เหอๆๆแล้วประชาชนละมีหน้าที่อะไรค่ะครู ..ข้าราชการ รับใช้ประชาชน ประชาชน..มีหน้าที่ติดสินบนข้าราชการ(อะป่าว.) 55555555555 หรือว่าประชาชน มีหน้าที่สนองความต้องการของข้าราชการ (.....................) เป็นด่านๆๆๆๆ
"หน้าที่ของข้าราชการ คือ ต้องรับใช้ประชาชน" "หน้าที่ของข้าราชการ คือ ต้องรับใช้ประชาชน" "หน้าที่ของข้าราชการ คือ ต้องรับใช้ประชาชน" ทำไม?... --->ใคร?... ---> ต้องใช้(ข่มเหง)ประชาชน...ด้วย.
อิอิ 5555555555555555 เสย เสย เสบย เสบย แบบเสย เสย
... บ่แม๋นคร้านดอกน้องสาวเอ่ย ย้อนคุ้ยเคยเสยเสยชั่นดอกหว๋า เซ็นกินเหล้าเมาแล้วข่อยบ่เว้าจา กะย้อนว่าอ้ายมักอยู่เสยเสย ... อันเว้าสาวบ่ได้คร้านดอก ย้อนเว้าบ่ออกอ้ายบ่กล้าเลย จึงได้แต่ซื่อบื่ออยู่เสยเสย ขอบอกเลยย้อนเว้าสาวบ่เป็๋น... อิอิอิ... :l- :l- :l-
ตอนเช้าลุกขึ้นแต่ตีสี่ ดวงฤดีเปรมปรีดิ์สุขสันต์ หุงข้าวสวยมือพัลวัน วันนี้นั่นเป็นวันดีปีใหม่แล้ว ไปใส่บาตรที่วัดบ้านเรา ซิ่นไหมพราวประดับแวว ประชันไหมลายเพริศแพร้ว ยิ้มผ่องแผ้วไหมซิ่นงาม ลวดลายที่ทอละเอียดเลิศ เริ่มไหมเกิดตัวหม่อนไหมกระด้งสาน รังไหมล้อมตัวหม่อนใยม้วนงาม ร้อยรังรวงรอคนสาวเป็นไหมน้อย นั่งสาวไหมใจสาวคอยคนมาถาม ก่อฟืนข้างหม้อสาวไหมใจนางครวญ สาวไหมไปใจนางนั้นแสนห่วง คำพี่ลวงน้องร่ำอาลัยรัก จากสาวไหมเป็นเส้นของไหมเหลือง เจ้าพุ่มพวงคิดถึงเรื่องแต่พี่ชาย ที่บัดนี้พี่ไปลับไม่เคยกราย ลืมคำให้บอกว่ารักขอน้องคอย ผูกไหมงามเป็นเส้นและลวดลาย เหมือนผูกให้ความรักไม่ลาลอย คิดถึงพี่ในฤดีเฝ้าแต่คอย ร้อยไหมรอยร่องร้อยลอยริมไหม ตำฮูกไหมเหมือนหัวใจคนตำผ้า เหม่อมองมาที่ไหมผูกฮูกพาให้ สาระวันใจร้อยผูกสายใย แต่ส่งใจให้พี่คนที่ลืม
ขอบคุณนะคะที่มาเยี่ยมยามบล็อกเล็กจ้า ...................................... อ้ายชายจ๋า เมื่อไรอ้ายจะมา น้องครวญหา อยากบอกว่าคิดถึง อยากเก็บดอกไม้ ไว้แนบใจอ้ายที่รำพึง ความรักที่แสนซึ้ง ยังอยู่ในหัวใจ นานแล้วจ้า ที่อ้ายหน่ายหนี อ้ายคนแสนดี ไม่ห่วงน้องหรือไร จะรู้บ้างไหม ว่าในหัวใจ น้องหวั่นไหว รอวันอ้ายกลับคืน
หนาวเยือกเย็นหนาว ราวราวร้าวโรย หนาวเยือกเย็นโดย หนาวรักหนักชีวา รอยร้าวราวร้าย รักราโรยห่วงหา ร้อยราวลา ร้อยราวหาลมรักลวง หนาวสะท้าน หนาวสะเทือนร้าว หัวใจร้าวราว รานร้าวร้อยห่วง รักโรยลาโรย รักร้าวลมลวง ราวร้าวโหมทรวง ร้าวลวงลมโรย ปากบอกว่ารัก แต่ใจกับร้าง ใจเอ๋ยทิ้งขว้าง ใจนางร้าวระโหย จะไม่รักใคร ให้ใจโรย ดังแส้โบย เพราะรักลวง
ขอบคุณครับ และขอบคุณอีกครั้ง สำหรับบทกวี ดีๆๆ ที่มาแบ่งปันครับ ขอบคุณอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
ศรัทธาชาวทุ่งกุลาเมื่อมาเห็น ใช่ว่าเป็นทุ่งแล้งดังกล่าวขาน ปิดฉากแล้วความขมในตำนาน ผู้คนขานข้าวชั้นดีในถิ่นนี้ของคนไทย... ............................................... สายลมโชยโบกโบยสะบัดร่าง พัดน้องนางใจข้านี้หวั่นไหว ไม่อาจปลอบส่งคำให้แรงใจ จะมีใครเข้าใจความในที่ข้ามี หากบอกว่าไกลเพราะงานนั้น เกินรำพันคำบรรยายกับหน้าที่ ไร้เหตุผลกล่าวอ้างต่อคนดี เพียงหน้าที่เท่านั้นพี่ไกลนาง ลมหนาวเอ๋ยหยุดพัดน้องสาวข้า อย่าทำร้ายกายาเมื่อข้าห่าง เปลี่ยนทิศลมมาทางนี้ข้าคอยทาง อย่าทำนางให้เจ็บช้ำระกำใจ ฝากแรงใจส่งสาวนามีแรงสู้ ได้รับรู้จากใจถึงใจที่ส่งให้ ไม่ได้ส่งด้วยมือแต่ส่งด้วยหัวใจ โปรดรับไว้...ยิ้มส่งใจให้บ้างนะคนดี ... ...............................................
ขอบคุณนะคะ มีแต่คนแต่งกลอนเพราะจังเลย ขอบคุณมากๆ ค่ะ ปลื้มใจมากค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านกลอนเล็กค่ะ
...ขอ(อนุญาต)กระชับพื้นที่ และขออภัยในความไม่สะดวกครับ ............................................................... ลึกซึ้งตรึงใจ(คุณ)ชัยหมอแคน นี้ยากแสนไม่หาญต่อกลอนท่าน เท่านี้ข้าน้อยยังคิดอยู่สองนาน คำหวานท่านช่างไพเราะเสนาะใจ "ด้วยหัวใจคิดถึงเจ้าอยู่เสมอ อยากพบเธอหวังชิดใกล้ แต่ภาระที่มีจึงต้องไกล จำปล่อยให้เจ้าหวั่นไหวตามลำพัง ก่อนจากไกลช่วยว่านไถคราหน้าฝน หวังมายลเมื่อข้าวเหลืองรวงสะพรั่ง กลับมาเก็บมาเกี่ยวช่วยน้องนาง แต่วันหวังวันนี้กลับมลาย เจ้าคงเหนื่อยจับเคียวคอยเกี่ยวข้าว พี่ก็ร้าวดั่งว่าใจถูกเกี่ยวเจ้ารู้ไหม เพราะคำพูดของพี่วันนั้นมันเปลี่ยนไป แต่รู้ไหมในวันนี้ใจพี่ไม่เปลี่ยนแปลง อย่าหมองไปเลยน้องคนดี หากว่าพี่ชีวิตนี้ฟ้าไม่แกล้ง จะกลับมาหอมเจ้าแก้มแดง ฟ้าคงไม่แล้งน้ำใจให้คนคอย ..."
เมื่อลมหนาว สยายปีก ทั่วท้องทุ่ง แสงทองทาบ อาบรุ่ง มุ่งสู่ฝัน ชาวนาเร่ง เก็บเกี่ยว กันพัลวัน เมล็ดเรียว เกี้ยวกัน ดังก้องไกล เกี่ยวรวงทอง เกี่ยวรอเธอ เกี่ยวรอท่า เกี่ยวเกี่ยวเกี่ยว เธอไม่มา พาหวั่นไหว เกี่ยวคนเดียว รอเธอมา เกี่ยวหัวใจ เกี่ยวฉันไป เกี่ยวก้อย ร้อยดวงมาลย์ ทุ่งผันผ่าน คืนวัน อย่างเชื่องช้า แต่บ่มด้วย ความศรัทธา ทุกสถาน ชาวนาสุข ชาวเมืองสุข คือผลงาน ชาวนาคลาน ชาวเมืองไข้ ไปด้วยกัน อย่าดูหมิ่น ชาวนา เหมือนตาสี อย่าดูถูก น้องพี่ ที่สร้างฝัน หากไม่มี ชาวนา ทำนากัน คงสักวัน ชาวเรา เศร้าหมดกิน ..........มาต่อให้แนพี่น้อง หิวข้าวแล้ว
ข้าวขาดรวง ร่วงหล่น น้ำตาน้อง ลมเหนือต้อง ปลายใบข้าว ร้าวถึงไหน ราวถึง-อก ร้าวฤดี พี่เข้าใจ จำจากไป ชายแดน แสนห่วงเธอ ภารกิจชาติ เป็นภาระ ขาดไม่ได้ ภาระใจ ภาระจิต คิดเสมอ ภาระผูกพัน คือรอวัน กลับมาเจอ พาละเมอ ทุกคืนค่ำ รำพึงลม อยู่ชายแดน ชายเดียว เหลียวระวัง กลัวพลาดพลั้ง มวลศัตรู ผู้ถาโถม อีกใจคิด กลัวชายใด มาโอ้โลม ให้เธอโสม มนัสใจ ด้วยใกล้กัน ......มาต่อเอาเด้อท่าน Wundee
ปืนแก๊บดัง มันหมาย ถึงชีวิต ที่ลิขิต ให้แลกกัน เช่นนั้นหนอ ชีวิตหนู เพื่อชีวิตคน ไม่เคยพอ ยังล่าต่อ ล่าไป ไล่ความตาย.. สัจธรรม สัตว์ใหญ่ ไล่ล่าเล็ก วงจรเหล็ก วิ่งไป ที่ใจหมาย แหกไม่พ้น ฝ่าไม่ไหว นะเจ้านาย หากฝืนคลาย กฏแม่ แต่จะกินอะไร เมื่อท้องหิว สั่งให้ มือสังหาร ผืนสังขาร กลืนน้ำลาย คงไม่ไหว น้ำฝืดคอ ขื่นขม ทุรนทุราย ขาเดินไป หาชีวิต เพื่อชีวิต.... ...........มาต่อให้คุณครูเล็ก นิดหน่อยนิดหน่อย
... เห็นบล็อกนี้ไม่หยุดนิ่ง มีความเปลี่ยนแปลงอยู่สม่ำเสมอ เป็นบล็อกที่มีชีวิต ... ...................................................................... ด้วย พ่อแม่ทำนา ผมเป็นลูกชาวนา จึงไม่มีอุปสรรคใดเลย เมื่อผมอ่านบทกลอนนี้แล้วจะไม่เห็นภาพ... กวีท่านนี้ไม่ธรรมดา เลยครับ.
ขอบคุณครับ อยากเรียนนวดอะครับ
เจ๋งมาก ขอบคุณค่ะ....................................
ใช้คีย์บอร์ดแทนเมาส์ชั่วคราว ต้องทำอย่างไร XP ถ้าเมาส์ของคุณไม่ยอมทำงาน ขยับคอนเน็กเตอร์อย่างไร พอยนต์เตอร์บนหน้าจอก็แน่นิ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือมันเสียกระทันหัน ขณะที่คุณยังต้องทำงานต่อไป โชคดีที่ Windows XP มีฟีเจอร์ที่ช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้ ด้วยการใช้ตัวเลขบนคีย์บอร์ดแทนเมาส์ Windows XP จะมากับแอพพลิเคชันเล็ก ๆ ชื่อว่า MouseKeys ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถใช้คีย์บอร์ดชุดตัวเลขควบคุมการเคลื่อนที่ของเมาส์ในการเข้าถึงแอพพลิเคชันต่าง ๆ ได้ เป็นอย่างดี สำหรับการเรียกใช้ แอพพลิเคชันนี้จะใช้วิธีเรียกผ่านคีย์ลัดดังนี้ กดปุ่ม Alt + Shift (ที่อยู่ซ้ายมือ) + Num Lock แม้มันจะไม่ถึงกับแทนที่เมาส์ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ในยามคับขัน ผมว่ามันก็ช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อยครับ เดี่ยวนี้ ระบบปฏิบัติการ WIndow เปลี่ยนไปแล้ว ไมโครซอฟส์ไม่ปรับปรุง XP อีกแล้ว แต่ที่บ้านยังใช้ XP อยู่ค่ะ
เวลาดีๆของการดื่มน้ำแบ่งเป็น 4 ช่วงเวลา ช่วงแรกทีเดียวก็ตอนตื่นนอน ตอนนี้ความเข้มข้นของเลือดจะสูงมาก เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ ควรดื่มน้ำเข้าไปทดแทนมากๆเท่าที่ดื่มได้ ช่วงที่ 2 ของวัน ก็ตอนประมาณ 10 โมงเช้า เป็นช่วงที่ร่างกายได้ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว จนเกิดของเสียขึ้นจำนวนหนึ่ง เราให้น้ำมาชำระออกไป การดื่มน้ำช่วงนี้จึงป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดกรดมากเกินไป หลังจากนั้นก็เป็นช่วงบ่าย 3 โมง ก็ควรดื่มน้ำอีกครั้ง ทีนี้ก็มาถึงช่วงที่สำคัญที่สุดคือช่วงก่อนนอน เพราะเวลานอนความเข้มข้นของเลือดจะสูงมากอีกครั้งหนึ่ง จึงควรดื่มน้ำเพื่อลดความเข้มข้นลง เลือดจะหมุนเวียนสะดวก หลับสบาย ขอบคุณ หนังสือ 3 นาทีมีสาระ เล่มที่ 2 ของ บมจ. ธนาคารกสิกร
โทษของการกินไข่ดิบ ถ้าจะพูดถึงไข่แล้ว คงจะไม่ต้องบอกหรอกว่ามีประโยชน์มากขนาดไหน เพราะทุกคนคงจะทราบดีอยู่แล้ว นอกจากสารอาหารสารพัดชนิดแล้ว จากการวิเคราะห์แล้วในไข่ไก่หนึ่งฟองนั้น จะมีโปรตีนและไขมันที่ให้ความร้อนแก่ร่างกายได้ประมาณ 70-90 แคลอรี นั่นก็จะหมายความว่า “ ถ้าท่านกินไข่ 1 ฟอง เท่ากับท่านดื่มนม 30 ซีซี หรือเท่ากับท่านกินเนื้อสัตว์ 42 กรัม ” แต่การที่ท่านจะได้ประโยชน์ดังกล่าว ท่านจะต้องทำให้สุกเสียก่อนเพราะถ้าเป็นได้ดิบละก็นอกจากจะไม่ได้คุณค่าทางอาหารแล้ว มันยังให้โทษหลายอย่างอีกด้วย เพราะไข่ดิบมีความลื่นสูงมาก จึงมีผลทำให้มันผ่านลำไล้เล็กไปอย่างเร็วจนลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมได้ทัน และเมือกของไข่ขาวยังไปขัดขว้างการทำงานของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารอีกด้วย นอกจากนี้ไข่ดิบ ยังมีสารอะวิดินซึ่งหากบริโภคกันไปนานๆจะทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ผิวหนังอักเสบ และยังอาจมีเชื้อซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประสาท ถ้ามีอาการเรื้อรังอาจทำให้เป็นตับอักเสบ เยื่อบุสมองอักเสบอีกด้วย ซึ่งนับเป็นโรคที่น่ากลัวทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ก่อนกินไข่แดงควรทำให้สุกทุกครั้ง แต่ถ้าเป็นไข่ไก่ก็ลวกเพียงไข่ขาวสุก ก็จะไม่เกิดโทษ จากหนังสือ “ 3 นาทีมีสาระ