ดีเจปุ้ยแจ้งว่าจะบินกลับด่วนมาประเทศไทย และบอกว่าจะมาถึงตอนหกทุ่มของคืนวันศุกร์ที่ 22 ก.พ.56 และคืนวันที่ 21 ก.พ.56 ก่อนขึ้นเครื่องจะยืนยันมาอีกที แต่ดันโทรศัพท์เจ้ากรรมของผมแบตเตอรี่หมด หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อ
คืนวันศุกร์ที่ 22 ก.พ.56 หลังจากที่ปรึกษาหารือเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดงานพาแลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำพร้าผีน้อย คนตระการ และผม มุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิตอนห้าทุ่มกว่า ๆ เพราะถ้าไปเร็วกว่านี้กลัวว่าจะคอยนาน
รถเก๋งของคนตระการจอดรออยู่บนทางเข้าสุวรรณภูมิ สักพักมองดูกระจกหลังไม่มีรถจอดต่อท้ายสักคัน พวกเราตกลงกันว่าจะนำรถไปจอดรอที่ลานจอดรถ เพื่อความปลอดภัยกลัวรถคันอื่นมาเสยท้าย
พวกเรานำรถไปจอดรอที่ลานจอดรถ ลดกระจกลงและนอนรอ พร้อมกับตบยุงไปด้วย เวลาผ่านไปเกือบตี 1 ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ติดต่อมาเลย เอ๊ะ...เกิดอะไรขึ้น หรือว่าผมจำวันผิด เราตกลงกันว่าจะรอถึงตี 2 ก็จะกลับบ้านนอน
ถึงเวลาตี 2 ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ติดต่อมาซักแอะ ผมกลับไปนอนรอที่บ้าน ส่วนกำพร้าผีน้อยและคนตระการแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
เวลาตี 5 ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รีบดีดตัวลุกจากที่นอน นึกว่าต้องเป็นดีเจปุ้ยแน่นอน โอ้ว....เครื่องช้าไปกว่า 5 ชั่วโมงเชียวหรือนี่
ผมเดินลงมารับกระเป๋าใบใหญ่จากเธอและพาขึ้นบ้าน โดยมีดีเจเด็กน้อยลุกขึ้นมาต้อนรับ เธอบอกว่าเธอมาถึงสนามบินประมาณ 5 ทุ่มกว่า ๆ เธอคิดว่าผมจะไม่ไปรับเพราะตอนที่โทรมายืนยันโทรไม่ติด
ส่วนผมก็คิดว่าตอนที่ผมไปรับเธอที่สนามบินเธอจะโทรมาหาผม สรุปคือเจอกันในตอนเช้าที่บ้านพัก โดยมีกำพร้าผีน้อย และน้องเขมราฐ มาสมทบในตอนเที่ยงและตอนบ่าย
ยินดีต้อนรับดีเจปุ้ยสู่ประเทศไทยครับ เธอบอกว่าจะอยู่ประเทศไทย ประมาณ 3 อาทิตย์ ก็จะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา :*-
Bookmarks