เปิดโฉมหน้า … "สไนเปอร์" สาว (สวย) คนแรกในประเทศไทย
ก่อนประจันหน้า สารภาพกันหมดตับ ไต ไส้ พุง ไล่ไปจนถึงถุงน้ำดี ตรงๆ ไม่คิดว่า สาวสไนเปอร์คนแรกในประเทศไทย หรือที่ใครๆ เรียกเธอว่า “ครูน้อย” นั้น จะน่ารัก และอินเทรนด์ขนาดนี้
เธอดัดฟัน เขียนคิ้ว ดัดขนตา รับกับการระบายใบหน้าและริมฝีปากสีอ่อน ดูสดใส, ไม่มีเค้าโครงบอกไม่ให้รู้ว่าเธอคือ “นักแม่นปืน” มือฉมังอันดับต้นๆ ในหน่วยงาน “เพชรฆาต” ที่ปฏิบัติภารกิจลับสุดขอบฟ้ามาแล้วกว่า 6 ปี
แม้ว่าจะมีข้อแม้ยิบยับมากมาย เช่น ห้ามเปิดเผยชื่อ-นามสกุลจริง ห้ามเปิดเผยที่อยู่แถมยังเปิดเผยหน้าตา วิธีการปฏิบัติงานและภารกิจ แถมยังห้ามถ่ายรูปหน้าชัดๆ เนื่องจากความปลอดภัย
ขอบคุณที่แสดงเจตจำนงค์กันตรงๆ
แต่ทว่าข้อห้ามข้างต้นไม่ใช่ประเด็นใหญ่ทั้งหมดในบทสนทนา วันนี้นอกจาก "ไทยรัฐออนไลน์" จะเปิดใจ ค้นเรื่องลับๆ แล้ว ยังจะค้นตัวตนแท้ๆ อีกมุมหนึ่งที่ใครๆ ไม่รู้กับ สไนเปอร์สาวคนแรกของประเทศไทยที่ รับประกันความน่ารัก สดใส เหมาะกับวัย 30 ของเธอ
สไนเปอร์ ก็ “อินเทรนด์”
“ถึงเป็นสไนเปอร์ แต่เราก็เป็นผู้หญิงนะค่ะ” สไนเปอร์สาวคนแรกของประเทศไทยยิ้มสดใสโชว์เหล็กดัดฟันสีสวย ตอบคำถามที่ว่า ขึ้นชื่อว่าเป็นมือสไนเปอร์แล้ว หน้าตา บุคลิกจะต้องเงียบครึม หน้าตาดุดัน นิสัยดุเดือดเป็นพิมพ์นิยม ราวกับตัวเอกในซี่รี่ย์ยอดฮิต CSI
“ไม่เสมอไปคะ จริงๆ ถ้าสนิทกัน เพื่อนบอกว่าเราเป็นคนคุยเก่ง ยิ้มเก่ง ติดห้าวเล็กๆ แต่ชอบถ่ายรูปสุดยอด” พูดพลาง หยิบโทรศัพท์ บีบี สีสดขึ้นมา พร้อมกับถามที่เล่นทีจริงว่า
“มีพินไหมค่ะ เผื่อมีงานอะไรจะได้ติดต่อกันง่าย” จบประโยคนี้ นอกจากจะยอมรับว่าเชยส์ส์ไม่ได้ใช้ Black Berry แล้ว
เหนืออื่นใด การ “แจกพิน หรือเบอร์โทรศัพท์” ให้กับหน่วยงาน “สายลับทะลุทะลวงตับ” ระดับประเทศ ไปง่ายๆ คงไม่ดีแน่ จึงสารภาพความในใจไปตามตรง ครูน้อยหัวเราะ และเริ่มเล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะมีวันนี้ได้
เส้นทางสาวบ้านนอก สู่สไนเปอร์สาว…!
พื้นเพครูน้อยเป็นคน จ.เลย จบการศึกษามาจากคณะรัฐประศาสนศาสตร์ เรียนเก่งจนได้เกียรตินิยมอันดับ 2 หลังจากนั้นเธอก็สอบได้ที่สำนักงานคุมประพฤติ จ.เลย โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากได้เงินเยอะจากบริษัทเอกชนแต่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อประชาชน ทำได้อยู่ปีกว่า จึงก็สอบทำงานได้ที่สำนักงานศาลปกครองกลาง นี่คือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ
“บ้านนอกเข้ากรุงครั้งแรก (หัวเราะ) โอ้โห... ไปไหนไม่เป็นเลย เราตื่นเต้น ตื่นคนมากๆ คือเราไม่เคยเจอคนเยอะขนาดนี้ ไม่รู้จักใครเลย เพื่อนก็ไม่มี ปรับตัวอยู่นานเหมือนกันค่ะกว่าจะรู้ตรงไหนเป็นตรงไหน เพราะกรุงเทพฯ เมืองแห่งความศิวิไลซ์เลย แต่ที่ “เลย” เป็นเมืองเล็กๆ ใจดี ไม่มีอาชญากรรมร้ายแรง ทำงานอยู่ที่นั่นได้หลายเดือนก็รู้สึกว่า “มันไม่ใช่” จึงตัดสินใจออกไปหางานใหม่ พอดีส่งประวัติไปแล้วบังเอิญหน่วยงานนี้เขาเรียกไปสอบสัมภาษณ์จนกระทั่งได้รับโอกาส โดยตำแหน่งแรกที่ได้รับคือ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ระดับ 3”
สไนเปอร์สาวบอกว่า หน้าที่รับผิดชอบในระยะแรกทำงานจะต้องเข้าอบรมในเบื้องต้น 3เดือน ให้รู้เนื้องานว่าแต่ละสำนักหน้าที่มีอะไรบ้างเพื่อที่จะจัดคนลงในแต่ละหน่วย มีอยู่วันหนึ่งขณะอบรมอยู่ ท่าน อดีต ผบ.สุเทพ สถาผล สำนักพัฒนาและสนับสนุนคดีพิเศษ (DSI) มาบรรยายให้ความรู้ ช่วงใกล้จะจบท่านก็พูดในที่ประชุมว่า “ในสำนักของผมมีส่วนปฏิบัติการพิเศษที่ทำงานต้องลุย ต้องออกพื้นที่ ต้องยิงปืน มีใครบ้างที่สนใจจะมาอยู่กับผมบ้าง...?” ทั้งห้องก็ส่งเสียงฮือฮากันใหญ่
เพราะ ครูน้อย ยกมืออย่างมั่นใจคนเดียว ด้วยความตั้งใจครั้งนี้ ไม่นานเธอก็ได้มาอยู่ที่ส่วนฝึกความเชี่ยวชาญพิเศษสมใจ
“มาฝึกในทีมแรกๆ ก็เขินเพราะว่าเราเป็นผู้หญิงคนเดียวจาก 20 กว่าคน แต่เนื่องจากพี่ๆเขาน่ารักมาก ให้เกียรติเราและดูแลเราเหมือนน้องผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งแต่ละคนก็พยายามจะถ่ายทอดวิชาที่ตนเองถนัดให้ ซึ่งการเป็นมือสไนเปอร์จริงๆ ไม่ได้ซุ่มยิงระยะไกลอย่างเดียวอย่างที่หลายคนคิดนะค่ะ มือสไนเปอร์ต้องทำได้ทุกภารกิจเป็นได้ทั้งสายสืบ สายลับ เป็นได้ทั้งนักเจาะหาข้อมูล กระทั่งการสอบสวน ซึ่งวิชาทั้งหมดที่สอนกัน รุ่นพี่ๆ เก่งๆ ด้านต่างๆ ก็จะถ่ายทอดเทคนิคมาให้เราทุกคน”
ปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมสุดยอดทุกวิชาไป โดยเฉพาะวิชายิงปืน ครูน้อยได้ชื่อว่ายิงได้แม่นที่สุดในหน่วย ราวกับจับวาง แต่ใช่ว่ายิงปืนแม่นจะเป็นมือสไนเปอร์ได้ทันที เพราะอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ครูน้อยย้ำว่า จุดเด่นของมือสไนเปอร์นั้นต้องกลืนตัวเองไปกับสิ่งแวดล้อม แถมยังต้องเป็นคนมีอดทนมากเป็นพิเศษ
“มันเป็นงานที่ต้องอาศัยความอึด (เน้นเสียง) เพราะบางทีเราต้องเฝ้าเป้าหมายอยู่ท่าเดิมๆเป็นวันๆ ดังนั้นต้องนิ่งให้มากที่สุด ไม่เหมือนกับหน่วยสะกดรอยที่สามารถมูฟเมนท์ได้ เรื่องวิทยุสื่อสาร อาหารการกิน (เมนูฮิตของมือสไนเปอร์ไทยต่อการสุ่มดูเป้าหมาย 1 วัน 1.น้ำเปล่า 1 ขวด 2.ขนมปัง 2 แถว) ที่ขับถ่ายก็เป็นข้อจำกัดมากๆ ของคนที่ทำงานด้านนี้ ดังนั้นนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น สิ่งที่มือสไนเปอร์ขาดไม่ได้ก็คือ “บัดดี้” ที่เรียกได้ว่ามองตาต้องรู้ใจว่าต้องการอะไร เพราะต้องสื่อสารกันด้วยสายตามากกว่าคำพูดตลอดเวลา”
สไนเปอร์ห้ามมีความรัก...?
6 ปีที่ปฏิบัติหน้าที่มา ครูน้อยยอมรับว่า นอกจากมีภารกิจที่ประทับใจเยอะ ทว่าภารกิจเสี่ยงตายก็มากคณานับ แต่พอบรรลุภารกิจหน้าที่การงานทุกๆ คนก็สามารถมีชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป
ว่ากันว่ากฏเหล็กสำคัญในการเป็นสไนเปอร์คือห้ามมีความรัก...?
“ไม่จริง (เน้นเสียง) มีได้ค่ะ แต่ตอนนี้เราเพิ่งเลิกกับแฟนไป แต่ถึงจะอกหักตอนนี้เราก็ยังมองว่าความรักยังเป็นเรื่องที่สวยงามอยู่ ไม่ได้ปิดกันหรือเข็ดขยาด คนที่มาเป็นแฟนมือ สไนเปอร์ก็ไม่ต้องมีอะไรมาก (หัวเราะ) ต้องเข้าใจและไว้ใจ ยิ่งเราทำงานเสี่ยงๆ แบบนี้ด้วย เรามักจะเปรียบความรักเสมอๆ ว่ามันเหมือนกับวงกลม 2 วง ที่มาตัดกัน อันนี้พื้นที่เรา นี่พื้นที่ของฉัน นี่คือพื้นที่ของเธอ จริงๆ ความรักเราต้องมีสเปซให้กันและกันถึงจะอยู่เป็นสุขได้ เข้าทำนองเป็นแฟนสไนเปอร์ต้องอดทน (หัวเราะ) แต่ทางที่ดีเราจะไม่บอกแฟนเราว่าทำงานอะไร (หัวเราะ)”
วันว่างๆ และหนังเรื่องโปรด
หลายคนเชื่อว่า วันว่างๆ ของสไนเปอร์สาวจะต้องดูเคร่งครึม และต้องเก็บตัวอยู่ในเซฟเฮาท์ลึกลับ แต่ทว่าครูน้อยบอกว่าเธอก็ใช้ชีวิตปกติ ว่างๆ ก็ออกกำลังกาย ตีแบดมินตัน เล่นฟิสเนตเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ถ้ามีเวลาว่างก็ไปเดินเที่ยวเล่น ช้อปปิ้ง โดยเฉพาะดูหนังซึ่งเป็นงานอดิเรกโปรดของเธอ
“ชอบมากกว่าอ่านหนังสือ เพราะอ่านทีไรหลับทุกที (หัวเราะ) ส่วนใหญ่เรื่องที่ดูก็จะเป็นหนังฝรั่งแนวแอ็คชั่น เช่น Mr. and Mrs. Smith, Sniper, Jame Bone 007 ภาคล่าสุด, Bone Collector, Twenty Four, The Kingdom ฯลฯ การดูหนังแบบนี้เราไม่ได้ดูเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว แต่เราดูไว้เป็นความรู้เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้กับการทำงานของเราด้วย ส่วนหนังการ์ตูนก็มีดูบ้าง อย่าง Megamind จอมวายร้ายพิทักษ์โลก เรื่องชอบมากเพิ่งไปดูมามันสอนให้เรารู้ว่า “ในโลกนี้ถ้าไม่มีผู้ร้ายก็ไม่มีพระเอกเกิดขึ้น” มันก็เหมือนโลกแห่งความเป็นจริง ที่สำคัญเมื่อเกิดการปะทะกันแล้วที่สุดก็ต้องมีหนทางที่จะคลี่คลายเป็นทางออกของตัวมันเองเสมอเวลาดูหนังครูน้อยจะเป็นคนชอบวิเคราะห์ว่าเรื่องนี้สอนอะไรเราบ้าง” เธอชอบดูแล้ววิเคราะห์หนังไปด้วย
สำหรับปรัชญาในการใช้ชีวิต...? นักแม่นปืนตอบว่า ทำวันนี้ให้ดีและเต็มที่ที่สุดค่ะ
“สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ วันนี้ดีใจที่ได้มาทำงานตรงนี้ และขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสกับผู้หญิงได้แสดงฝีมือได้ทำงานใหญ่เพื่อประเทศชาติ แต่ทางที่น่าจะดีกว่าไหมถ้าโลกนี้เป็นเหมือนกับบทสรุปของหนังเรื่อง Megamind คือ "ถ้าไม่มีโจรก็จะไม่มีพระเอกโลกนี้ก็จะสงบ มีแต่คนรักกันดังเดิม” เธอกล่าวทิ้งท้ายให้ข้อคิด
บ่น่าเชื่อว่าสาวอิสานบ้านเฮา สิเก่งปานนีเนาะพี่น้อง เทห์สุดๆไปเลย มักๆๆ ฮ่าๆๆ :l-- - - - - - - - - - - - - -
โดย ทีมข่าวไทยรัฐ ไลฟ์สไตล์ออนไลน์
4 ก.พ. 2554, 05:45 น.
Bookmarks