บ้านเป็นสุข
"เปิ่น จู้จี้กับธรรมชาติที่เมือง หวูซี่"
by
, 16-10-2010 at 02:07 (2428 เปิดอ่าน)
การเดินทางของหญิงแจ่มใสนั้น ครั้งแรกเลยก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกค่ะ แม้แต่ตั๋วเครื่อง ทาง Coordinator เขาก็จัดการให้ เวลาเดินทางไปทำงานก็วิ่งตามหัวหน้าทีมอย่างเดียวเลย ที่สนามบินดอนเมืองดูเหมือนแคบเล็กไม่เหนื่อย แต่จริงแล้วซอกแซกน่าดูชม และน่าหลงเป็นที่สุด สุวรรณภูมิ ง่ายกว่าเยอะเลย
ความคิดเปิ่น ๆ เกิดเมื่อถึงเมืองจีนครั้งแรก มีรถตู้มารับที่สนามบิน Podong จะให้อ่านออกเสียงอย่างไร ก็เรียกเลยสนามบิน ปูดอง ฮ่าๆ จริงๆ เขาชื่อ ฟุด่อง หรือ ฟูด่อง หรือ ฟู้โต่ง ที่แปลว่าไม่รู้ ก็ไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจสักอย่างชีจะเขียนทำไมเนี่ย นั่นสิ นี่ก็เปิ่นเรื่องแรกไง สนามบิน ปูดอง น่านำมาใสส้มตำไหมหละ
นอกจากเปิ่นเรื่องชื่อสนามบินแล้ว ยังมีอีก ระยะทางจากสนามบินไปเมืองที่ทีมต้องไปทำงานนั้น เกือบสามชั่วโมง ตอนที่ทีมเราไปนั้นเป็นฤดูหนาว ฝนตก แต่ไม่มีหิมะ เราเดินทางออกจากสนามบินช่วงบ่ายกว่า เดินทางเรื่อย ๆพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บรรยากาศ ชวนคิดถึงบ้านตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน เหม่อมอง ออกไปนอกหน้าต่างรภตู้ ดูบ้านเมือง บ้านนอกเขาก็ไม่ต่างจากบ้านเรา มีบ้านห่าง ๆ มีทุ่งกว้างๆ เอไหนว่าเมืองจีนประชากรเยอะ จนไม่มีที่จะอยู่ นี่ทุ่งกว้างยิ่งกว่าทุ่งกุลาร้องให้บ้านเราอีก เอผู้ชายเขาแบกจอบเดินตามคันนา เขาจะไปไหนน้า ผ่านไป เด็กสองคนวิ่งเล่น
ผ่าน หนองน้ำ เอ ทำไม? ผ่านทุ่งนา ไม่มีหญ้าเขียว มีแต่ผืนดิน เอ ทำไม ผ่านแม่น้ำ อีกหละ ทำไม ?
เขาทำน้ำมันหก กันทุกที่ที่มีน้ำ เลย ไม่เสียดาย ก็น่าจะนึกถึงสัตว์น้ำ รู้สึกแย่ตั้งแต่นาทีแรกเลย นะนี่ มลภาวะจะ เป็นยังไง สัตว์ น้ำ สัตว์บก คงตายเยอะน่า ดู บ่นในใจว่าเขาไปเรื่อย ตามประสา คนจู้จี้เรื่อง ธรรมชาติ
คราบน้ำมันเกาะบนผิวน้ำ
แม่น้ำที่ผิวหน้าน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง
หลายวันต่อ ฉันพบคำตอบ ว่า เจ้าสีรุ้งเหมือนน้ำมันบนผิวน้ำที่ฉันเห็น เป็นผิวน้ำที่เกาะกันเป็นน้ำแข็งจากภาวะอากาศเย็น และเมื่อ มันกระทบกับแสงอาทิตย์ช่วงเย็น ทำให้มองเห็นเหมือนน้ำมันที่ราดอยู่บนผิวน้ำ
นี่ก็เปิ่นไปอีกหละ