Blog Comments

  1. สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน

    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=HNojw8J0s7w

    รวมเพลงบรรเลง
  2. สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    เขียนระบายนั่นนี้ไปเรื่อยค่ะพี่ เป็นคนหาทางออกด้วยการเขียนค่ะ อาจจะดูลึกลับเข้าถึงยากแต่ก็ชอบระบายโดยการเขียนใส่ไดอารี่
  3. สัญลักษณ์ของ พวงพยอม
    น่าประทับใจกับอดีตน้อจ้าน้องบี ทั้งเก่งและน่ารักเด้อจ้า
  4. สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน

    จากเด็กน้อยเขียนมาอวยพรวันเกิดค่ะ



    ตอนบ้าๆแร็ฟเตอร์แต่งตัวเลียนแบบเขาไม่ละเว้นแม้กระทั่งชุดนักเรียน



    หน้าหนี้ตอนเก้าขวบมาเยี่ยมแม่ที่สมุทรปราการ




    วันที่รับปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี45



    หน้านี้เพ้อค่ะ เขียนกลอนนั่นนี่ไปเรื่อย




    ตอนห้าขวบกับน้องชายของฉัน และบ้านของเรา



    และเพื่อนรักคนเดียวที่ฉันมี ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันฉันรักแกเสมอเพื่อน


    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=8Jmg6K1DzoU

    ขอบคุณบ้านมหาที่ให้พื้นที่ได้แบ่งบันบันทึกหน้านี้ค่ะ

    ขอบคุณคนอ่านที่สละเวลามาอ่านเรื่องราวของสาวชัยภูมิค่ะ

    สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
  5. สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    ประวัติศาสตร์ชุมชนบ้านเป้า(2)


    ในจำนวนเจ้าอาวาสทั้งหมด มีอยู่รูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังทางเวทย์มนต์คาถา มีวิชาอาคมที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เรียกได้ว่าเป็นเกจิจอมขมังเวทย์เลยทีเดียว คือเจ้าอาวาสรูปที่ 2 ที่ชื่อว่า “พระครูหลักคำ”ประวัติวัดประจำหมู่บ้านวัดธาตุ

    ที่ตั้งและอาณาเขต


    วัดธาตุ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๑๑ หมู่ ๙ บ้านเป้า ต.บ้านเป้า อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ มีเนื้อที่ ๘ ไร่ ๓ งาน ๓๐ ตารางวา หนังสือสำคัญ น.ส.๓ เลขที่ ๒๕๑๘ อาณาเขตทิศเหนือจดทางสาธารณะและชุมชนหมู่บ้าน ทิศใต้จดทางหลวงแผ่นดิน ทิศตะวันออกจดทางสาธารณะและโรงเรียน ทิศตะวันตกจดทางสาธารณะและชุมชนหมู่บ้าน ลักษณะทั่วไป ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และกลิ่นอายของพระพุทธศาสนา มีลมโชยแผ่วเบาเย็นสบายตลอดเวลา เนื่องจากตั้งอยู่ในตำแหน่งรับลมไม่มีสิ่งปลูกสร้างปิดบัง สัญลักษณ์ภายในวัดอีกอย่างหนึ่งคือต้นตาลโบราณ ๒ ต้น อยู่ริมสระน้ำ ซึ่งปลูกบัวหลวงสวยงาม จากการสอบถามบรรพบุรุษไม่มีใครตอบได้ว่าใครเป็นคนปลูก เกิดมาก็เห็นมีขนาดความสูงเท่านี้แล้ว จากการสังเกตความสูงของต้นตาลเกิดได้โดยการผลัดก้านใบที่แห้งทิ้ง ปีหนึ่งจะผลัดก้านใบประมาณ ๑ หรือ ๒ ก้าน เท่านั้น ปัจจุบันนี้ไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นวัดความสูงของต้นตาล ได้แต่ประมาณการว่าจะมีความสูงจากโคนต้นถึงปลายสุด ๓๐ เมตร ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สูงที่สุดในบริเวณใกล้เคียง ถ้าหากจะคำนวณอายุของต้นตาลดูก็น่าจะมีอายุหลายร้อยปีสังกัด มหานิกายประวัติ วัดธาตุ ตั้งมาตั้งแต่เมื่อใดไม่มีหลักฐานที่แน่นอน จากหลังฐานที่ปรากฏ เช่นโบสถ์ และพระธาตุ ซึ่งก่อสร้างโดยใช้อิฐมอญ ฉาบด้วยปูน ซึ่งอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ปฐมกษัตริย์รัตนโกสินทร์ ในปี พ.ศ.๒๓๒๕ จากการบอกเล่าของคนโบราณสืบต่อกันมา บ้านเป้านี้มีนามเดิมว่า บ้านโนนจำปา



    โบราณวัตถุ
    วัดธาตุบ้านเป้ามีโบราณวัตถุที่สำคัญ คือ๑.พระธาตุ ได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก พระธาตุส่วนกลางไปหายอดได้หักล้มลงมา เหลือแต่ฐานสูงจากพื้นประมาณ ๒ เมตร ส่วนที่หักมีความยาวประมาณ ๖ เมตร ชาวบ้านได้ตั้งไว้ใกล้เคียงกับฐานและได้ปลูกไม้ยืนต้นล้อมรอบส่วนที่หักเอาไว้ สันนิษฐานได้ว่าน่าจะสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นศิลปะของชาวอีสานโบราณ เนื่องจากใช้ดินเผาไฟ ทำเป็นก้อนอิฐ หากแต่ถ้าเป็นศิลปะของชาวเขมร ส่วนมากแล้วที่พบเห็นจะเป็นหินศิลาแรง และมีความเก่าอยู่มาก หรือหากเป็นศิลปะของชาวมอญ รามัญ หรือพม่า ก็ไม่น่าจะแผ่อิทธิพลมาถึงบริเวณแถบนี้ พระธาตุที่อยู่ใกล้เคียงและน่าจะมีอายุในการก่อสร้างใกล้เคียงกันคือ พระธาตุกุดจอก อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และพระธาตุหนองสามหมื่น ตำบลบ้านแก้ง อำเภอภูเขียว๒.อุโมงค์พระพุทธรูป ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิมีนามว่า พระสีหนุราชบุราณ ทำด้วยวัสดุปูนปั้นฝีมือชาวไทยอีสานโบราณ ตั้งอยู่ในศาลาการเปรียญหลังเก่า เป็นที่กราบไหว้บูชาของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป๓.ศาลปู่หลักคำ ในจำนวนเจ้าอาวาสทั้งหมด มีอยู่รูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังทางเวทย์มนต์คาถา มีวิชาอาคมที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เรียกได้ว่าเป็นเกจิจอมขมังเวทย์เลยทีเดียว คือเจ้าอาวาสรูปที่ 2 ที่ชื่อว่า “พระครูหลักคำ” จากคำบอกเล่าของนายกา ล้วนมงคล ผู้เฒ่าชาวบ้านเป้าบอกว่า เดิมปู่หลักคำมีชื่อว่า “บุญมี” (ไม่ปรากฏนามสกุล) เป็นคนบ้านแก้ง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เป็นหนุ่มฉกรรจ์ที่เป็นคนดื้อ ชอบรันฟันแทง ชอบปล้นและลักวัว ควายของชาวบ้านเพื่อนำไปฆ่าขายหรือกิน มีวิชาอาคมอยู่ยงคงกระพัน ล่องหน หายตัว ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก ไม่มีใครกล้าตอแยต่อกรด้วย และจะด้วยเหตุใดไม่ทราบ ท่านได้เลิกเป็นนักเลงหัวไม้ในที่สุดได้มาบวชจำพรรษาอยู่ที่วัดธาตุ ก็คงจะหลายปีจนได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครู หันมาบำเพ็ญภาวนารักษาศีล กระทั่งเกิดพลังบารมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์มนต์ขลัง เพราะปรากฏว่าเคยมีข่าวความศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายครั้ง เช่น เคยมีม้าพยศ พยายามจะวิ่งเข้ามาในวัด แต่ก็เข้ามาไม่ได้ หากใครเข้าไปในบริเวณวัดแล้วพูดจาไม่เหมาะสม ไม่ถอดหมวก อันเป็นการไม่แสดงความเคารพต่อสถานที่จะเกิดเหตุอาถรรพ์ จะทำให้มีเหตุเป็นไปในทางไม่ดีกับบุคคลนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งในสมัยก่อนมีผู้แทน(ส.ส.)ได้นำภาพยนตร์กลางแปลงมาฉายภายในวัดเพื่อทำการปราศรัยหาเสียง แต่มีเหตุทำให้ลืมเคารพคารวะเจ้าของสถานที่ จึงทำให้เครื่องไฟที่ใช้ปั่นกระแสไฟฟ้าในการพูดเครื่องขยายเสียงและฉายภาพยนตร์ติดเครื่องไม่ได้ ช่างทำการแก้ไขอยู่นานก็ไม่สำเร็จชาวบ้านคนเฒ่าคนแก่จึงแนะนำว่าให้ไปบนบาน ขอขมาศาลปู่หลักคำเสียก่อน ทางคณะผู้แทนจึงได้กระทำตามคำแนะนำของชาวบ้าน เสร็จแล้วพอมาติดเครื่องปั่นไฟฟ้าครั้งเดียวก็ติดเครื่องได้ และอีกครั้งหนึ่งมีเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อไม่นานนักประมาณปี พ.ศ.2542 มีพ่อค้าต่างถิ่นนำสินค้ามาจำหน่ายตลาดนัดสินค้าราคาถูกภายในบริเวณวัด ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวบ้านแนะนำว่าให้ไปครอบ(สักการะ)ปู่หลักคำเสียก่อน แต่พ่อค้าไม่เชื่อและยังได้กล่าววาจาในเชิงลบหลู่หมิ่นประมาทเสียอีก พอพ่อค้าทำการติดเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นเครื่องขยายเสียง ทำอย่างไรเครื่องก็ไม่ติด ไปว่าจ้างช่างมาแก้หลายคนก็แก้ไม่ได้ ผู้เฒ่าจึงแนะนำให้พ่อค้าจงได้ไปครอบปู่หลักคำเสียก่อน โดยให้ไปจัดหาเครื่องสักการะมีพวงมาลัยเจ็ดสียาวเจ็ดศอก มีขุนนาง ช้าง ม้า และดอกไม้ขาว นำมาถวายและเซ่นสักการะ พ่อค้าคนนั้นไม่เชื่อแต่ยอมทำตามที่ผู้เฒ่าบอก เสร็จแล้วลองมาทำการติดเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าเพียงครั้งเดียวก็ติด ทำให้พ่อค้าคนนั้นเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หากได้ผ่านมาทางบ้านเป้าเมื่อใดก็จะหาเครื่องเซ่นสักการะไปครอบปู่หลักคำทุกครั้งทันทีในปี พ.ศ.2547 มีเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยบ้านเป้าคนหนึ่งได้เป็นผู้นำในการจัดทำผ้าป่าหาปัจจัยมาก่อสร้างหอระฆังให้กับวัด ตอนสายวันหนึ่ง ฝนตก เขาได้ขับรถยนต์เข้าไปจอดในลานวัดเพื่อไปรับเจ้าอาวาสไปดำเนินงานผ้าป่าในต่างอำเภอ และได้สวมหมวกเข้าไปโดยมิได้มีเจตนาจะลบหลู่หรือหมิ่นประมาทแต่ประการใด เพียงแต่ได้ลืมนึกถึงกฎข้อห้ามนี้เท่านั้น พอติดเครื่องจะขับรถออกมาทำให้รถติดหล่มขยับไม่ได้ และได้ใช้ความพยายามอยู่หลายครั้งก็ออกไม่ได้ จึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองได้สวมหมวกเข้ามาภายในบริเวณวัดอันเป็นการไม่เคารพสถานที่ จึงได้ถอดหมวกออกและได้กล่าวขอขมาลาโทษต่อหลวงปู่หลักคำและอธิษฐานขอให้รถได้ขึ้นจากหล่มได้เถิด พอหลังจากนั้นจึงกลับมาติดเครื่องรถและถอยออกไปนอกบริเวณวัดได้อย่างสะดวกอย่างไม่มีปัญหาเหมือนกับตอนแรก จะเป็นด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แต่เขาคนนั้นได้เชื่อว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่หลักคำที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นด้วยสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในหลายๆครั้งจึงทำให้ชาวบ้านเป้าและบ้านใกล้เคียงยิ่งเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และให้ความเคารพยำเกรงในดวงวิญญาณของปู่หลักคำยิ่งขึ้นและชาวบ้านมีความเชื่อว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของศาลปู่หลักคำจึงทำให้เกิดสิ่งต่างๆดังกล่าว ด้วยเหตุที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นผู้มีวิชาอาคมของพระครูบุญมี หรือพระครูหลักคำ หรือปู่หลักคำนี้เอง ชาวบ้านเป้าในสมัยก่อนจึงได้ร่วมกันก่อสร้าง “หลักคำ” ไว้เป็นอนุสรณ์เพื่อให้ลูกหลานได้บูชากราบไหว้หลังจากที่ท่านได้ถึงแก่มรณภาพแล้ว โดยได้สร้างเป็นหลักไม้แก่นขนาดเส้นรอบวงของฐานหลักคำประมาณ 80 เซนติเมตร สูงประมาณ 100 เซนติเมตร แกะสลักทั้งลำต้นให้สวยงาม ปลายยอดแหลม ทาด้วยสีทองเหลืองอร่ามงดงามและน่าเคารพเกรงขามยิ่งนัก ทุกวันนี้เสาหลักคำได้สึกกร่อนไปตามกาลเวลา และต่อมาทางวัดได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างหอปกคลุมไว้กันฝนกันแดด มีรั้วรอบทั้งสี่ทิศ มีประตูทางด้านทิศใต้เปิดปิดเข้าออกได้ด้วยเหตุนี้เอง จากนายบุญมี หรือท้าวบุญมี หรือพระครูบุญมีนี่เอง จึงได้กลายเป็น “พระครูหลักคำ” หรือ “ปู่หลักคำ” ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ชาวบ้านเป้าและชาวบ้านใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือมาจนกระทั่งปัจจุบัน นับว่าเป็นเกียรติประวัติของท่านและของชาวบ้านเป้าเป็นอย่างยิ่ง



    ๔.พระสังกัจจายน์เนื้อหินอ่อน ชาวบ้านนับถือในความศักดิ์สิทธิ์มาก หากทำพิธีสาบานแล้วชาวบ้านนิยมเอาพระสังกัจจายน์องค์นี้เป็นพระประธาน ตามตำนานเล่าว่าหลวงปู่หลักคำเป็นผู้อันเชิญพระสังกัจจายน์มาจากกรุงเทพมหานคร๕.พระพุทธรูปทองคำ มีอยู่ ๓ องค์ด้วยกัน สันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และตั้งข้อสังเกตได้ว่า แร่ประเภทองคำเป็นสิ่งมีค่า หายาก ซื้อหรือขายจะมีราคาแพง ในสมัยโบราณคนที่จะสามารถสร้างพระพุทธรูปด้วยทองคำได้ส่วนมากแล้วจะเป็นพระมหากษัตริย์ หรือเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเท่านั้น องค์ที่ ๑ เป็นพระยอดธงปางนั่งสมาธิ ทำด้วยทองคำ ขนาดความสูงประมาณ ๔ - ๕ ซ.ม. ปัจจุบันมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก และจากพระยอดธงปางสมาธิก็กลับกลายเป็นพระปางสมาธิธรรมดาแบบไม่มียอดธง และทำด้วยวัสดุคล้ายทอง องค์ที่ ๒ และ ๓ เป็นพระพุทธรูปยืนปางรำพึง ขนาดความสูงขององค์พระประมาณ ๔ - ๕ ซ.ม. ปัจจุบันมีขนาดหดเล็กลงกว่าเดิม ทำด้วยวัสดุคล้ายทองเช่นกัน๖.พระอัฐิธาตุของพระอานนท์ เป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวบ้านเป้าที่บรรจุไว้บนพระธาตุ หลังจากที่มีการชำรุดของพระธาตุจึงได้นำมาเก็บไว้ในโกฎทำด้วยไม้ไผ่แกะสลักลวดลายสวยงาม โดยคนเฒ่าคนแก่ที่ชาวบ้านนับถือเป็นผู้จัดเก็บหมุนเวียนเปลี่ยนมือหลายคน และด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ของมนุษย์จึงทำให้พระอัฐิธาตุของพระอานนท์ได้แปรสภาพกลายเป็นเม็ดกรวดหินธรรมดาขนาดเล็กๆจำนวน ๔๑ เม็ด ๗.แก้วยอดพระธาตุ มีลักษณะทำด้วยแก้วใส ขนาดเท่าผลมะนาว มี ๒ อันๆหนึ่งกลมเรียบ อีกอันหนึ่งเจียระไนมีรูปทรงกลม ชาวบ้านเก็บไว้หลังจากที่พระธาตุได้หักลงมา ๘.พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปยืนเก่าแก่ ยกมือขึ้นในลักษณะห้าม ทั้ง ๒ มือ นิ้วมือข้างซ้าย ๓ นิ้ว มีนิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยหักขาดออก ซึ่งสันนิษฐานได้ว่ามีการชำรุดขององค์พระเนื่องจากการเคลื่อนย้าย เพราะองค์พระมีน้ำหนักมาก



    สิ่งก่อสร้าง
    ๑.อุโบสถ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๒ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๙.๒๐ เมตร ยาว ๑๗ เมตร แต่ก่อนเป็นอุโบสถทำด้วยไม้ ต่อมาได้บูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ ทำด้วยอิฐถือปูน สิ้นค่าก่อสร้าง ๓๐๐,๐๐๐ บาท(สามแสนบาทถ้วน) ๒.ศาลาการเปรียญหลังเก่า แต่ก่อนทำด้วยไม้ทั้งหลัง ครอบอุโมงค์พระพุทธรูปโบราณเสากลมใช้ไม้ทั้งต้นยกสูงประมาณ ๑ เมตร ปูพื้นด้วยไม้กระดาน หลังคามุงด้วยไม้ลักษณะคล้ายเกล็ดปลา ฝาผนังทำด้านทิศเหนือเพียงด้านเดียว บนศาลาประดับด้วยรูปภาพของพระพุทธเจ้าในกิจต่างๆหลายภาพ ปัจจุบันได้มีการบูรณะโดยเปลี่ยนเป็นหลังคากระเบื้อง พื้นหินอ่อน บุฝ้าเพดาน ขยายความกว้างทางด้านทิศเหนือประมาณ 2 เมตร บันไดคอนกรีต มีลูกกรงล้อมรอบ ประตูเหล็กยืด ๓.ศาลาการเปรียญหลังใหม่ เริ่มลงมือก่อสร้างปี พ.ศ.๒๕๓๒ ทำด้วยคอนกรีต จำนวนเสา ๕๐ ต้น ทำได้หนึ่งชั้น ปัจจุบันหยุดการก่อสร้างเนื่องจากไม่มีทุนทรัพย์มาดำเนินการก่อสร้างต่อ ๔.หอระฆังหลังเก่า ลักษณะทำด้วยไม้ ๒ ชั้น ๕.หอระฆังหลังใหม่ เริ่มลงมือก่อสร้างเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๗ ทำด้วยคอนกรีต ปริมาณงานได้ประมาณ ๕๐ % ปัจจุบันหยุดการก่อสร้างเนื่องจากไม่มีทุนทรัพย์มาดำเนินการก่อสร้างต่อ ๖.กุฎี ๖.๑หลังที่๑ ลักษณะ ๒ชั้นใต้ถุนโล่ง มีจำนวนห้องพักหลายห้อง(หลังใหญ่ทางด้านทิศตะวันตก) สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ สมัยพระภิกษุเรียนเป็นเจ้าอาวาส๖.๒หลังที่๒ มีลักษณะ๒ชั้นทำด้วยไม้ยกพื้นสูง ๕๐ ซ.ม.ประตูเหล���กยืด (ติดกับกุฎีหลังใหญ่)สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ สมัยพระครูชัยสรโสภณ สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาท (สามหมื่นบาท)๖.๓ หลังที่๓ ลักษณะยกพื้นสูง ๑ เมตร ทำด้วยไม้ (หลังที่ ๓ นับจากทางทิศตะวันตก) สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ สมัยพระสัมพันธ์เป็นเจ้าอาวาสสิ้นค่าใช้จ่ายและค่าก่อสร้างประมาณ ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาท) และ (หลังที่๔ ลักษณะ ทำด้วยไม้ ๒ ชั้นใต้ถุนโล่ง (อยู่มุมวัดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ สมัยพระสัมพันธ์เป็นเจ้าอาวาสสิ้นค่าใช้จ่ายและค่าก่อสร้างประมาณ ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาท) ปัจจุบันได้รื้อถอนแล้วสร้างกุฎีหลังใหม่ทดแทน)๖.๔ หลังที่๔ ลักษณะก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้อง ประตูเหล็กยืด สร้างโดยนายล้วน เสมาทอง (หลังที่ ๔ นับจากทางทิศตะวันตก)๖.๕ หลังที่๕ ลักษณะก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้อง ประตูเหล็กยืด สร้างโดยพระพิชัย นายตราสินทร์ นางหนูริ้ว ฦาศักดิ์ (หลังที่ ๕ นับจากทางทิศตะวันตก)๖.๖ หลังที่๖ ลักษณะก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้อง ประตูไม้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก๖.๗ หลังที่๗ ลักษณะก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้อง ประตูไม้ สร้างโดยพระนาวิน ลือกำลัง ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ๗.ศาลาเอนกประสงค์ ลักษณะก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้อง ประตูเหล็กยืด ตั้งอยู่ติดกับกุฎีหลังที่๖ ติดไปทางทิศเหนือ ๘.หอถังสูงประปา ทำด้วยคอนกรีต ลักษณะเป็นถังเก็บน้ำข้างบนเพื่อจ่ายน้ำตามระบบท่อภายในวัด ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ๙.โรงเรียนปริยัติธรรม ลักษณะทำด้วยไม้ ชั้นเดียว สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๗ สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ ๔,๐๐๐ บาท (สี่พันบาท) ปัจจุบันรื้อถอนไปแล้วเนื่องจากเสื่อมสภาพตามกาลเวลาทำเนียบเจ้าอาวาส ตั้งแต่องค์แรกถึงองค์ปัจจุบัน๑.พระอธิการยาเพชร๒.พระครูหลักคำ๓.พระอธิการซา๔.พระอธิการเส็ง๕.พระอธิการรัง๖.พระอธิการซน๗.พระอธิการคำมี๘.พระอธิการบุญมา จิตสาภโท๙.พระอธิการพ้วย ฐิติปัญฺโญ๑๐.พระอธิการเจียง จิตฺตโม พ.ศ.๒๔๗๑ - ๒๔๘๔๑๑.พระอธิการพิมพ์ พ.ศ.๒๔๘๔ - ๒๔๘๗๑๒.พระอธิการพล พ.ศ.๒๔๘๗ - ๒๔๙๐๑๓.พระอธิการดี พ.ศ.๒๔๙๐ - ๒๕๐๐๑๔.พระอธิการเรียน ๑๕.พระอธิการโอกาส๑๖.พระอธิการคำพันธ์๑๗.พระอธิการดี๑๘.พระครูชัยสรโสภณ๑๙.พระอธิการสัมพันธ์๒๐.พระมหาถวิล๒๑.พระสุดใจ ภทฺทปญฺโญ๒๒.พระพิชัย ฐานจาโร (รักษาการเจ้าอาวาส)๒๓.พระจวน สิงหกำพล (รักษาการเจ้าอาวาส)๒๔.พระดาวเรือง(เต่า) เศียรเขียว (รักษาการเจ้าอาวาส)๒๕.พระถนัด คุณกาโร (รักษาการเจ้าอาวาส)๒๖.พระอธิการท้วม๒๗. พระอธิการถนัด คุณกาโร๒๘.พระทองอินทร์ ฐานธมฺโม (รักษาการเจ้าอาวาส)



    หลักฐานอ้างอิง ได้จากคำบอกเล่าของ
    ๑. นายสี สุหญ้านาง ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว๒. นายสุพรรณ ฦาชา อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านเป้า(สำราญไชยวิทยา) ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว๓. นายเชษฐ์ สนั่นเมือง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเป้า(สำราญไชยวิทยา) ผู้รวบรวมข้อมูล๔. และชาวบ้านในหมู่บ้านเป้า

    มีต่อ...เรื่องเล่าบ้านเป้า(3)
  6. สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    [B]เป็นรอยคราบของน้ำตาเมื่อคราวจาก
    เมื่อเธอพรากรอยอาลัยในใจฉัน
    เอาความรักพร้อมดวงใจไปไกลกัน
    ข้ามห้วงฝัน ล่วงกาลของเวลา


    กี่ภพล่วง กาลล้ำก็ย้ำนัก
    รอยสลักปักใจที่ไกลห่าง
    ว่ามีเธอเสมอช่วงของกลกาล
    มิช้านานเราจะกลับมาพบกัน
  7. สัญลักษณ์ของ lungyai1123
    จากตรงนั้นถึงตรงนี้พี่ตรึงตรา
    ยังหวลหาว่ารักเราเฝ้าคนึงจิต
    สุุดจะพิศงามร้อยเรียงเพียงสวรรค์
    รักมากพลันเหมือนดวงแก้วแววมณี

    เปรียบธุลีสูงเทียมฟ้าอัคราสวรรค์
    ก็เหมือนดั่งดุจเพชรเม็ดเสกสรรค์
    เฝ้าถนอมกว่าดวงตาและดวงชีวัน
    อยากมีฝันที่สำเร็จเทียบเพชรเอย
  8. สัญลักษณ์ของ lungyai1123
    ในนภา คืนนี้ จันทร์สวยเด่น
    เพียงแรกเห็น งามตา คืนฟ้าใส
    โอ้จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ช่างอยู่ไกล
    รู้บ้างไหม ใครมอง และหมายจันทร์


    อยากมีมือ เอื้อมถึง ดวงจันทร์สาว
    อยากมีขา ที่ยาว ถึงจันทร์นั่น
    จะได้เด็ด มาสวมกอด อ้อนโดยพลัน
    จะอมเจ้า ทุกวัน เพียงขวัญใจ


    โอ้จันทร์เอ๋ย เคยไหม คิดมองข้า
    อยากรู้ว่า หัวใจ จันทร์มีไหม
    หากไม่มี ตัวฉันนี้ แม้อยู่ไกล
    จะยินดี มอบให้ ได้ไหมจันทร์



    เคยผ่านรักหอมรักมานานเนิ่น
    แต่บังเอิญหอบรักรักต้องตอบที่รัก
    เมื่อที่รักอุ่นรักก็เพลินรักแต่ในรัก
    จำต้องพักรักไว้ให้นานรัก


    รักก็รักจำใจพรากห่างจากรัก
    รักประจักถึงความรักแสนอุ่นรัก
    มีแต่รักคนอื่นอุ่นอาจมิใช่ใจเรารัก
    รักรอรักเฝ้าแต่รักประจักเอย...นี่ก็คือรัก
    Updated 22-09-2012 at 13:21 by lungyai1123 (แก้ไขตัวหนังสือ)
  9. สัญลักษณ์ของ lungyai1123


    แหงนมองจันทร์คืนเพ็ญเด่นกลางหาว

    รัศมีเจิดสกาวกว่าคืนไหน

    จันทร์เจ้าขาขอฝากข่าวถึงคนไกล

    แม้อยู่ที่แห่งใดใจผูกพัน




    ขอเขาจงรับรู้ฤทัยน้อง

    ยึดมั่นรักหมายปองเธอเคียงขวัญ

    ยังคิดถึงเสมอทุกคืนวัน

    กลับมาเติมความฝันมั่นรักเรา




    หากยามนี้มีเธออยู่เคียงใกล้

    จักอบอุ่นปานใดคงคลายเหงา

    ทุกข์สุขขออยู่เรียงร่วมเคียงเหย้า

    ปรนนิบัติค่ำเช้าเนานิรันดร์



    จันทร์เจ้าขาข้าวิงวอนขอพรด้วย

    ซุปเปอร์มูน โปรดช่วยให้สมใจฝัน

    รักเราสองคงมั่นมิไหวหวั่น

    .....ดุจราตรี มีจันทร์ นิรันดร์เทอญ.....


  10. สัญลักษณ์ของ ร้อยหมื่นพันไมล์ไกลบ้าน
    When I look up to the sky
    and thinking about you
    you are amazing just the way you are
    and i adore you just as you are
    I just wish to the moon
    That you are thinking of me too
    Nothing in the wold will change my mind
    to loving and dreaming of you

    เมื่อเหม่อมองดูท้องฟ้าและคิดถึงเธอ
    เธอเป็นคนพิเศษในสิ่งที่เธอเป็น
    และฉันก็ชื่นชมเธอในสิ่งที่เป็นเธอ
    ฉันขอพรจากดวงจันทร์
    ดลบันดาลให้เธอคิดถึงฉันเหมือนกัน
    ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะเปลี่ยนใจฉัน
    ให้รักและคิดถึงเธอ
  11. สัญลักษณ์ของ จ่ายงค์ อุดร
    ดอกรักเบ่ง แรกแย้มบาน สวยสดใส
    ชุ่มฉ่ำใจ ให้กับคน ที่พบเห็น
    ความรักเจ้า กล่าวไปคล้าย เดือนเพ็ญ
    ส่องให้เห็น แสงทาง สว่างใจ
    แต่บางคลา แสงสว่างพลันมืดมิด
    ในดวงจิต มืดมน เป็นไฉน
    กว่าจะรู้ ว่าความรัก เจ้าลาไกล
    ในดวงใจ ก็มืดมน เหมือนเดือนแรม
  12. สัญลักษณ์ของ ร้อยหมื่นพันไมล์ไกลบ้าน
    ฟังคำหวาน เรียงถ้อย ร้อยอักษร
    เป็นกาพย์กลอนสื่อสร้อยร้อยภาษา
    สื่อดวงใจถึงใครหนออีกฟากฟ้า
    ยังคิดถึงเสมอมา ถึงแม้ว่า ไม่อาจเจอ
  13. สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    ขอบคุณที่ติดตามค่ะ บียังไม่เก่งเลย ยังต้องหัดอีกค่ะพี่หน่อย
  14. สัญลักษณ์ของ ร้อยหมื่นพันไมล์ไกลบ้าน
    รอใคร หนอคนของใจใครคนนั้น
    คงจะมีสักวัน ได้เจอหน้า
    แม้เป็นเพียงแค่ได้สบสายตา
    ก็ยังดีไปกว่าไม่เจอะเจอ

    พี่ชอบอ่านน้องบีแต่งค่ะ เข้ามาแอบอ่านเรื่อยๆ อิอิอิ
  15. สัญลักษณ์ของ บ่าวจัย
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ สิ่งดีๆต้องซ่อยกันครับเดียวมันสิบ่มีให้เรียนให้เห็นเด้จักหน่อยนะ
  16. สัญลักษณ์ของ กะเม็งสะเร็น
    น่าสนใจ ครับ แล้วเรียนกี่เทอม กี่ปีล่ะ มีภาคพิเศษไหมครับ....
    จบมากะมีงานทำเลย ไม่ต้องไปเที่ยวเดิน สมัครงานให้ลำบาก.....
  17. สัญลักษณ์ของ lungyai1123
    คลอ้งจองกันดีแท่ ลุงใหญ่กลับมาอ่านใหม่ ฟังใหม่อืมมมเข้ากันดีจ้า
  18. สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    หนููฟังเป็นแต่เล่นไม่เป็็นค่ะพี่ แต่ชอบมากค่ะ เหมือนเรารอใครอยู่จริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาไหม เพลงนี้มันเศร้าๆค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่่านนะคะธุจ้า
  19. สัญลักษณ์ของ wundee2513
    ... ที่จริงผมก็ฟังไม่ค่อยเป็น แต่ฟังเสียง ขึ้นๆ ลงๆ คล้ายๆกับ
    ว่า เรานั่งรอใครสักคนด้วยความหวัง หวังว่าสักวันคงมาถึง ขณะเดียวกัน ดั่งเหมือนว่าเราเดินเพียงลำพัง ...

    หวังว่าคงจะนำสิ่งดีๆ มาลงอีกนะครับ
  20. สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    ใครรานใครรุกด้าวแดนไทย ไทยรบจนสุดใจขาดดิ้น...........:l-:l-