๑๖.๓๐ น. ของวันที่ ๒๑ ธ.ค.๕๕ เราได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุของ สภ. ว่า ร้อยเวรให้เราไปทำการบันทึกจับกุม ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จึงได้ออกจากป้อม(ด้วยความไม่เต็มใจเท่าไร่นัก)ไปที่ สภ. เมื่อไปถึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าชาวต่างด้าวที่ว่านั้นอยู่ไหน รุ่นพี่จึงชี้ให้ดูและยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เรามา เรามองไปที่ต่างด้าวที่ว่า พบกับหญิงชาวพม่า มีกระเป๋าอยู่ข้างตัวหนึ่งใบ เราจึงได้พาหญิงคนนั้นไปที่ห้องทำการของงานป้องกันปราบปราม ฯ และได้สอบถามความเป็นมา เมื่อได้ยินเธอพูดพร้อมกับอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้น เราถึงกับต้องอึ้งไปกับโชคชะตาของเธอ .....
เธอบอกว่าเธอชื่อแก้ว อายุ ๑๖ ปี อยู่เมืองบันดุง ประเทศพม่า เข้ามาทำงานที่เมืองไทย มาแล้วปีกว่า โดยมีนายหน้าพามา ซึ่งเธอต้องเสียเงินไปหลายพันบาทกว่าจะเข้ามาเมืองไทยได้ เมื่อมาที่เมืองไทยแล้วด้วยความที่เธอไม่มีบัตรฯ จึงต้องหลบซ่อนทำงาน เธอได้พบแฟนซึ่งเป็นชาวพม่าด้วยกัน แต่ชายคนนั้นได้ทิ้งเธอไป ต่อมาเธอถูกข่มขืนจากผู้ชายชาวไทย จากนั้นเธอก็มีอาการปวดท้องอย่างแรง และปัสสาวะเป็นเลือด ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา หมอได้ทำการผ่าตัดให้เธอโดยอยู่ที่ โรงพยาบาลคนเดียว เกือบสองสัปดาห์ เมื่ออาการดีขึ้นเธอแจ้งความประสงค์กับทางแพทย์ว่าอยากกลับบ้านเพื่อไปหาพ่อ (ทาง รพ.ทำหนังสือขอให้ทาง ตร. ส่งตัวเธอกลับภูมิลำเนาตามกระดาษที่รุ่นพี่ยื่นให้เราในตอนแรก)
เธอบอกว่าเธอรักและคิดถึงพ่อมาก เราถามเธอว่าแล้วแม่อยู่ไหน เธอบอกแม่ตายแล้ว
แล้วพี่น้องอยู่ที่ไหน พี่น้องเข้ามาทำงานที่เมืองไทย แต่ไม่มีใครช่วยเหลือเธอเลย เธออยากกลับไปช่วยพ่อทำงานที่บ้าน ตามที่เท่าช่วยได้ ถามแล้วเธอไม่เงินติดตัวเลย เราจึงเดินไปที่ร้านค้า ซื้อน้ำและขนมให้เธอ หลังจากบันทึกเสร็จ เราได้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่โรงพัก เรี่ยไรเงินให้เธอได้ ๕๐๐ บาท เธอบอกขอบคุณตำรวจทุกคนที่ช่วยเธอ จึงได้พาไปที่ห้องควบคุม เธอมองเราด้วยสายตาที่ดีใจ และ ปราบปลื้ม เราเดินออกมาจากห้องควบคุมด้วยความสลดใจ ว่า ทำไม โชคชะตาของเธอถึงโชคร้ายขนาดนี้ หน้าที่ของเราสิ้นสุดลงแล้ว แต่ชะตากรรมของเธอกำลังดำเนินต่อไป
ขอให้เธอกลับบ้านของเธอโดยสวัสดิภาพ แก้ว หญิงชาวพม่า คนนั้น