ยุโรปสั่งปรับอินเทลสูงเป็นประวัติการณ์ถึงห้าหมื่นล้านบาท ฐานละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด



คณะกรรมาธิการยุโรป( European Commission : อีซี ) สั่งปรับบริษัท อินเทล คอร์ป บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่สุดของโลก เป็นเงินเป็นจำนวน 1.06 พันล้านยูโร หรือ 1.45 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 50,750 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนที่ 35 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐ) ฐานละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด โดยการใช้อำนาจเหนือตลาดชิพคอมพิวเตอร์ กีดกันคู่แข่งสำคัญที่เหลือเพียงรายเดียวคือบริษัท แอดวานไมโครดีไวซ์หรือเอเอ็มดี อย่างผิดกฎหมาย

คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารระดับสูงสุด( คล้ายกับคณะรัฐมนตรี) ของ สหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า อินเทลขัดขวางการแข่งขันอย่างเสรี ด้วยการใช้วิธีการขายที่ผิดกฎหมาย เพื่อบีบให้คู่แข่งอย่าง เอเอ็มดี ต้องออกจากตลาดไป ทั้งนี้ หลังจากสืบสวนอยู่นาน 8 ปี อียูพบว่าในระหว่างปี 2545 - 2550 อินเทล ได้จ่ายเงินให้ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกคอมพิวเตอร์หลายราย เพื่อให้ซื้อชิปของอินเทลแทนชิปของเอเอ็มดี

อีซีระบุว่า อินเทลได้คืนส่วนลดให้แก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์หลายราย อาทิ เอเซอร์, เดลล์, เอชพี, เลอโนโว และ เอ็นอีซี เพื่อให้ผู้ผลิตเหล่านี้ ซื้อชิปหรือซีพียูของอินเทล หรือเพื่อให้บริษัทเหล่านี้ยุติหรือเลื่อนการขายคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งชิปของเอเอ็มดี

อินเทลยังจ่ายเงินให้บริษัทมีเดีย แซทเทิร์น โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็คทรอนิคส์รายใหญ่สุดของเยอรมนี ให้ซื้อคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งชิปของอินเทลเท่านั้น ส่งผลให้พนักงานที่โรงงานในเมืองเดรสเดน ซึ่งเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปของเอเอ็มดี ไม่สามารถซื้อคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งชิพของเอเอ็มดีจากร้านค้าในเมืองที่โรงงานตั้งอยู่ได้
ทั้งนี้ ค่าปรับดังกล่าว เป็นจำนวนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การลงโทษในคดีต่อต้านการผูกขาดของสหภาพยุโรป โดยสูงกว่าค่าปรับที่คณะกรรมาธิการยุโรป ได้เคยสั่งปรับ ไมโครซอฟท์ ด้วยข้อหาผูกขาดเมื่อปี 2547 เป็นเงิน 497 ล้านยูโร

นีลี่ โครส (Neelie Kroes) กรรมาธิการด้านการแข่งขันเสรีของสหภาพยุโรป กล่าวว่า " การลงโทษอินเทลให้จ่ายค่าปรับดังกล่าวชอบด้วยเหตุผล เพราะอินเทล ได้ทำลายการแข่งขันอย่างเสรี โดยการใช้อำนาจเหนือตลาด กำจัดคู่แข่งคู่แข่งสำคัญที่เหลือเพียงรายเดียวออกจากตลาดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้ผู้บริโภคหลายล้านคนในยุโรป ไม่มีทางเลือกในการซื้อหาและใช้ชิพคอมพิวเตอร์ของคู่แข่งได้...
...เรื่องทั้งหมดคือการปกป้องผู้บริโภค การกระทำของอินเทลเป็นการทำลายการสร้างสรรค์ อีกทั้งการฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของยุโรปอย่างรุนแรงและยาวนานเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ "

เงินค่าปรับจากคดีต่อต้านการผูกขาดดังกล่าว จะถูกรวมเป็นรายได้ของสหภาพยุโรป ซึ่งมีงบประมาณรายจ่ายปีละประมาณ 130 พันล้านเหรียญยูโร นีลี่ โครส กล่าวว่า "ปัจจุบัน อินเทลได้กลายเป็นผู้สนับสนุนผู้เสียภาษีชาวยุโรป "




แปลและเรียบเรียงจาก
นิวยอร์คไทม์ และ คำแปลของปนัยดา ปัทมโกวิท อินโฟเควสท์