มหัศจรรย์ของการ "วิ่ง"
หุ่นของนักกีฬายกน้ำหนัก ก็ต่างไปจากหุ่นของนักว่ายน้ำ แม้แต่นักวิ่งด้วยกัน
นักวิ่งระยะสั้น กับนักวิ่งระยะยาว รูปร่างก็ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้
เพราะนักกีฬาแต่ละประเภท จะต้องมีรูปร่างเหมาะกับกีฬาที่ตนเองเล่น
นักกีฬาจะมีรูปร่างอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมเป็นสำคัญ
โดยปกติ การฝึกซ้อมแบ่งกว้าง ๆ ออกเป็นสองประเภท คือ แบบ Resistance Training กับ Endurance Training
Resistance Training คือ การฝึกซ้อมที่ต้องสู้กับความต้านทาน เป็นต้นว่า
ยกน้ำน้ำ กระโดดสูง กระโดดไกล และนักวิ่งระยะสั้น เป็นต้น
ส่วน Endurance Training คือ การฝึกซ้อมที่ต้องอาศัยความอดทนเป็นหลัก
เป็นต้นว่า นักวิ่งระยะไกล
และบทความนี้ ก็จะพูดถึงความมหัศจรรย์ของการฝึกซ้อมแบบ Endurance Training
ซึ่งรวมหมายถึงการวิ่งของชาวนักวิ่งเพื่อสุขภาพทั้งหลายด้วย
Training แบบนี้ จะทำให้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ไม่ว่า
จะเป็นอวัยวะหลาย ๆ อย่าง ระบบในร่างกาย และที่สำคัญคือ
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับเซลล์ในร่างกายนับพัน ๆ ล้านเซลล์
เหตุที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ก็เพื่อให้มีการตอบสนองด้านกายภาพดีขึ้น
ถ้าเปรียบพลังงานของร่างกายเป็นระบบเศรษฐกิจ โมเลกุลที่เรียกกันว่า adenosine
triphosphate หรือ ATP จะเปรียบเสมือน "เงินตรา"
ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ถ้าระบบเศรษฐกิจขาดเงินตรา
ระบบเศรษฐกิจก็ไม่ทำงานเช่นกัน ถ้าร่างกายขาด ATP ร่างกายก็จะไม่ทำงาน
เพราะ ATP เป็นตัวทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหว ทำให้เกิดปฏิกริยาด้านเคมี
และยังทำหน้าที่สร้างเนื้อเยื่อใหม่ ๆ และขจัดเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพ
ไม่ว่าจะมีอ๊อกซิเจนช่วยเสริมสร้างหรือไม่ ร่างกายก็จะทำการผลิต ATP
อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้ามีอ๊อกซิเจนช่วยอีกแรง ร่างกายก็จะผลิต ATP ได้มากกว่า
เวลาเรา train หรือ ฝึกซ้อม ร่างกายจะรับอ๊อกซิเจนได้มากขึ้น ก็จะสร้าง ATP
ได้มากขึ้น แรงขับเคลื่อนร่างกายและระบบต่าง ๆ ก็จะดีขึ้นและนี่คือผลดีประการแรกจากการ "วิ่ง"
หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า การออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่ง จะทำให้ ปอดขยายตัวขึ้น
เพราะปอดมีหน้าที่ในการนำอ๊อกซิเจนเข้าออกจากร่างกาย แต่จริง ๆ
แล้วปอดเป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวที่แทบจะไม่มีการ
เปลี่ยนแปลงอะไรเลยเวลาเราต้องการอ๊อกซิเจนเข้าร่างกายมากขึ้น ก็แค่หายใจลึกขึ้น และถี่ขึ้นไม่เกี่ยวกับขนาดของปอดเชื่อหรือไม่ว่า พวกนักวิ่งทน เห็นผอม ๆ เกร็ง ๆ แบบนั้นมีปริมาณเลือดมากกว่าคนปกติเยอะ บางคนอาจมีปริมาณเลือดมากกว่าคนปกติถึง70%เหตุผลหนึ่งก็คือ การฝึกซ้อมวิ่งนั้น จะทำให้ปริมาณเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น
และจำนวนฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นสารประกอบในการบรรทุกอ๊อกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ
ของร่างกาย ในเม็ดเลือดแดงแต่ละเม็ดก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เรียกว่า
เพิ่มสองเด้ง เลยทีเดียวที่สำคัญกว่านั้น คือ สัดส่วนที่เป็นน้ำในเลือดจะเพิ่มมากขึ้นด้วย
ทำให้เลือดมีความเหนียวข้นลดลง และเจือจางมากขึ้นเมื่อเลือดมีความเหนียวข้นลดลง การหมุนเวียนของเลือดก็ดีขึ้น เพราะเวลาวิ่งหัวใจจะเต้นเร็วกว่าปกติถึงสองเท่าหรือมากกว่า จึงสูบฉีดเลือดมากขึ้นถ้าเลือดเหนียวเกินไป ก็จะสูบฉีดลำบากนอกจากนั้น การวิ่ง ก็ยังทำให้ "เครือข่าย"ของการหมุนเวียนโลหิตขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย และจะมีจำนวนเส้นเลือดเพิ่มขึ้นด้วยผลดีประการสุดท้ายเกี่ยวกับเลือด คือ เมื่อเลือดมีส่วนที่เป็นน้ำมากขึ้นก็มีประสิทธิภาพในการปรับอุณหภูมิให้กับร่างกายได้ดีขึ้น
โดยน้ำจากเลือดจะช่วยระบายความร้อนออกจากกล้ามเนื้อที่กำลังทำงานได้ดีขึ้น
และน้ำจากเลือดก็ยังไปกลั่นเป็นเหงื่อเพิ่มขึ้นช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายได้อีกทางหนึ่งที่มหัศจรรย์เพิ่มขึ้นก็คือ การซ้อมวิ่งจะทำให้หัวใจ "ใหญ่" ขึ้น
หัองหัวใจจะขยายตัวกว้างขึ้น สามารถบรรจุเลือดได้เพิ่มขึ้น
กล้ามเนื้อหัวใจก็จะแข็งแรงขึ้น ทำให้หัวใจสามารถเต้นได้แรงขึ้น
และสูบฉีดเลือดได้แรงขึ้นด้วยจากการศึกษาพบว่า นักกีฬาทั้งซ้อมแบบ Resistnace-train กับ แบบ Endurance-trainต่างก็มีหัวใจใหญ่ขึ้น แต่เมื่อเทียบกับขนาดของร่างกายแล้วนักกีฬาประเภทหลังจะมีขนาดของหัวใจเพิ่มขึ้นในสัดส่วนมากกว่า
กล้ามเนื้อจะรับอ๊อกซิเจนจากเลือด ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าฉงน
อ๊อกซิเจนจะเข้าสู่เซลล์ของกล้ามเนื้อโดยมีเลือดเป็นผู้นำส่งผ่านผนังของเส้นเลือด
และผ่านเยื่อบุเซลล์กล้ามเนื้อเข้าไปด้านในซึ่งเป็นส่วนที่ต้องทำงาน
ขบวนการที่อ๊อกซิเจนเคลื่อนที่ออกจากเลือดเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อเป็นขบวนการที่กินเว
ลา แต่เราสามารถทำให้ขบวนการนี้ใช้เวลาน้อยลง
ก็โดยการทำให้ระยะทางที่อ๊อกซิเจนต้องเดินทางสั้นลง
ผลงานที่จัดได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดจากการวิ่ง ก็คือ
การช่วยให้เซลล์กล้ามเนื้อสร้างรูเล็ก ๆ สำหรับรับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้น
ทำให้อ๊อกซิเจนสามารถเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อได้ง่ายขึ้น เพราะเข้ารูไหนก็ได้
เมื่ออ๊อกซิเจนสามารถเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ก็จะไปสร้าง
mitochodria ให้มากขึ้น mitochodria นั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ
โรงไฟฟ้าในร่างกายนั่นเอง คือ เป็นแหล่งผลิตพลังงานให้กับร่างกาย
โดยทั่วไปการวิ่ง จะทำให้ร่างกายมี mitochondria เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 20% ถึง 100%
ทีเดียว
สรุปผลดีจากการวิ่งก็คือ
สมองจะสั่งการได้ดีขึ้น ในการส่งสัญญาณให้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนทำงาน
หัวใจจะขยายตัวขึ้น ระบบเส้นเลือดขยายตัวขึ้น
ต่อมต่าง ๆ จะมีประสิทธิภาพในการผลิตฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกาย ไม่ว่า
จะเป็นฮอร์โมนสำหรับการเจริญเติบโต หรือ ฮอร์โมนต้านทานโรค
กล้ามเนื้อจะแข็งแรงขึ้น มีเอ็นไซม์ในการสร้างพลังงานเพิ่มขึ้น
เลือดมีปริมาณมากขึ้น มีฮีโมโกลบินในการนำพาอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้น
เห็นความมหัศจรรย์ของการวิ่งหรือยังล่ะ
ที่มา : จากบทความของ David Brown ใน The Washington Post
พัฒนพงศ์....แปล
เว็ป thairunning.com
Bookmarks