อย่าหลงเชื่อยาสารพัดนึก เสี่ยงถึงชีวิต

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เตือนผู้บริโภคอย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรและเครื่องดื่มธัญพืชสกัดกล่าวอ้างสรรพคุณป้องกัน รักษาโรคต่างๆ เช่น ล้างสารพิษโรคเอดส์ เบาหวาน มะเร็ง หอบหืด ภูมิแพ้ ปวดเข่า ปวดหลัง ปวดเอว และโรคร้ายแรงอื่นๆ ย้ำ ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ใช่ยารักษาโรค ขอให้ผู้บริโภคพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อ มิฉะนั้นจะเสียเงินทองจำนวนมากโดยไม่ได้รับประโยชน์จากการบริโภค แถมอาจเกิดความเสี่ยงต่อร่างกาย หากมีสารอันตรายเป็นส่วนผสม

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์ไพศาล ธัญญาวินิชกุล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ พบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรโฆษณาในรูปแบบการจัดอบรม โดยขอความร่วมมือผู้นำชุมชนช่วยประชาสัมพันธ์การจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร ที่มีสรรพคุณในการใช้บำบัดรักษาโรค และแจกต้นกล้าสมุนไพรเพื่อนำไปปลูกโดยชักชวนประชาชนในชุมชน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรังมารับฟัง แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นการโฆษณาจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มดังกล่าวโดยโฆษณาอวดอ้างการบำบัดโรคทั้ง โรคเอดส์ เบาหวาน มะเร็ง หอบหืด ภูมิแพ้ ปวดเข่า ปวดหลัง ปวดเอว และโรคร้ายแรงอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังพบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มธัญพืชสกัดมีการโฆษณาในลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยชักชวนผู้บริโภคเข้ารับการอบรมแล้วชักชวนให้ซื้อผลิตภัณฑ์และร่วมลงทุนเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยกล่าวอ้างว่า ผลิตภัณฑ์สามารถล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ช่วยควบคุมเบาหวาน ลดอาการกระดูกผุ ลดคอเลสเตอรอล ลดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตเพิ่มความต้านทานโรค เป็นต้น ซึ่งโฆษณาดังกล่าว มีลักษณะอวดอ้างสรรพคุณเป็นเท็จหรือเกินจริง และเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค

“เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์อาหารไม่ใช่ยารักษาโรค มีสรรพคุณบำรุงร่างกายทั่วไป ไม่ใด้ช่วยป้องกัน ยับยั้ง ต่อต้าน หรือทำลายโรคต่างๆได้ ขอให้ผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อสรรพคุณว่าสามารถป้องกันหรือรักษาโรคนอกจากเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว หากมีโรคประจำตัวอาจได้รับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายโดยคาดไม่ถึง หากผู้บริโภคพบเห็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงทางสื่อต่างๆ หรือโฆษณาหลอกลวงให้ผู้บริโภคหลงเชื่อโดยการขายตรง ขอให้แจ้งได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลอำเภอ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อทางราชการจะได้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายแพทย์ไพศาล กล่าว







ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า