางด้านความรู้สึกนึกคิด เมื่อคุณไม่ได้ทานอาหารมื้อเช้า มื้อถัดมาคุณก็จะทานมากขึ้น เพราะคิดว่า "เอาเถอะน่าเมื่อเช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ชดเชยซะหน่อยแล้วกัน" ที่สำคัญร่างกายของคุณก็จะยิ่งคิดว่าตอนนี้คุณอยู่ในภาวะขาดอาหาร ฉะนั้นระบบเมตาโบลิซึมของคุณจะค่อยๆ ทำงานช้าลง นั่นแปลว่าการเผาผลาญพลังงานก็จะต่ำลงไปด้วย เข้าใจง่ายๆ ก็ "คราวนี้แหละคุณขา อ้วนแน่ๆ"

    4. อย่าเอะอะอะไรก็ใช้รถๆ หัดเดินซะบ้าง
    อย่าปฏิเสธว่าข้อนี้ไม่จริงเลย เพราะการใช้รถในแต่ละวันจะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 6% ต่อชั่วโมง แต่ในทางกลับกันทุกๆ ไมล์ในการเดินของคุณในแต่ละวันจะกลับเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 8 % แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ ง่ายๆ ค่ะ เวลาคุณคุยโทรศัพท์เม้าส์กับเพื่อนสาวเรื่องยัยเพื่อนร่วมงานตัวแสบเนี่ยช่วยได้นะ แค่คุยไปคุยมาแล้วเดินวนรอบห้องเผลอแป๊ปเดียวก็เดินเป็นกิโลๆ
    แล้วล่ะยิ่งถ้าเราจะขว้างแคลอรี่ไปไกลๆ จากเราจริงๆ ล่ะก็ เวลาดูทีวีพอถึงช่วงเบรคโฆษณาก็ลุกขึ้นย้ายตัวเองไปรอบๆ บ้าง หรือไม่ก็ลองขึ้นๆ ลงๆ บันไดบ้านนี่ล่ะดู ผลัดกับการเดินเร็วๆ จากห้องหนึ่งไปยังห้องหนึ่งในบ้านดูสิ หรือเด็ดสุดก็อีตอนช้อปปิ้งนี่แหละ เซย์โนลิฟท์และบันไดเลื่อนสิคะ รับรองผอมค่ะ


    5. แค่โดนแดดบ้างก็ผอมแล้ว
    อย่างงค่ะ คุณคงไม่รู้มาก่อนว่าแสงแดดทำให้ผอมได้ เพราะร่างกายของเราต้องการแสงแดดเหมือนกัน เพื่อไปผลิตฮอร์โมน serotonin ซึ่งมีส่วนในการไปช่วยลดความอยากน้ำตาลและอาหารอย่างอื่นด้วย ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มที่จะอยากทานพวกขนุกขนมก็เดินออกไปรับแดดแทนแล้วกัน อืม...แล้วแม้แต่ช่วงอากาศเย็นๆ ก็เถอะหากเปิดผ้าม่าน บานเกล็ด ระหว่างวันซะบ้างก็ยังดีนะ (แต่อย่าอยากขนมมากทั้งวันนะ ไม่งั้นคงต้องไปตากแดดจนมะเร็งผิวหนังถามหาแน่ๆ )

    6. อย่าเก็บคุ๊กกี้หรืออาหารอย่างอื่นไว้ในโถแก้ว
    เพราะถ้าคุณเก็บอาหารไว้ในที่ๆ ไกลสายตาหน่อย มันก็ง่ายที่จะป้องกันไม่ให้ของอ้วนๆ มาเย้ายวนเรา ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยคอร์แนลได้แนะว่าสาวๆ จะกินของหวานได้มากขึ้นเมื่อเห็นมันจัดวางอยู่บนโต๊ะเด่นชัดสวยงาม ดังนั้นมาลองเก็บของหวานทั้งหลายไว้ในภาชนะทึบแสงหรือไปวางไว้ไกลๆ ตาไกลๆ จมูกจะดีกว่านะคะ

    7. วางส้อมลงทุกครั้งที่เคี้ยว
    ช่วงเวลา 20 นาที เป็นเวลาที่กระเพาะอาหารจะส่งสัญญาณไปบอกสมองว่าอิ่มแล้ว ดังนั้นเมื่อคุณทานอาหารเร็วเกินไป ร่างกายของคุณก็จะไม่มีเวลาพอที่จะรับรู้ได้ว่าถึงเวลาที่ควรอิ่ม ผลที่ตามมาก็คือคุณทานมากไป การทานช้าลงเท่านั้นค่ะที่ช่วยได้ คุณอาจจะใช้ตะเกียบมาเป็นตัวช่วยในการทานอาหารก็ได้ จะทำให้คุณทานอาหารได้ช้าลง (ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะมัวแต่สาละวนอยู่กับการใช้ตะเกียบให้ถนัดมือ) หรือลองอีกวิธีที่จะทำให้คุณรับรู้ได้ถึงรสอร่อยของอาหารมากขึ้น โดยเคี้ยวแต่ละคำให้ได้เวลาราว 30 วินาที แค่นี้คุณก็จะเห็นได้เลยว่าการทานอาหารช้าๆ ทำให้รับรู้ถึงรสชาติอาหารดีขึ้นและผอมค่ะ

    8. เปิดไฟทานอาหาร
    ในห้องที่มืดสลัว จะทำให้คุณทานได้มากขึ้น ทำไมน่ะเหรอ คำตอบอยู่ที่ทฤษฎีหนึ่งที่กล่าวไว้ว่าแสงไฟมืดสลัว จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับการรับประทานมากขึ้น ในทางกลับกันมีการวิจัยว่าเมื่อคุณทานอาหารในห้องที่สว่าง ก็ดูเหมือนว่าคุณจะทานอาหารได ้ลดลง

    9. แค่โกรธก็อ้วนแล้ว
    ถ้าคุณไม่รู้จักระงับอารมณ์คุณก็มีสิทธิ์อ้วนได้ ยังไงน่ะเหรอ ก็เวลาที่คุณเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา ระดับของฮอร์โมน cortisol ในร่างกายก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ จากผลงานวิจัยพบว่าเมื่อคนเราโกรธ และหากยิ่งโกรธถี่ขึ้นเท่าไหร่ นั่นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักและรอบเอวหนาๆ ในทางอ้อม (แถมยังเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อปัญหาของระบบหัวใจอีกต่างหาก) ดังนั้นคราวหน้าถ้าใครมายั่วอารมณ์คุณ ก็นับ 1-10 สูดหายใจลึกๆ ตั้งสติดีๆ แค่นั้นเอง นึกซะว่าเพื่อผอมๆๆๆ หรือใช้นิ้วโป้งนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับเพื่อการผ่อนคลายก็ได้ค่ะ

  2. #2
    P2
    Guest
    อ่านแล้วมาเบิ่งกับปัจจุบันมันคือตรงกันข้ามกันเลย เดี๋ยวสิเอาไปลองเบิ่งยุดอกครับ ขอบคุณหลายๆ8)

  3. #3
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ ฝนหลวง
    วันที่สมัคร
    Feb 2008
    กระทู้
    1,235

    สำหรับคนที่เอาบ่ยูแล้วเด้อ

    เมื่อพุงใหญ่ สะโพกก็มักจะบิ๊กบึ้มตามไปด้วย

    แต่ก็มีข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขมาให้คนสะโพกใหญ่ดีใจว่า แม้จะมีไขมันตรงสะโพกมาก แต่ถ้าเทียบกับที่เอวแล้ว คนที่มีไขมันสะสมที่เอวจะอันตรายและควรรีบลดมากกว่า เพราะที่เอวจะมีไขมันข้างในเยอะกว่าส่วนอื่น และเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ มากกว่าคนที่ลงพุงหรือไม่มีเอวจึงต้องระวังไว้ให้มาก ๆ โดยขนาดเอวของคนเอเชียที่เหมาะสมนั้น ผู้ชายไม่ควรเกิน 36 นิ้ว ผู้หญิงไม่เกิน 32 นิ้ว วิธีการลดก็คือต้องลดทุกส่วนในร่างกายโดยเน้นการออกกำลังที่เอวมากหน่อย

    ทุกวันนี้คนไทยอายุ 35 ปีขึ้นไป เกือบร้อยละ 30 หรือประมาณ 12 ล้านคน มักจะอ้วนลงพุง ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงถึงร้อยละ 50 ส่วนชายพบเพียงร้อยละ 21 ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ลงพุงมากที่สุด เนื่องจากเป็นวัยที่ลูกหลานม ักให้พักผ่อนอยู่บ้าน ไม่ให้ทำงาน

    การอ้วนลงพุงเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดตีบตัน

    สาเหตุสำคัญที่เกิดจากพฤติกรรมการกินโดยเฉพาะการกินอาหารเนื้อล้วน ๆ อาหารรสจัด และขาดการออกกำลังกาย สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเอวใหญ่ สะโพกบิ๊ก หรือขาโต ก็เป็นสัญญาณแห่งความอ้วน ที่จะนำอันตรายมาสู่สุขภาพด้วยกันทั้งสิ้น

    รู้ดังนี้ ก็หยิบยางยืด มาเริ่มต้นลดสะโพกและขากันดีกว่าค่ะ

    ท่าบริหารกล้ามเนื้อ ท้องส่วนล่างและสะโพกด้านหน้า สามารถปฏิบัติได้โดย นอนหงายชันเข่า คล้องยางไว้ที่ข้อเท้าแต่ละข้าง แขนเหยียดอยู่ข้างลำตัว ใช้มือทั้งสองจับที่ปลายยางหรือที่จับแต่ละข้างกดไว้กับพื้น งอสะโพกดึงเข่าทั้งสองข้างงอเข้าหาลำตัวหรือชิดออกให้ได้มากที่สุด จนกระทั่งสะโพกลอยพ้นพื้น เป็นการบริหารกล้ามเนื้อท้องส่วนล่าง และกล้ามเนื้อสะโพก
    ข้อควรระวัง อย่าพยายามใช้การเตะเท้าเหยียดเข่าไปทางด้านเหนือศีรษะ เพื่อช่วยในการยกสะโพก

    ท่าต่อไปเป็นท่าสำหรับการบริหาร กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าและสะโพก ไปพร้อม ๆ กัน เริ่มต้นโดยการยืนหรือนั่งบนเก้าอี้หรือนั่งกับพื้น เข่างอ เกี่ยวคล้องยางไว้ที่ฝ่าเท้า มือทั้งสองจับที่ปลายยางหรือที่จับแต่ละข้างไว้ ยกเท้าที่เกี่ยวคล้องยางขึ้นจากพื้นพร้อมกับงอศอก ใช้มือดึงยางรั้งไว้ หลังจากนั้น ใช้เท้าถีบยันให้ยางยืดออกไปจนกระทั่งเข่าเหยียดตรง เป็นการบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าและสะโพก
    ข้อควรระวัง มือที่ดึงรั้งยางไว้อย่าผ่อนตามในขณะใช้เท้าถีบยันให้ยางยืดออก

    จากนั้นเป็นการบริหาร กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า วิธีปฏิบัติทำได้โดย นั่งบนเก้าอี้หรือม้านั่ง งอเข่า คล้องยางข้างหนึ่งรัดไว้ที่ข้อเท้า ส่วนยางอีกข้างหนึ่งคล้องไว้กับขาเก้าอี้ เหยียดเข่ายกปลายเท้าดึงยางให้ยืดออกไปข้างหน้าจนกระทั่งเข่าเหยียดตรงเป็นการบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า
    ข้อควรระวัง อย่าก้มตัวไปข้างหน้าในขณะเหยียดเข่า ยกปลายเท้าขึ้น

    หลังจากบริหารขามาหลายท่า คราวนี้กลับมาบริหารสะโพกกันต่อดีกว่า

    แต่จะว่าไป ท่าที่จะแนะนำต่อไปนี้ ก็จะช่วยให้ fit and firm ทั้ง กล้ามเนื้อสะโพก ต้นขา และท้องส่วนล่าง เลยเชียวแหละ การเริ่มต้นก็ไม่ลำบากยากเย็น แค่นอนหงาย งอสะโพกและเข่าเข้าหาลำตัวด้านหน้า คล้องเส้นยางไว้ที่ฝ่าเท้า มือทั้งสองจับปลายเส้นยางหรือที่จับไว้ในลักษณะงอศอก ปลายแขนตั้งขึ้นเพื่อรั้งยางไว้ จากนั้นถีบเท้าทั้งสองเหยียดสะโพกและเข่าวางเท้าลงสู่พื้น แล้วงอสะโพกและเข่ากลับสู่ท่าเริ่มต้น เป็นการบริหารสะโพกและต้นขาด้านหน้า รวมทั้งหน้าท้องส่วนล่าง
    ข้อควรระวัง ไม่เหยียดเข่าหรือถีบยันเท้าขึ้นด้านบน

    สำหรับผู้ต้องการบริหารกล้ามเนื้อสะโพกด้านนอก

    ก็ให้หยิบยางยืดของคุณมาคล้องไว้ที่ข้อเท้าแต่ละข้าง นอนตะแคงขาเหยียดตรง แขนข้างหนึ่งรองศีรษะไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งใช้ยันพื้นทางด้านหน้าลำตัว เพื่อความมั่นคงในขณะปฏิบัติ ยกขาด้านบนกางขึ้นโดยให้ปลายเท ้าชี้ตรงไปตามทิศทางที่หัสหน้า หุบขาลงสู่ท่าเริ่มต้น เป็นการบริหารสะโพกด้านนอก
    ข้อควรระวัง ในขณะยกขากางขึ้น อย่าให้ปลายเท้าชี้ขึ้นด้านบนและแล้วก็มาถึงช่วงเวลาปิดท้ายรายการเพื่อการมีสะโพกขนาดกำลังงาม ด้วย

    ท่าการบริหาร กล้ามเนื้อสะโพกด้านหลังและหลังส่วนล่าง สามารถทำได้โดย ยืนตรง ใช้มือจับโต๊ะหรือเก้าอี้ไว้ คล้องยางข้างหนึ่งรัดไว้ที่ข้อเท้า ส่วนอีกข้างหนึ่งคล้องหรือผูกยึดไว้กับขาโต๊ะหรือเก้าอี้ที่อยู่ทางด้านหน้า พยายามยกส้นเท้าขึ้นทางด้านหลังในลักษณะเฉียงออกทางด้านข้างเล็กน้อย ให้ได้สูงที่สุดโดยที่เข่าไม่งอ เป็นการบริหารกล้ามเนื้อสะโพกด้านหลังและหลังส่วนล่าง

    ข้อควรระวัง ไม่โยงตัวหรือก้มตัวไปข้างหน ้าในขณะยกขาขึ้นทางด้านหลัง


    โอ้บาดนี่...อยากเห็นแล้วล่ะ ว่าพีน่องบ้านมหาสิมีหุ่นงามปานดั๋ย แถมด้วยความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นขนาดดั๋ย แต่ขอให้ความงาม มาพร้อมกับสุขภาพที่ดีเด้อครับ

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •