thedon
การแต่งเพลงง่ายนิดเดียว
by
, 28-03-2011 at 10:49 (31903 เปิดอ่าน)
ในส่วนของบท Intro นั้นเนื้อหาได้หายไปในช่วงที่ฐานข้อมูลเสียหาย แต่ก็ไม่เป็นไรครับวันนี้พอดีเห็นข้อมูลเดิมที่ยังเหลืออยู่ในเครื่องก็เลยนำมาลงใหม่ให้กับผู้ที่สนใจได้ติดตามครับ
เริ่มแต่งเพลง
ในบท Intro ที่ผ่านมาก็เป็นการปูพื้นฐานทฤษฏีวิชาภาษาไทยเล็กน้อยแต่คงไม่ยากเกินไปนะครับเพราะเราน่าจะได้ผ่านการการเขียนกลอนมาบ้างแล้วตั้งแต่สมัยเรียน ป 4-ป 5 ไม่อยากบอกเลยว่า thedon ก็สอบตกวิชาภาษาไทยเหมือนกันครับ
อย่างที่เกริ่นไปแล้วสำหรับการแต่งเพลงนั้นหากจะเปรียบแล้วก็เหมือนกับการนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เรื่องอะไรก็ได้มาเล่าให้คนฟังโดยผ่านทางบทกลอนและเพิ่มช่วงจังหวะทำนองเข้าประกอบให้มีอรรถรสเพิ่มมากขึ้น ตามอารมณ์ของแต่ละบทเพลง อาจจะเป็นจังหวะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับผู้ถ่ายทอดว่าจะอยู่ในอารมณ์ใด เช่น เวลาอกหัก ก็อาจจะแต่งเพลงเศร้าได้ดี หรืออารมณ์ดีก็อาจจะแต่งเพลงสนุกได้ บางครั้งอาจได้ยินคำบอกเล่ามาหรือผ่านไปพบประสบเจอก็อาจจะหยิบยกมาเป็นประเด็นรวบรวมข้อมูลและนำมาถ่ายทอดก็ได้เช่นกัน
เมื่อเราสามารถเริ่มแต่งกลอนได้ เข้าใจหลักการสัมผัสนอกสัมผัสในการส่งสัมผัสระหว่างวรรคและระหว่างท่อนแล้ว ต่อไปก็จะถึงเวลาที่เราจะเริ่มแต่งเพลงกันแล้วครับ
ก่อนการแต่งเพลงต้องเริ่มต้นอะไรบ้าง
1.กำหนดเนื้อหาของเพลงว่าจะเล่าถึงอะไร มีความชัดเจน ไม่ซับซ้อน ไม่วกไปวนมา สามารถจบการดำเนินเรื่องให้จบภายใน 4 บท
2.มีทำนอง (จังหวะ)หากมีทำนองแล้วจะทำให้การเขียนไหลลื่นขึ้น เช่นการทำเสียงฮัมเพลง ดือ ดื่อ ดือ ดื้อ ดือ ดือ (ยกตัวอย่างโฆษณาธนาคารกสิกรไทย)
หรือเคาะเป็นจังหวะก็ได้ครับ หรือบางท่านอาจจะเขียนแล้วค่อยมาใส่ทำนองทีหลังก็ได้แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนส่วนเดอะดอนนั้นจะมีทำนองไว้ในใจแล้วครับ
3.เพลงจะไม่มีกำหนดคำในแต่ละวรรคแป๊ะตายตัวเหมือนกลอนแปด อาจจะมากกว่าแปดคำหรือน้อยกว่าก็ได้สามารถยืดหยุ่ดได้ตามทำนองของเพลง
4.หากแต่งไม่จบอย่าท้อครับ เอาไว้วันหลังมาเขียนต่อ เพราะอารมณ์ศิลปินนั้นอาจจะมาเป็นช่วงๆก็ได้
thedon จะยกตัวอย่างเพลง น้ำค้างเดือนหก ที่ขับร้องโดย ครูสุรพล สมบัติเจริญ ประพันธ์โดย ครูเพลงไพบูลย์ บุตรขัน
เนื้อเพลงจะประกอบด้วย 4 บทหรือ 4 ท่อน ผมจะเรียกว่าเป็นท่อน
ท่อนที่หนึ่งจะเป็นการปูเรื่องว่าเนื้อเรื่องจะสื่อไปในทิศทางใด
ท่อนที่สองจะเป็นการแสดงความชัดเจนของเนื้อหาในการดำเนินเรื่อง
ท่อนที่สามเป็นการขมวดเรื่องราวที่เล่ามาให้เข้าประเด็นวัตถุประสงค์ตามความต้องการของผู้แต่งที่จะสื่อกับผู้ฟัง
ท่อนที่สี่ ในส่วนนี้สำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นการสรุปเนื้อหาเรื่อง เพื่อปิดท้ายให้เนื้อเพลงจบลงอย่างสมบูรณ์
เพลง : น้ำค้างเดือนหก
ศิลปิน : สุรพล สมบัติเจริญ
ผู้ประพันธ์ :ไพบูลย์ บุตรขัน
[WMA]http://www.file2go.com/dl.php?fi=1196s1[/WMA]
น้ำค้างเดือนหกตกแล้ว
น้องเอยน้องแก้วเจ้าไม่หนาวบ้างหรือไร
เมื่อไหร่จะหาเพื่อนมาช่วยจับคันไถ
รู้ตัวหรือเปล่าว่าใครคนหนึ่งชอบน้อง
น้ำค้างที่หยาดจากฟ้า
เหมือนเป็นสัญญาปรารถนาคู่รักครอง
หากพี่เสนอแล้วเธอไม่ตอบสนอง
น้ำค้างก็เป็นน้ำคลองคู่จองก็เป็นคู่จาง
***ห้องจะกลายเป็นรังหนู
เรือนหอที่รอรักอยู่ จะกลายเป็นเรือนร้าง
ข้าวที่มองเห็นอยู่เต็มฉาง
คงเหมือนก้อนดินที่วางอยู่ตามท้องนา
น้ำค้างเดือนหกตกแล้ว
วับแววเหมือนแก้วพร่างพราวแพรวบนยอดหญ้าคา
แม่ยอดน้ำค้าง รักนางขอปรารถนา
ถึงใครจะมองไร้ค่าพี่อยากได้มาไว้ครอง
**จะสังเกตุได้ว่าแต่ละวรรคจะไม่ได้กำหนดคำตายตัวเหมือนกลอน แต่สามารถยืดหยุ่นได้ตามจังหวะหรือทำนองของเพลงครับ
เพลงคึดฮอดบ้าน
คำร้อง/ทำนอง thedon
[WMA]http://www.file2go.com/dl.php?fi=1149s2[/WMA]
แม้อยู่ห่างไกล ร้อยหมื่นพันไมล์ แต่ใจผูกพัน
จากบ้านมาแสนนาน คึดฮอดทุกวัน ไม่มีวันสร่าง
เคยขี่หลังควาย เพลิดเพลินหัวใจ คึดภาพความหลัง
แว่วยิน เสียงฟ้าฮ้องปั้ง ส่งสัญญาณ หน้าฝนใหม่มา
วันนี้ตัวไกล แต่ในใจ ยังคิดคำนึง
บอกผ่าน สายลมรำพึง ฝากส่งถึง พ่อแม่คอยถ่า
ลูกอยู่ทางนี้ ยังคึดฮอดบ้าน ตลอดเวลา
แจ่วบองปลาร้า แม่ห่อส่งมา ยังค่อยยอมจ้ำ
***ห่างกันซำใด๋ แต่ในใจ คึดฮอดบ่เซา
มาทำงาน ต่างถิ่นลำเนา บินข้ามภูเขา ทะเลสีคราม
ผ่านห้วงขอบฟ้า หนข้างหน้า เมฆหมอกครึ้มดำ
เสี่ยงดวง ย้อนจนต้อยต่ำ ที่คอยทิ่มตำ จำพรากถิ่นฐาน
ถึงอยู่แดนไกล แต่ความห่วงใย ยังคอยไถ่ถาม
แม้ความท้อ แวะมาเยี่ยมยาม ตามตอกย้ำ ก็ไม่ไหวหวั่น
สองมือน้อยๆ จะสู้ไม่ถอย เพื่อไขว่คว้าฝัน
อีกไม่นาน จะหวนคืนบ้าน ไปซบผืนดิน กลิ่นโคลน สาบควาย