วันมหาสงกรานต์

วันมหาสงกรานต์

เมื่อถึง เดือน ๕ ตรงกับวันที่ ๑๓ เมษายน ของทุก ๆ ปีเราเรียกวันนี้ว่า ?วันสงกรานต์? ประเพณีไทยเดิมถือว่าวันนี้เป็น วันขึ้นปีใหม่ ธรรมเนียมไทยเราก็จะมีการเล่นรื่นเริง? มีการรดน้ำดำหัว โดยเฉพาะหนุ่มๆ สาวๆ จะสนุกกันเต็มที่เล่นสาดน้ำกันโดยไม่ถือเนื้อถือตัวเลย ในชนบทหลายแห่ง มีการเล่นพื้นเมืองต่างๆ กัน

อนึ่งวันนี้บางแห่งจะเริ่มจากวันที่ ๑๓ เมษายน และมีการเล่นสนุกสนานไปราว ๆ ๑ สัปดาห์ หรือกว่านั้น แต่ไม่เกิน ๒ สัปดาห์ ระยะนี้จะมีการนำน้ำหอมเสื้อผ้าอาภรณ์ไปรดน้ำผู้ใหญ่ ญาติพี่น้องที่เคารพนับถือและทางศาสนาก็จัดให้มีการบายศรีพระสงฆ์ สมภารเจ้าวัด สรงน้ำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เท่าที่มีตามวัดต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

กำเนิดวันสงกรานต์ มีเรื่องเล่าสืบ ๆ กันมา? น่าจดจำไว้ดังข้อความจารึกวัดเชตุพนฯ ได้กล่าวไว้ประดับความรู้ของสาธุชนทั้งหลายดังต่อไปนี้ ?เมื่อต้นภัทรกัลป์? มีเศรษฐีคนหนึ่ง? มั่งมีทรัพย์มาก? แต่ไม่มีบุตร? บ้านอยู่ใกล้นักเลงสุรา นักเลงสุรานั้นมีบุตร? ๒? คน? ผิวเนื้อดุจทอง? วันหนึ่งนักเลงสุราเข้าไปในบ้านของเศรษฐี แล้วด่าเศรษฐีด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ เศรษฐีได้ฟังจึงถามว่า? พวกเจ้ามาพูดหยาบคายดูหมิ่นเราผู้เป็นเศรษฐีเพราะ เหตุใดพวกนักเลงสุราจึงตอบว่า? ท่านมีสมบัติมากมายแต่หามีบุตรไม่? เมื่อท่านตายไปสมบัติก็จะอันตรธานไปหมด? หาประโยชน์อันใดมิได้? เพราะขาดทายาทผู้ปกครอง? ข้าพเจ้ามีบุตรถึง ๒ คนและรูปร่างงดงามเสียด้วย? ข้าพเจ้าจึงดีกว่าท่านเศรษฐีครั้นได้ฟังก็เห็นจริงด้วย? จึงมีความละอายต่อนักเลงสุรายิ่งนัก? จึงนึกใคร่อยากได้บุตรบ้าง? จึงทำการบวงสรวงพระอาทิตย์และพระจันทร์? ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอให้มีบุตรอยู่ถึง ๓ ปี? ก็มิได้มีบุตรสมดังปรารถนา เมื่อขอบุตรจากพระอาทิตย์และพระจันทร์มิได้ดังปรารถนาแล้วอยู่มาวันหนึ่งถึงฤดูคิมหันต์จิตรมาส (เดือน ๕) โลกสมมุติว่าเป็นวันมหาสงกรานต์ คือ พระอาทิตย์ยกจากราศีมีนประเวสสู่ราศีเมษ คนทั้งหลายพากันเล่นนักขัตฤกษ์เป็นการรื่นเริงขึ้นปีใหม่ทั่วชมพูทวีป? ขณะนั้นเศรษฐีจึงพาข้าทาสบริวาร ไปยังต้นไทรริมฝั่งแม่น้ำอันเป็นที่อยู่แห่งปักษีชาติทั้งหลาย? เอาข้าวสารซาวน้ำ? ๗? ครั้ง? แล้วหุงบูชา รุกขพระไทรพร้อมด้วยสูปพยัญชนะอันประ ณีต? และประโคมด้วยดุริยางค์ดนตรีต่าง ๆ ตั้งจิตอธิษฐาน ขอบุตรจากรุกขพระไทร? รุกขพระไทรมีความกรุณา? เหาะไปขอบุตรกับพระอินทร์ให้กับเศรษฐี พระอินทร์จึงให้ธรรมบาลเทวบุตร? ลงไปปฏิสนธิในครรภ์? บิดามารดาขนานนามว่า ธรรมบาลกุมาร? แล้วจึงปลูกปราสาทขึ้นให้กุมารอยู่ใต้ต้นไทรริมสระ ฝั่งแม่น้ำนั้น ครั้นกุมารเจริญขึ้น ก็รู้ภาษานกแล้วเรียนจบไตรเพทเมื่ออายุได้? ๘? ขวบ และได้เป็นอาจารย์บอกมงคลการต่าง ๆ แก่มนุษย์ชาวชมพูทวีปทั้งปวงซึ่งขณะนั้นโลกทั้งหลายนับถือท้าวมหาพรหม? และกบิลพรหมองค์หนึ่งได้แสดง มงคลการแก่มนุษย์ทั้งปวง เมื่อกบิลพรหมแจ้งเหตุที่ธรรมกุมารเป็นผู้มีชื่อเสียง? เป็นที่นับถือของมนุษย์ชาวโลกทั้งหลาย จึงลงมาถามปัญหาแก่ธรรมกุมาร? ๓? ข้อ? ความว่า ๑.เวลาเช้า สิริคือราศีอยู่ที่ไหน ๒.เวลาเที่ยง สิริคือราศีอยู่ที่ไหน ๓.เวลาเย็น? สิริราศีอยู่ที่ไหน และสัญญาว่า? ถ้าท่านแก้ปัญหา? ๓? ข้อนี้ได้เราจะตัดศีรษะเราบูชาท่าน ถ้าท่านแก้ไม่ได้ เราจะตัดศีรษะของท่านเสีย? ธรรมกุมารรับสัญญา? แต่ผลัดแก้ปัญหาไป? ๗? วัน? กบิลพรหมก็กลับไปยังพรหมโลก ฝ่ายธรรมบาลกุมารพิจารณาปัญหานั้นล่วงไปได้? ๖? วันแล้วยังไม่เห็นอุบายที่จะตอบปัญหาได้จึงคิดว่าพรุ่งนี้แล้วสิหนอ? เราจะต้องตายด้วยอาญาของท้าวกบิลพรหม? เราหาต้องการไม่? จำจะหนีไปซุกซ่อนตนเสียดีกว่า? คิดแล้วลงจากปราสาทเที่ยวไปนอนที่ต้นตาล? ๒? ต้น? ซึ่งมีนกอินทรี? ๒? ตนผัวเมีย ทำรังอยู่บนต้นตาลนั้น ขณะที่ธรรมบาลกุมารนอนอยู่ใต้ต้นตาลนั้น ได้ยินเสียงนางนกอินทรีถามผัวว่า? พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารที่ไหน? นกอินทรีผู้ผัวตอบว่า? พรุ่งนี้ครบ? ๗? วันที่ท้าวกบิลพรหม? ถามปัญหาแก่ธรรมบาลกุมาร? แต่ธรรมบาลกุมารแก้ไม่ได้ ท้าวกบิลพรหมจะตัดศีรษะเสียตามสัญญา? เราทั้ง? ๒? จะได้กินเนื้อมนุษย์ คือ ธรรมบาลกุมารเป็นอาหาร นางนกอินทรีจึงถามว่าท่านรู้ปัญหาหรือ ?? ผู้ผัวตอบว่ารู้แล้วก็เล่าให้นาง นกอินทรีฟังตั้งแต่ต้นจนปลายว่า ๑. เวลาเช้าราศีอยู่ที่? หน้า? คนทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างหน้า ๒. เวลาเที่ยงราศีอยู่ที่? อก?? คนทั้งหลายจึงเอาน้ำและแป้งกระแจะจันทร์ลูบไล้ที่อก ๓.? เวลาเย็นราศีอยู่ที่? เท้า?? คนทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างเท้า ธรรมบาลกุมารนอนอยู่ใต้ต้นไม้ได้ยินการสนทนาของทั้งสองก็จำได้? จึงมีความโสมนัส ปีติยินดีเป็นอันมาก? แล้วจึงกลับมาสู่ปราสาทของตน ครั้นถึงวาระเป็นคำรบ? ๗? ตามสัญญา? ท้าวกบิลพรหมก็ลงมาถามปัญหาทั้ง? ๓ข้อตามที่นัดหมายกันไว้? ธรรมบาลกุมารก็วิสัชนาแก้ปัญหาทั้ง? ๓? ข้อตามที่ได้ฟังมาจากนกอินทรีนั้น? ท้าวกบิลพรหมยอมรับว่าถูกต้องและยอมแพ้แก่ธรรมบาลกุมาร? และจำต้องตัดศีรษะของตนบูชาตามที่สัญญาไว้? แต่ก่อนที่ จะตัดศีรษะ? ได้ตัดเรียกธิดาทั้ง ๗ อันเป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ คือ ๑.นางทุงษะเทวี ๒.นางรากษเทวี ๓.นางโคราคเทวี ๔.นางกิริณีเทวี ๕.นางมณฑาเทวี ๖.นางกิมิทาเทวี ๗.นางมโหธรเทวี? อันโลกสมมุติว่าเป็นองค์มหาสงกรานต์ กับทั้ง เทพบรรษัทมาพร้อมกัน?? แล้วจึงบอกเรื่องราวให้ทราบและตรัสว่าพระเศียรของเรานี้? ถ้าตั้งไว้บนแผ่นดินก็จะเกิดไฟไหม้ไปทั่วโลกธาตุ? ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศฝนก็จะแล้ง? เจ้าทั้ง? ๗? จงเอาพานมารองรับเศียรของบิดาไว้เถิด? ครั้นแล้วท้าวกบิลพรหม ก็ตัดพระเศียรแค่พระศอส่งให้นางทุงษะเทวีธิดาองค์ใหญ่ในขณะนั้น? โลกธาตุก็เกิดโกลาหลอลเวงยิ่งนัก เมื่อนางทุงษะมหาสงกรานต์เอาพานรองรับพระเศียรของท้าวกบิลพรหมแล้วก็ให้เทพ บรรษัท แห่ประทักษิณ? เวียนรอบเขาพระสุเมรุราช? ๖๐ นาทีแล้วจึงเชิญเข้าประดิษฐานไว้ในมณฑป? ณ? ถ้ำคันธธุลี เขาไกรลาศ กระทำบูชาด้วยเครื่องทิพย์ต่างๆ? พระวิษณุกรรมเทพบุตรก็เนรมิตโลงแก้ว? อันแล้วไปด้วยแก้ว? ๗? ประการ? ชื่อภัควดีให้เทพธิดาและนางฟ้าแล้ว? เทพยดาทั้งหลายก็นำมาซึ่งเถาฉมุนาตลงล้างน้ำ ในสระอโนดาต? ๗? ครั้ง?? แล้วแจกกันสังเวยทั่วทุกๆ? พระองค์? ครั้นได้วาระกำหนดครบ? ๓๖๕? วัน โลกสมมุติว่าปีหนึ่งเป็นวันสงกรานต์นางเทพธิดาทั้ง? ๗? ก็ทรงเทพพาหนะต่างๆ? ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมา เชิญพระเศียรกบิลพรหมออกแห่พร้อมด้วยเทพบรรษัทแสนโกฏิ? ประทักษิณเวียนรอบเขาพระสุเมรุ ราชบรรษัท? ทุกๆ ปีแล้วกลับไปยังเทวโลก?
ที่มาจาก วิกิพีเดีย