-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
ทำไงดีถ้าคุณกำลังจะเป็นหนึ่งใน(คนตกงาน)
บทความน่ารู้ : เรื่องทำไงดีถ้าคุณกำลังจะเป็นหนึ่งใน(คนตกงาน)
ที่นี่คือศูนย์รวมบทความที่น่าสนใจและให้ความรู้จากทุกมุมโลก เพื่อเป็นแหล่งความรู้สำหรับคนไทยทุกคน
ประเทศไทยมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวและส่งออก แต่ด้วยสงครามม้วนเดียวจบ ก็จบจริงๆ เหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิพลิกไฮซีซัน 30 วันสุดท้ายของปี ให้กลายเป็นโลว์ซีซันไปแบบเห็นๆ รายได้ 4-5 แสนล้านบาทหายวับ ประเมินด้วยส้นมือแล้ว ปีหน้าของพี่น้องทุกท่านอาจลำบากกว่าที่คาดคิด
เพราะคาดการณ์ตัวเลขคนตกงานจะไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ไม่อยากคิดแต่ต้องคิด เพราะเราทุกคนมีสิทธิเป็นหนึ่งในล้านคนตกงานปีหน้าด้วยกันทั้งนั้น...ฮา (ไม่ค่อยออก)
เตรียมรับมือภาวะตกงาน
ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ประธานชมรมคนออมเงิน ในฐานะกูรูเรื่องเงินๆ ทองๆ กล่าวว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำก็คือ การพยายามทำตัวเองไม่ให้ตกงานเสียก่อน
1.ต้องทำงานให้มากกว่ามาตรฐานของงาน ยกคุณภาพการทำงานให้เหนือระดับ เพื่อสร้างความแตกต่างให้ตัวเองด้วยการเป็นพนักงานเกรดเอ เช่น ในเรื่องของเวลาการทำงาน สมมติออฟฟิศเข้างาน 08.00 น. เลิกงาน 17.00 น. ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองให้มาทำงาน 07.00 น. เลิกงาน 18.00 น. ทำฟรี ไม่ต้องขอค่าล่วงเวลา
ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว หากบริษัทจำเป็นต้องให้พนักงานออกจริงๆ เขาก็อาจพิจารณาเริ่มต้นจากพนักงานที่ทำงานเช้าชามเย็นชามก่อน ตัวเราก็จะปลอดภัยในระดับหนึ่ง
2.ขยันทำงาน และเก่งในงานที่ทำ หมายถึงว่า มาตรฐานของงานปกติก็ไม่บกพร่อง ขณะเดียวกันเราต้องขวนขวายปรับปรุงตนในทักษะหนึ่งทักษะใด เพื่อให้สอดคล้องกับงานที่ทำ เช่น ทำงานบริษัททัวร์ ต้องมีความสามารถในภาษาหลายภาษา ตั้งแต่ภาษาอังกฤษ ภาษาที่สอง ภาษาที่สาม เป็นต้น เมื่อมีความรู้ความชำนาญพิเศษในงาน ก็ยากที่บริษัทจะเอาเราออก เพราะเขาจำเป็นต้องพึ่งพาในทักษะหรือความเชี่ยวชาญพิเศษที่เรามี แต่พนักงานคนอื่นไม่มี
3.ลดโอกาสหรือปิดช่องไม่ให้มีการตกงาน พนักงานทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจช่วยองค์กร หรือบริษัทให้มีลูกค้ามากๆ บริษัทมีรายได้ ก็จะมีเงินมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน ต้องมีความคิดริเริ่ม หาโอกาสและช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้บริษัท กระตือรือร้น เรียกง่ายๆ ว่า ต้องเก่งมากกว่าที่เขาอยากได้
ตั้งสำรองเงินสด 1 ปี!!
แต่ถ้าเคราะห์หามยามร้าย เป็นหนึ่งในล้านคนตกงานปีหน้าขึ้นมาจริงๆ กูรูการเงินกล่าวแนะว่า สิ่งที่ต้องทำมี 2 เรื่อง
1.หางานใหม่ให้เร็วที่สุด
2.วางแผนทางการเงิน ตั้งสำรองเงินสดเพิ่มจาก 3-6 เดือน เป็น 6 เดือน-1 ปี
สำหรับเรื่องแรก-การหางานใหม่ ภาวะปัจจุบันอาจไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ของทุกปี ซึ่งจะมีบัณทิตจบใหม่เพิ่มในตลาดแรงงานอีกไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน เพราะฉะนั้นหากต้องการหางานใหม่ให้เร็ว ก็ต้องยอมทำงานแบบหนักเอาเบาสู้ คือไม่เลือกงาน งานอะไรมีก็ทำไว้ก่อน หรือยอมทำงานในอัตราเงินเดือนที่ถูกลง
ส่วนการวางแผนทางการเงิน ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างยิ่ง (แม้ไม่ใช่ในภาวะตกงาน) การบริหารจัดการทางการเงิน ต้องทำทั้งเงินในกระเป๋าของตัวเองและกระเป๋าของครอบครัว สำหรับช่วงวิกฤตเลิกจ้างปีหน้ามีคำแนะนำดังนี้
1.กันเงินสดสำรองไว้อย่างน้อยเท่ากับรายจ่าย (จริง) 6-12 เดือน จากภาวะเศรษฐกิจปกติอาจตั้งสำรองเพียง 3-6 เดือนได้ แต่ในยามที่โลกมีวิกฤตการเงินและแนวโน้มยืดเยื้อถึงปลายปีหน้า ก็จำเป็นต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเท่าตัว เช่น ถ้าคุณมีรายจ่ายประจำเดือนละ 1.5 หมื่นบาท ก็ต้องตั้งสำรองเงินสดไว้ไม่ต่ำกว่า 1.8 แสนบาท เงินก้อนนี้ต้องสัญญากับตัวเองว่าจะไม่นำออกมาใช้ เสมือนเป็นเงินนอกบัญชีที่จะนำมาใช้ยามฉุกเฉิน ซึ่งก็คือยามที่จะต้องตกงานขึ้นมาจริงๆ นี่แหละ
2.อย่าเป็นหนี้บัตรเครดิต ถ้ามีต้องรีบชำระให้หมด เนื่องจากดอกเบี้ยบัตรเครดิตสูงมาก และในภายหลังจะกลายเป็นหนี้ที่ยากสลัดตัดทิ้ง
3.คิดให้ถ้วนถี่ก่อนก่อหนี้ระยะยาว ทางที่ดีรอจนกว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มชัดเจนกว่านี้ คนที่ยังไม่มีภาระผ่อนบ้าน เลิกคิดเรื่องซื้อบ้านไปก่อนชั่วคราว ส่วนคนที่มีภาระอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาระผ่อนบ้านผ่อนรถ ผ่อนมือถือ โทรทัศน์จอแบน ฯลฯ ต้องตัดสินใจให้ดีว่าอะไรสำคัญกับชีวิต บ้านสำคัญแน่ เพราะถ้าไม่มีบ้านจะไปอยู่ที่ไหน แต่นอกเหนือจากนี้อะไรที่ไม่สำคัญอาจต้องยอมให้เขายึดไป เพื่อลดภาระ
4.ควบคุมรายจ่ายที่ไม่จำเป็น อะไรประหยัดได้ต้องประหยัด เรื่องน้ำไฟไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ต้องช่วยกันทั้งบ้าน ดูแลค่าใช้จ่ายเป็นรายตัว อะไรที่ไม่จำเป็นต้องตัดทิ้ง ในแง่ของการลงทุน LTF หรือ RMF จะลงทุนก็ต่อเมื่อเรามีเงินออม ในช่วงนี้จึงอาจต้องหยุดไปก่อน RMF คงซื้อได้ขั้นต่ำหรือพักได้ปีเว้นปี
6.หารายได้เสริม เพราะรายได้หลักก็หายไปแล้ว ทำเท่าที่จะทำได้
7.ในยามนี้สุขภาพสำคัญที่สุด ดูแลสุขภาพและดูแลเรื่องประกันสุขภาพ
8.เปิดหูเปิดตาติดตามข้อมูลทางการเงินเสมอ
ถ้าคุณเป็นนายจ้าง
ในฝ่ายของนายจ้าง ต้องดูใน 2 เรื่อง
1.ดูแลธุรกิจ เพิ่มยอดขายลดรายจ่าย ปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ขณะเดียวกันต้องพยายามสงวนกระแสเงินสดเอาไว้ให้มากที่สุด ต้องคิดให้ได้ว่าเราจะอยู่รอดได้อย่างไร เช่น ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ตอาจต้องปรับธุรกิจใหม่ จากที่มีรายได้ค่าห้องพัก ก็หันมาเน้นด้านอื่นแทน เช่น รายได้จากการจัดเลี้ยง หรืออาหารเครื่องดื่ม ปรับเมนูใหม่ให้สอดคล้องกับลูกค้า ปรับคุณภาพอาหาร หรือลดราคาลงมา เป็นต้น
2.ดูแลพนักงาน นายจ้างต้องแฟร์ และให้ความเป็นธรรมกับลูกจ้าง นายจ้างบางรายทำหนังสือเลิกจ้างไว้ หรือบีบให้ลูกจ้างเซ็นใบลาออกเอง เพราะอยากรักษาหน้าตัวเองว่าไม่ได้ทำธุรกิจล้มเหลว ทั้งๆ ที่การทำเช่นนั้นทำให้ลูกจ้างได้รับเงินประกันสังคมลดลงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ หากมีความจำเป็นให้พนักงานออกจริงๆ ควรเห็นใจอกเขาอกเรา ดูแลเขาตามสมควร เลิกจ้างแบบตรงไปตรงมาดีที่สุด และน่านับถือที่สุด
แหล่งที่มา http://www.thaibizcenter.com
-
ฝ่ายบริหารระดับสูง
ทุกมื่อนี่บ่ย่านตกงานดอกครับ ย่านแต่บ่มีงานทำล่ะ ฮ่า ๆ ๆ
-
ศึกษาหาความรู้
ไปเฮ็ดนานามีให้เฮ็ดอยู่ย่านหยังหละเซเว่นกะอยู่ใกล้ " หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา " ขะเจ้ายังบอกเด้
-
ศึกษาหาความรู้
ตกงานบ่เจ็บคือตกต้นไม้เนาะครับ....(เว้าเล่นเด้อ เอิ๊กกกก) ผมหาหาเก็บของเก่าซื้อของเก่าขายนี่หละรายได้ดีคัก
-
Moderators
เมือบ้านขายขนมขายก๋วยเตี๋ยวจ้า
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks