ผีเอย…….ผีก่องก่อย…..มากินตับเด็กน้อยที่มันขี้ดื้อ
ผู้ใดฮ้องไห้ฮื่อๆ…….สิจกใส้กินตับกินไต
.
จำได้ว่าสมัยเป็นเด็กประถม แม่จะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนเสมอๆ
และหนึ่งในนิทานที่ฟังบ่อยๆก็คือเรื่อง ผีก่องก่อย ..
.
ผีก่องก่อยเป็นผีป่าชนิดหนึ่ง มักอาศัยอยู่ในป่าทึบรกชัด และออกหากินเวลาดึกดื่นเที่ยงคืน
เพราะเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบ และปราศจากผู้คน อีกทั้งอาหารก็หาง่าย
อาหารของมันก็คือ ปลา กบ เขียด กุ้ง หอย หากหาไม่ได้ ก็จะกิน หมา แมว และไปลักเป็ด ไก่
ของชาวบ้นมากิน หรือ กินแม้กระทั่งเด็ก
.
ลักษณะของผีก่องก่อยจะเหมือนกับคนทุกอย่าง จะต่างก็ตรงรูปร่างเล็กผอม ใบหน้าลีบแหลม
และส้นเท้าหันไปข้างหน้า ปลายเท้าจะหันไปข้างหลัง รอยเท้าจึงเหมือนกับคนเดินกลับหลัง
เวลาออกหากินดึกๆ มันจะส่งเสียงร้องว่า ” ก่องก่อย ก่องก่อย”
เมื่อหิวมากๆ จะร้องว่า “ก่องก่อย ก่องก่อย ก๊อก”
เสียง”ก๊อก” ที่ลงท้ายเป็นสัญญาณบอกว่า มันหิวสุดขีด
.
เวลาพูด มันจะพูดตรงข้ามกับสิ่งที่มันต้องการสื่อความหมาย เช่น ขาว จะหมายถึง ดำ
จะไปแป๊ปเดียว ก็หมายถึงจะไปนานมาก
.
มันจะมีฤทธิ์เดชหลายอย่าง เช่น วิ่งได้เร็วดั่งสายลม มีพละกำลังแข็งแรงดั่งยักษ์โข
มันมีจุดอ่อนอย่างเดียว คือ กลัวเวียด (กลัวคนเวียดนาม)
ถ้าหากว่ามันได้ยินเสียงภาษาเวียด (นาม) มันก็จะ รีบวิ่งหนีสุดชีวิต
ดังนั้นเพื่อป้องกันการเผชิญหน้ากับผีก่องก่อย
ก่อนเข้าป่าเราต้องฝึกพูดภาษาเวียด อย่างน้อยก็ต้องให้ได้คำว่า
“ดี่เด่า ดี่เดือก”
ฉันเผลอนอนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ .. มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นใบหน้าแหลมๆเล็กๆลอยอยู่ตรงหน้า
ขนหัวฉันลุกตั้งชัน…พลางรีบท่อง นะโม นะโม… ในใจ ..ไม่ใชสิ ผีก่องก่อยกลัวเวียดนี่…
“ดี่เด่า ดี่เดือก ๆ ๆ…..” ฉันพยายามท่องออกไปสุดเสียง..
.
” ฉาย ..ฉาย ….เป็นหยัง ละเมอหยังประหลาดแท้…” เสียงอ้ายดังอยู่ข้างๆ
“…..!! น้องคิดว่าผีก่องก่อย….”
ฉันไม่กล้าบอกว่า เห็นหน้าอ้ายนั่นแหละเป็นก่องก่อย ….
.
” เคยฟังบ่ล่ะ ” อ้ายถามฉัน
“จำไม่ได้แล้วค่ะ พี่เล่าอีกทีได้ไหมอะ … นะ ….นะ ” … นานๆมีคนมาให้อ้อน
” ใหญ่แล้วยังเฮ็ดโตปานเด็กน้อย ” ….
สุดท้ายอ้ายก็ต้องยอมเล่าแต่โดยดี
.
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพี่น้องอยู่สองคน มีอาชีพทำนา
เมื่อหน้าแล้งมาเยื่อน ก็ทำนาไม่ได้ ผู้เป็นพี่ชายจึงได้ไปหาปลาในห้วย ซึ่งอยู่ไกลออกไป
ทุกๆเช้าเขาจะไปกู้ลอบ ที่ดักปลาไว้
วันหนึ่งเขาไปกู้ลอบตามปกติ แต่ปรากฏว่า ไม่มีปลาเลยสักตัว
ซึ่งปกติแล้ว จะต้องมีปลาติดอยู่ตัวหรือสองตัว เขาคิดว่าจะต้องมีคนมาขโมยปลาเขาแน่ๆ
คิดดังนั้นเขาจึงเดินสำรวจบริเวณรอบๆ แล้วเขาก็พบรอยคนเท้าเล็กๆ ซึ่งไม่น่าจะยาวเกิน 3 นิ้ว
“ในโลกนี้คือสิมีคนตีนน้อยแนว(แบบ)นี้” เขาคิดในใจ
“ถ้าเป็นตีนเด็กน้อย ขนาดนี้ก็ยังย่าง(เดิน)บ่ทันเป็น” คิดแล้วเขาก็เอาลอบลงน้ำตามเดิม
.
วันรุ่งขึ้น ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มันทำให้เขาโมโห และคิดว่าต้องจับให้ได้ว่าใครเป็นคนขโมย
คิดดังนั้น เขาจึงไปแอบคอยดักดูอยู่พุ่มไม้ใกล้ๆกับลอบดักปลาทั้งคืน เขาอดตาหลับขับตานอน
หลับๆตื่นๆ จนเวลาล่วงมาใกล้รุ่งสาง .. เขาก็ได้ยินเสียง คล้ายกับคนเดินมาเบาๆ
แล้วเขาก็ได้เห็น ผีก่องก่อยยืนอยู่ริมตลิ่ง มันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆผมยาวเหมือนแม่มด
ไม่สวมเสื้อผ้า ยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้า และทำท่ากำลังจะขโมยปลาของเขา
.
ความโกธรทำให้เขาลืมตัว ระเบิดโทสะออกไป
” กูสิสับมึงให้แหลกปานลาบพู้นล่ะ อีขี่ลัก” เขาตะโกนออกไปพร้อมกับกระโจนออกจากที่ซ่อน
ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแรงมากแต่ก็ไม่สามารถจับตัวผีก่องก่อยได้
ในที่สุด เขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ถูกผีก่องก่อยจับตัวไปขังไว้ที่ถ้ำของมัน
พร้อมกับบังคับให้เขาเป็นผัว
.
และทุกครั้งที่ผีก่องก่อยออกไปหากิน มันจะเอาหินก้อนใหญ่มาปิดปากถ้ำไว้
หนึ่งปีผ่านไป เขาก็มีลูกชายกับผีก่องก่อย 1 คน เขามีหน้าที่เลี้ยงลูกยามที่ผีก่องก่อยไม่อยู่
และเขาต้องอยู่แบบนี้นานถึง 3 ปี
.
อยู่มาวันหนึ่ง ลูกชายของเขาได้พยายามดันก้อนหินออกจากหน้าถ้ำ
ด้วยพละกำลังที่ได้มาจากแม่ผู้เป็นผีก่องก่อย ทำให้เด็กน้อยสามารถเปิดปากถ้ำให้ผู้เป็นพ่อ
หลบหนีออกไปได้
.
พอปากถ้ำเปิด เขาก็รีบวิ่งกลับบ้านอย่างสุดชีวิต …ถึงเขาจะวิ่งได้เร็วแค่ไหน
แต่ก็ยังช้ากว่าผีก่องก่อย ทันทีที่ผีก่องก่อยรู้ว่าเขาหนีไป มันก็รีบวิ่งตามมาติดๆ
เขาวิ่งจะถึงหมู่บ้านอยู่แล้ว …ช้าไปเสียแล้ว ผีก่องก่อยวิ่งตามเขาทัน..
เมื่อรู้ตัวว่าไม่พ้นเงื้อมือมัน เขาจึงรีบล้มตัวลงนอน แกล้งตายอยู่ตรงนั้น
เมื่อผีก่องก่อยมาถึงตัวเขา มันก็เดินวนรอบตัวเขา พร้อมกับเอามือจั๊กจี้เอวเขาดู
เขาเป็นคนที่มีความอดทน ไม่บ้าจี้ จึงนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น
พร้อมกันนั้นเขาก็ค่อยๆผายลมออกมาอย่างแผ่วเบา กลิ่นเหม็นจากตดของเขาตลบอบอวนไปทั่ว
ผีก่องก่อยเห็นดังนั้นก็ร้องไห้เศร้าโสกเสียใจด้วยความอาลัยรัก เมื่อมั่นใจแน่ว่าเขาตายแล้วจริงๆ
มันจึงเอาฆ้องวิเศษให้เขา 1 อัน พร้อมกับบอกว่า
“เมื่อเจ้าต้องการหยัง ก็ให้ตีฆ้องเทื่อหนึ่ง”
.
พอผีก่องก่อยลับตาไปแล้วชายหนุ่มก็รับเข้าบ้าน กลับมาแล้วความเป็นอยู่ของเขาก็ดีขึ้น
เพราะว่าอยากได้อะไรก็แค่ตีฆ้องวิเศษ เมื่อน้องชายเห็นดังนั้นก็อยากได้บ้าง
จึงได้ถามว่า เขาได้มันมายังไง และหายไปไหนมาตั้ง 3 ปี
เขาจึงเล่าให้น้องชายฟังอย่างละเอียด เมื่อน้องชายเขาฟังจบก็พูดว่า
“ข้อยก็อยากรวยคือกัน”
.
เมื่อน้องชายเขาคิดดังนี้แล้วจึงได้ออกไปหาผีก่องก่อยให้ผีก่องก่อยจับตัวไป
แล้วก็หนีกลับมา แต่เขาโชคไม่ดีเหมือนพี่ชายเขาเพราะ
เขาไม่สามารถอดกลั้นเสียงหัวเราะไว้ได้ ตอนที่เขาโดนผีก่องก่อยจั๊กจี้ที่เอวนั้น
เขาก็หัวเราะชักดิ้นชักงอ….ผีก่องก่อยจึงรู้ว่าเขาไม่ได้ตาย
มันจึงเอามือจก(ล้วง)กินตับไตใส้พุงของเขาจนหมดเกลี้ยง …
.
.
อ้ายเล่านิทานจบ ก็หันมามองหน้าฉัน … พร้อมกับทำหน้าตาหน้ากลัว
“นี่แหนะ.ๆๆ..”
ฉันรีบยื่นมือไปจั๊กจี้เอวอ้าย พร้อมกับวิ่งหนีรอบบ้าน ……..
.
.
อ่านแล้วอย่าอิจฉาเด้………..
ที่มา www.baanmaha.com/community/showthread.php?20320-ผีก่องก่อย-(ผีกองกอย)