เมื่อประมาณปี 34 ช่วงนั้นหากผมไม่ติดเข้าเวร ผมจะเดินทางเข้า กทม.ทุกวันศุกร์ เพื่อเดินทางมาหาภรรยาของผมที่บ้านเช่าแถว ๆ ซอยจรัลสนิทวงศ์ 28 (วัดดงมูลเหล็ก) แถว ๆ สามแยกไฟฉาย หรือสถานีขนส่งสายใต้เดิม
ก่อนหน้านั้น ปี 33 ผมต้องเดินทาง กาญจนบุรี - ชัยภูมิ ทุกวันศุกร์ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงแต่งงานใหม่ คงไม่ต้องบอกว่าความรู้สึกของคนแต่งงานใหม่นะครับ :l-
เมื่อเธอได้เข้าทำงานที่กรุงเทพฯ ด้วยสาเหตุที่ว่าอยากให้มาอยู่ใกล้กัน แต่เปล่าเลย ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งห่างไกล เพราะผมจะต้องเดินทาง กาญจนบุรี - กรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์อยู่ดี ตอนเย็นวันอาทิตย์จะต้องเดินทางกลับ เพราะการกลับในเช้าวันจันทร์จะต้องตื่นตั้งแต่ตี 3
รู้สึกทรมาน อีกอย่างเธอก็เป็นห่วงว่า กลัวจิ๊กโก๋ในซอยจะแทงผม แต่บางครั้งอยากอยู่กับเธอนาน ๆ จนถึงนาทีสุดท้าย ก็มีบ่อยที่กลับวันจันทร์ แต่ทุลักทุเลเหลือเกิน
ในตอนเย็นวันอาทิตย์วันหนึ่ง ผมจำเป็นต้องเดินทางกลับ เพราะผมจะต้องเข้าเวรกองรักษาการณ์กองพลในเช้าวันจันทร์ ผมเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถทัวร์เที่ยวสุดท้าย ไปถึงกาญจนบุรี ประมาณเกือบจะ 3 ทุ่ม ผมนั่งอยู่เบาะหลังสุด
พอขึ้นรถทัวร์ได้สักพัก ผมเผลอหลับไปเมื่อใดมิทราบ มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเด็กรถมาเก็บกวาดขยะทำความสะอาดรถ
"อ้าว...พี่ ๆ ๆ พี่ยังไม่ลงจากรถหรือนี่ ตายแล้ว" ผมลืมตาขึ้นมา "ถึงแล้วหรือครับ" ผมถาม
"ถึงตั้งนานแล้ว จนรถกลับมาเข้าอู่แล้ว พี่ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ลง" ...."ถ้าตรูไม่หลับตรูก็คงจะลงแน่นอน"....ผมคิดในใจ
"ทางไปค่ายไปทางไหนครับ ผมจะต้องเดินทางไปทางไหน ผมงง" ผมมืดแปดด้าน หลงทิศหลงทางไปหมด เดินจากอู่รถออกมาถนนใหญ่เกือบ 2 กิโลเมตร มืดก็มืด รถก็ไม่มีซักคัน "นี่มันอู่รถหรือป่าช้าวะเนี่ย" ผมเดินไปบ่นไป
ถึงถนนใหญ่ ยืนรอสักพักรถเมล์สองแถวก็ผ่านมาพอดี กระเป๋ารถร้องตะโกน "บขส.ครับ บขส." ถ้าเป็นกรุงเทพฯ "ควายลีไหมพี่ ควายลี" ซึ่งหมายถึงสะพานควาย, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นั่นเอง
ไปถึงบ้านพักด้วยความทุลักทุเล เกือบ 4 ทุ่ม นี่ดีนะที่เขาไม่ล็อกประตูรถทัวร์ ให้ผมนอนหลับตายในรถทัวร์ ....แหม...ก็คนเพิ่งแต่งงานใหม่ ข้าวใหม่ปลามัน จะไม่ให้เพลียได้ยังไงล่ะท่าน
สถานีขนส่งสายใต้เก่า (สามแยกไฟฉาย)
Bookmarks