"ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ แต่สำหรับพวกเราแล้ว โอกาสได้เลือกยังยากเลย" น้ำเสียงท้อแท้เต็มกลืนที่ "ชัชชนก ศรีเจริญสุข" สาวโรงงาน วัย 37 ปี สะท้อนความขมขื่นที่เธอเผชิญอยู่ ซึ่งจะมีกี่คนที่รู้ว่าพวกเธอต้องตรากตรำทำงานกันแค่ไหน กว่าจะสู้ชีวิตให้ผ่านพ้นได้ในแต่ละวัน
"ชัชชนก" เป็นอีกภาพของคนที่ต้องจากบ้านเข้ามาแสวงโชคในเมืองกรุง ด้วยความหวังว่า สักวันอาจมีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น จริงอยู่การมีงานทำในโรงงานทอผ้า ย่านแจ้งวัฒนะ อาจเป็นรายได้ที่พอกพูนได้จากความขยันที่เป็นทุนเดิม แต่ทว่าการที่ต้องยืนทำงานเป็นคนงานรีดผ้า วันละกว่า 15 ชั่วโมง ตั้งแต่เป็นสาวรุ่น ไม่มีใครคาดคิดว่าวันหนึ่งเธอต้องกลายเป็นผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อหลังอักเสบอย่างรุนแรง เพียงเพื่อให้มีรายได้วันละไม่ถึงสามร้อยบาท
"เป็นเวลานานเกือบ 10 ปี ที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ตื่นตี 5 ไปเข้างาน 8 โมง แต่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนทุกวัน วันไหนไม่ได้ไปทำงานก็ไม่ได้เงินหรือถ้าไปเข้างานสายก็จะถูกหักเบี้ยขยันครั้งละ 200 บาท ทั้งที่ใน 15 วันนายจ้างจะจ่ายเบี้ยขยันให้แค่ 400 บาท เมื่อต้องถูกหักครั้งละ 200 บาท เงินพิเศษที่ได้มาก็ไม่เหลืออะไรแล้ว"
ชัชชนกเล่าว่าสิ่งที่เราเรียกร้องมาตลอดคือ อยากให้กองทุนเงินทดแทนมีหมอ ด้านเวชศาสตร์ เพื่อวินิจฉัยโรคที่เกิดจากการทำงาน เพื่อจะได้ช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาล เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้พวกเราทำงานแทบตาย เมื่อเจ็บป่วยไปใช้สิทธิรักษากับประกันสังคม แต่พอตรวจแล้ว หมอกลับบอกว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรงที่ไม่เกี่ยวกับงาน ทำให้สิทธิที่ควรได้ เช่น ค่ายา ครั้งละ 35,000 บาท รวมถึงเงินชดเชย 60% ของค่าจ้างรายเดือน เนื่องจากต้องหยุดงานกลับไม่ได้เลย
"นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเราต้อง ออกมาชุมนุมประท้วงขอความเป็นธรรม เพราะถ้าไม่พูด ปัญหาก็หมักหมม วันนี้มีชีวิตอยู่มันจึงต้องทนลำบาก ถ้าไม่ทำก็อดตาย"
เฉกเช่น "วราภรณ์ ลาวัลย์วิวัฒน์" อีกสาวโรงงานในแผนกแพ็กกิ้ง ด้วยชั่วโมงบินในการทำงานนานถึง 15 ปี วันนี้สิ่งที่ได้รับจากความขยันทำงาน คือ เส้นเลือดฝอยขาซ้ายแตกเพราะต้องยืนบรรจุสิ่งของทั้งวันไม่มีวันหยุด
แต่ที่หนักหนากว่านั้นเห็นจะเป็นกรณีของ "จุฑามาศ พัดทอง" ฉันทนาที่ประสบกับโรคข้อเข่าเสื่อม กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง ถึงขั้นที่เธอได้ผ่านประสบการณ์ผ่าตัดเข่ามาแล้ว เพราะความจริงที่ไม่อาจหลีกพ้นจากผลของการถีบจักรทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นสิบปี ขนาดคุณหมอโรงพยาบาลภูมิพลขอร้องให้เลิกอาชีพนี้ มาแล้ว แต่เธอก็ยังทนทำ วันนี้ถ้าชีวิตเลือกได้จุฑามาศคงไม่เดินในเส้นทางสายนี้เป็นแน่
ทั้งหมดนี้ยังเป็นคำถามเดิม ๆ ทำไมฉันทนาไทยยังคงมีคุณภาพชีวิตย่ำแย่ และคงทนทำงานในสภาพที่ขาดการเหลียวแลเต็มที??.
Bookmarks