วิ่งใหไกลขึ้น
คนเราเมื่อทำอะไรอย่างหนึ่งก็หวังว่าจะพัฒนาให้มันดีขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ในเรื่องของการวิ่ง วิ่งได้ 4 รอบ
ก็อยากจะวิ่งได้เพิ่มเป็น 8 รอบ 10 รอบหรือตั้งเป้าหมายที่จะไปให้ถึงมาราธอนกันไปเลยมันเป็นเรื่องของปุถุชนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆนี่แหละ
การที่จะวิ่งได้ไกลขึ้น เจ้าพระเอกของท้องเรื่อง คือ ไกลโคเจนครับ
ในปี 2482 อีริค คริสเตียนเซ่น พบว่าในการออกกำลังกาของกล้ามเนื้อมัดใด
ความทนทานขึ้นอยู่กับปริมาณไกลโคเจนที่มีอยู่ในกล้ามเนื้อมัดนั้น
นั้นหมายว่ากล้ามเนื้อนั้นจะออกแรงได้มากแค่ไหน ก็ดูที่ปริมาณไกลโคเจนที่สะสมไว้
อะไรคือ ไกลโคเจน ถ้าเทียบกับรถไกลโคเจนก็เป็นเหมือนน้ำมันเราดีๆนี่เอง
ถ้าต้องการวิ่งให้ไกลขึ้น ก็ต้องพยายามสะสมเจ้าไกลโคเจนให้มากขึ้นครับ
มาปีพ.ศ. 2510 นักวิทยาศาสาตร์ชาวสวีเดนผู้หนึ่ง ชื่อ จอนส์ เบอร์กสตรอม
พบว่าถ้าให้นักกีฬาออกกำลังกายจนไกลโคเจนหมดไป แล้วให้กินอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูงๆปริมาณไกลโคเจนที่สะสมใหม่
จะเพิ่มขึ้นไปจนได้ถึงสามเท่าของของเดิม จากหลักการนี้ ก็นำมาเป็นหลักให้นักวิ่งพยายามวิ่งให้ไกลโคเจนหมด
เพื่อจะสะสมใหม่โดยการจัดตารางให้มีการวิ่งระยะทางยาวกว่าปกติ อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง
แต่ละคนนี้จะใช้ไกลโคเจนหมดก็ใช้เวลาไม่เท่ากัน
แล้วจะรู้ได้ยังไง
เมื่อไกลโคเจนเริ่มหมด จะรู้สึกปวดขานิดๆวิ่งต่อชักจะลำบาก หากวิ่งต่อไปจะเกิดอาการที่เรียกว่าชนกำแพงคราวนี้ละวิ่งเป๋เลย
เมื่อเริ่มหมด มันจะหนืดๆ แบบถึงมีแรงใจแต่แรงกายไม่เหลือน้ำมันหมดครับ
ถ้าเป็นอย่างนี้อย่าฝืน เชื่อร่างกายของเรา มันเป็นเหมือนอุปกรณ์เตือนภัยที่ดีที่สุด ไม่ต้องไปหาซื้อจากที่ไหนหรอก
จงจำไว้อยากวิ่งให้ไกลขึ้น ต้องวิ่งยาว ประมาณสัปดาห์ละครั้ง ให้พอปวดกล้ามเนื้อ นั้นหมายถึง ไกลโคเจนหมดครับ
เอ้า ไปวิ่งกันเถอะครับ.....
:,1-:,1-:,1-:,1-:,1-:,1-
ที่มา:เว็ปไทยจ๊อกกิ้งคลับดอทเน็ท
สสส.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้งเสริมสุขภาพ
แหล่งข้อมูล : คู่มือวิ่งเพื่อสุขภาพ น.พ. กฤษฎา บานชื่น
Bookmarks