มื่อนี่พี่ ๆ อยู่สำนักงานเทศบาลเพิ่นไปเยี่ยมคุณยายโฮมน้องหลินเอารูปมาฝากค่ะ คุณยายกำลังต่อสู้กับลมหนาวที่บ้าคลั่ง คนแก่ตัวคนเดียวอยู่กระท่อมเบิ่งแล้วเป็นตาอิโตนหลายค่ะ
จากการพูดคุยกับใทบ้านเพิ่นว่าคุณยาย เป็นชาวบ้านนาสนาม (ติดฝั่งโขง) แล้วมาแต่งงานกับคนบ้านนาดี แล้วสามีทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ แล้วคุณยายกลับไปอยู่บ้านนาสนาม แต่คุณยายบ่ได้แต่งงานใหม่ โดยที่บ่ได้มีลูกด้วยกันจักคนเลยค่ะ ด้วยความรักสามีคุณยายจึงย้ายกลับมาอยู่บ้านนาดีอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ อดีตสามี แต่สามีเพิ่นมีอันต้องจากไปก่อน คุณยายเพิ่นกะอยู่คนเดียวเรื่อยมา จนปัจจุบัน
การดูแลตอนนี่มีชาวบ้านช่อยกันแบ่งปันกันตามกำลัง แต่ด้วยความยากจนเพิ่นกะซ่อยได้ซ่ำนั่นค่ะ
พี่ดุลย์ (เจ้าพนักงานป้องกันฯ),พี่ดาว(นักสังคมสงเคราะห์) รองนายกเทศมนตรีตำบลหนองผือทั้งสองท่าน,ผู้ใหญ่บ้านบ้านนาดี
เพิ่นต้องลงมานั่งคุยกันอยู่กลางทางลูกรังค่ะ เนื่องด้วยบ้านคุณยายผุพังขึ้นไปหลายคน
อาจจะพังได้ค่ะ
สายตาคุณยายมองพวกเราเหมือนจะรอคอยธารน้ำใจ เบิ่งแล้วน้องหลินกะสะท้อนใจค่ะ
ก่อนกลับพี่ดุลย์บอกว่า "แต่เห็นหมาน้อยเฮายังเลี้ยง แต่อั่นนี่คนแท้ ๆ เฮาสิปล่อยเพิ่นทิ่ม
ไว้จั่งได๋"
แต่ด้วยความที่เพิ่นบ่ได้มีโตตนในทะเบียนราษฎร์ เพิ่นกะเข้าบ่ถึงสวัสดิการต่าง ๆ ที่คน
ไทยคนหนึ่งควรจะได้รับ เวลาเจ็บป่วยใทบ้านกะซ่อยกันหายามาให้ เบิ่งกันตามอัตภาพ
เดชะบุญที่คุณยายเกิดในประเทศไทย คำว่าน้ำใจยังหาได้ง่าย ย่อนคนไทยบ่แล้ง
น้ำใจ ถ้าคุณยายเพิ่นอยู่โตคนเดียวใน เมืองที่กระแสความเห็นแก่โต เชี่ยวกราก
กว่าน้ำออกแก่ง น้องหลินบ่อยากคิดเลยค่ะว่าจะเป็นจั่งได๋..............
Bookmarks