กำลังแสดงผล 1 ถึง 8 จากทั้งหมด 8

หัวข้อ: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

  1. #1
    ฅนเมืองชน
    Guest

    อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม


    อ่านกี่ครั้งก็................รู้สึก...อยู่เสมอ..........T_T
    คนที่เป็นพี่สาว อย่าน้ำตาไหลนะ

    พี่-น้อง
    >
    > ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน
    > แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
    > ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3ปี
    > วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ
    > ของฉันมีกัน
    >
    > จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง
    >
    > พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง
    > โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน
    > " ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด
    >
    > ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน
    > พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า
    > " ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ
    > ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"
    >
    > พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น
    >
    > ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้
    > แล้วพูดว่า
    > "ผมขโมยเองครับ"
    >
    > ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง
    > พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด
    > จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย
    > พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน
    > " ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก
    > แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"
    >
    > คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้
    > หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
    > แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย
    >
    > กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก
    >
    > น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า
    > " พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"
    >
    > ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้
    > ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ
    >
    > หลายปีผ่านไป
    > แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง
    >
    > ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
    > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...
    >
    > เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น
    > เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน
    > ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย
    > ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน
    >
    > คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน
    >
    > ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดี
    > เรียนดีมากนะ"
    >
    > แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า
    > " แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร
    > ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"
    >
    > ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า
    > "ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"
    >
    > พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่
    > "ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้
    > ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน
    > พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"
    >
    > คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ
    > ทั่วทั้งหมู่บ้าน
    > เพื่อขอยืมเงิน
    >
    > ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า
    > " ต้องให้น้องได้เรียนต่อ
    > ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"
    >
    > แต่ในขณะเดียวกัน
    > ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้
    > ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด
    > น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
    > และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว
    >
    > ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน
    > ขณะฉันกำลังหลับ
    > " พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....
    > ผมจะไปหางานทำ
    > แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"
    >
    > ฉันนั่งอยู่บนเตียง
    > อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...
    > ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป
    > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี .
    >
    > ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน
    > รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที
    > ่
    > ไซท์ก่อสร้าง ...
    > ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3
    >
    > วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
    > เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ
    > อยู่ข้างนอกแน่ะ"
    >
    > ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม
    > ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
    > ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง
    > ...
    > ฉันถามเขาว่า
    > " ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"
    >
    > น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ
    > สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้
    > ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ
    > ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"
    >
    > ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง
    > และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ
    > " พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง
    > เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"
    >
    > จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
    > เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน
    > แล้วพูดว่า
    > " ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"
    >
    > ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด
    > ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน
    > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .
    >
    > วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก
    > ฉันสังเกตเห็นว่า
    > หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว
    >
    > เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก
    >
    > หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า
    > " แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
    > เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"
    >
    > แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า " แม่ไม่ได้จ้างหรอก
    > น้องชายลูกต่างหาก
    > วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน
    > ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ
    > น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"
    >
    > ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา
    >
    > ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ
    >
    > ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม"
    > ฉันถาม
    >
    > "ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ
    > มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด
    > แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ
    > และ..."
    >
    > น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด
    > เพราะฉันหันหน้าหนีเขา
    > น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง
    > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23ปี ส่วนฉันอายุ 26ปี...
    >
    > หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
    > หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน
    > ...
    > แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ
    >
    > ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง
    > แต่เมื่อออกไปแล้ว
    > ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี
    > จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม
    >
    > น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป
    > ...
    > เขาบอกกับฉันว่า
    > "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ
    > ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"
    >
    > สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
    > เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
    > ...
    > แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้
    > เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา
    >
    > วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล
    > และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด
    > เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล
    >
    > ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
    > น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา
    > ... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า
    >
    > "ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!
    > ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้
    > ดูตัวเองซิ
    > เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"
    >
    > คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด
    > ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
    > " พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน
    > ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ
    > ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ
    > คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"
    >
    > น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .
    > ฉันบอกกับน้องว่า
    > "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."
    >
    > "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"
    > น้องชายของฉันจับมือฉันไว้
    > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...
    >
    > เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30ปี
    > เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน
    >
    > ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
    > "ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"
    >
    > น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" .
    > และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้
    >
    > "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
    > เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. เพื่อเดินไปเรียน
    > และเดินกลับบ้าน
    > วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง
    > พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
    > และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล
    > เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
    > เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น
    >
    > ผมสาบานกับตัวเอง
    > ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี
    > และจะทำดีกับเธอ"
    >
    > เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว
    > สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน
    >
    > คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้
    > คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"
    >
    > ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้
    > น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...
    >
    > จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ
    > วันในชีวิตของคุณและเขา
    > คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ
    > น้อยๆ
    > แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง
    > .. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ
    > พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน
    > หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม

    อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

  2. #2
    เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สัญลักษณ์ของ ใบไม้สีชมพู
    วันที่สมัคร
    Jun 2006
    กระทู้
    2,112

    Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

    อ่านแล้วคิดฮอดน้องซายอยู่เมืองนอก

    อยู่บ้านตีกันทุกมื่อ ไปเมืองนอกส่งเงินมาให้ใช้ อิอิ


  3. #3
    noomwa
    Guest

    Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

    ขอบคุณสำหรับเรื่อง ดี ๆ ที่อ่านกี่ทีก็ยังนึกถึงตัวเองว่าได้ทำดีกับคนที่เรารักถึงที่สุดหรือยัง

  4. #4
    beem
    Guest

    Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

    มื้อนี้...ลองถามโตเองเบิ่งว่า...ได้เฮ็ดสิ่งที่ดีๆๆเพื่อคนที่เฮาฮักหรือยัง...ถ้ายัง...กะให้ฟ้าวเฮ็ดซะเด้อครับ...ขอบคุณหลายๆๆสำหรับเรื่องที่ดีคับ...ซึ้งอิหลีครับผม

  5. #5
    สาวสกลคนโก้
    Guest

    Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

    แวะมาอ่านดู...............ซึ้งจัง อยากมีน้องกะเค้าบ้างจัง... Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

  6. #6
    beem
    Guest

    Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

    อยู่ใกล้ๆๆนี่กะมีตั้วครับ อิอิ

  7. #7
    ฅนเมืองชน
    Guest

    Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

    ซึ้งก้ออย่าลืมโหวตคับป๋ม แฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

  8. #8
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ sai
    วันที่สมัคร
    Mar 2006
    ที่อยู่
    ออสเตรเลีย
    กระทู้
    393

    Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม

    อ่านไปไห้ไป Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม Re: อ่านกี่ครั้งก็ยังซึ้งเหมือนเดิม ซึ้งค่ะ ให้คะแนนแล้วเด้อจ้า 8)

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •