กำลังแสดงผล 1 ถึง 5 จากทั้งหมด 5

หัวข้อ: โรคที่ไม่อยากให้ใครเป็น

  1. #1
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ auddy228
    วันที่สมัคร
    Jun 2007
    ที่อยู่
    THAILAND
    กระทู้
    1,176
    บล็อก
    1

    ดูวีดีโอ YouTube ออนไลน์ โรคที่ไม่อยากให้ใครเป็น

    โรคเบาหวาน คืออะไร


    โรคเบาหวาน เป็นโรคที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดมากเกินปกติ (110-120 mg ต่อ 100cc = 100-120
    mg%) เมื่อน้ำตาลสูงติดต่อเป็นระยะเวลานาน บางส่วนจะถูกไตกรองออกไปในน้ำปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะมีน้ำตาลสูง
    ด้วยเราจึงเรียกโรคนี้ว่า โรคเบาหวาน


    ทำไมถึงเป็นโรคเบาหวาน

    โรคเบาหวานเกิดจากการทำงานผิดปกติของตับอ่อน โดยเกิดความผิดปกติในการผลิต หรือการหลั่งฮอร์โมน
    อินซูลิน ซึ่งจะเป็นตัวนำพาน้ำตาลในเลือด ไปให้เซลล์ร่างกายเผาผลาญมาใช้เป็นพลังงาน หรือบางรายเป็นภาวะดื้อต่อ
    ฮอร์โมนอินซูลินร่วมด้วยระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น ซึ่งสามารถพบได้ในทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะพบในวัยกลางคนขึ้นไป



    สาเหตุโรคเบาหวาน


    1. ทางด้านพันธุกรรม พบเป็นโรคเบาหวานมากในครอบครัวเดียวกัน หรือญาติใกล้ชิด
    2. อ้วน โดยเฉพาะคนอ้วนมากมักจะเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ
    3. ตับอ่อนผิดปกติ จากการติดเชื้อ อักเสบ ดื่มเหล้ามาก ตับแข็ง ขาดอาหารโปรตีนบางอย่าง
    4. ยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น ยาเพร็ดนิโซโลน หรือยาลูกกลอน จะกระตุ้นให้เป็นเบาหวาน
    5. สาเหตุอื่นๆ โรคต่อมไร้ท่อบางชนิด เบาหวานในคนท้อง
    มารดา เช่นหัดเยอรมัน


    จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคเบาหวาน


    เริ่มแรกจะรูสึกอ่อนเพลีย หมดเรี่ยวแรง หิวน้ำบ่อย คอแห้ง อยากดื่มน้ำตลอด ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะต้อง
    ตื่นหลังเที่ยงคืนมาปัสสาวะหลายครั้ง รับประทานอาหารได้แต่ผอมลง บางคนเบื่ออาหาร ต่อมาจะชาปลายมือ ปลายเท้า
    คันผิวหนัง เป็นแผลเรื้อรังที่ผิวหนัง มีฝีอักเสบบ่อย เป็นเชื้อราที่ผิวหนังและตาพร่ามัว



    ถ้าไม่รักษาจะเป็นอย่างไร


    ถ้าเป็นโรคเบาหวานแล้วไม่รักษา จะเกิดโรคแทรกซ้อนมากมายเช่น
    1. ระบบหัวใจและหลอดเลือด จะเกิดเส้นเลือดตีบตันที่สมอง หัวใจ ทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีก โรคความดัน
    โลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว โรคไตวาย
    2. ตา เกิดต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม ตาพร่ามัว หรือตาบอด เนื่องจากเส้นเลือดฝอยที่จอประสาทตาแตก
    และเลือดออกบังกระจกตา
    3. ผิวหนัง จะเป็นตุ่มคันทั่วไป เกิดแผลเรื้อรังหายยาก ชาตามปลายมือ ปลายเท้า ไม่รู้สึกเจ็บ เกิดแผลทับหรือ
    แผลเน่าตายของเลือด
    4. ติดเชื้อง่าย โลหิตเป็นพิษ ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น


    [COLOR="Red"]จะดูแลรักษาโรคเบาหวานอย่างไร[/COLOR]

    1. ถ้าสงสัยว่าจะเป็นเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ และมาเจาะเลือดในตอนเช้า เพื่อตรวจดูระดับน้ำตาลใน
    เลือดโดยต้องงด น้ำ งดอาหาร หลังเที่ยงคืนก่อนการตรวจ ถ้าพบว่ามีโรคเบาหวานจริง ต้องตรวจรักษาและติดตามโรค
    อย่างใกล้ชิดเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ปกติ
    2. ควบคุมน้ำหนักให้พอดี ไม่ให้อ้วนไปหรือผอมไป
    3. ควบคุมอาหารหวานจัดหรือมีแป้งมาก ควรรับประทานอาหารประเภทผักให้มาก
    4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และไม่น้อยกว่า 30 นาที/ครั้ง
    5. พบแพทย์ตามกำหนดนัดหมาย เพื่อตรวจหาภาวะแทรกซ้อนแต่เนิ่นๆ และดูระดับน้ำตาลในเลือด
    6. รับประทานยาสม่ำเสมอ ไม่ควรเพิ่มหรือลดจำนวนยาด้วยตนเอง จะเป็นอันตรายได้



    อาหารเบาหวาน


    เพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการปฏิบัติ จะแบ่งอาหารออกเป็น 3 กลุ่ม
    1. กลุ่มที่ห้ามรับประทาน ได้แก่
    • น้ำตาลทุกชนิดรวมทั้งน้ำผึ้งด้วย
    • ขนมหวานและขนมเชื่อมต่างๆ เช่น ทองหยอด ขนมชั้น สังขยา ฯลฯ
    • ผลไม้กวน เช่น ทุเรียน สับปะรด เป็นต้น
    • น้ำหวานต่างๆ รวมทั้งน้ำอัดลมและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เช่น ชา กาแฟ
    • ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน องุ่น ลำไย มะม่วงสุกขนุน ละมุด ลิ้นจี่ อ้อย ผลไม้แช่อิ่มหรือเชื่อมน้ำตาลทั้งหลาย
    2. อาหารที่ต้องจำกัดปริมาณ
    • อาหารพวกแป้ง ข้าว เผือก มัน ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน บะหมี่ ขนมปัง มักกะโรนี เป็นต้น
    • ลดอาหารไขมัน เช่น ขาหมู ข้าวมันไก่ หมูสามชั้น หรือ อาหารทอดน้ำมักมากๆ ตลอดจนไขมันจากพืช
    บางอย่าง เช่น กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม
    • อาหารสำเร็จรูป หรืออาหารพิเศษ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เช่น น้ำตาลผลไม้
    • ผักประเภทหัวที่มีน้ำตาลหรือแป้งมาก เช่น หัวกาด ฟักทอง หัวหอม กระเจี๊ยบ ถั่วงอกหัวโต หัวปลี เป็นต้น
    • ผลไม้บางอย่าง เช่น ส้ม เงาะ สับปะรด มะละกอ ฝรั่ง กล้วย เป็นต้น
    3. ขณะผ่าตัดท่านจะได้ยินเสียงดังจากเครื่องมือ
    • ผักทุกชนิด (ยกเว้นผักที่มีแป้งมาก ได้แก่ ฟักทอง ถั่วลันเตา แครอท สะเดา)
    • อาหารโปรตีนประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ ปู ปลา กุ้ง เนื้อ หมู และโปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว เต้าหู้ เป็นต้น



    ข้อพึงปฏิบัติในการควบคุม


    1. เลือกรับประทานอาหารโดยคำนึงถึงพลังงานที่ได้ตามประเภทของอาหารคือ พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต
    (แป้ง) ประมาณ 55-60% พลังงานจากโปรตีน(เนื้อสัตว์) ประมาณ 15-20% พลังงานจากไขมัน ประมาณ 25%
    2. ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ต้องลดปริมาณอาหารประจำวันลง อาจจะเหลือพียงครึ่งหนึ่งของที่เคยรับประทาน
    ห้ามกินน้ำตาลและของหวานทุกชนิด รวมทั้งอาหารมันๆ และของทอดด้วย
    3. เลือกรับประทานอาหารที่มีใยมาก เช่น ข้าวซ้อมมือ ถั่วฝักยาว ถั่วแขก ผักทุกชนิดหรือเม็ดแมงลัก ซึ่งจะ
    ช่วยระบายอ่อนๆ ด้วย
    4. อย่ารับประทานจุกจิกและไม่ตรงเวลา ถ้ากินอาหารผิดเวลามาก อาจเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไปได้
    5. รับประทานในปริมาณที่สม่ำเสมอและคงที่ ไม่ควรรับประทานอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไปในบาง
    มื้อ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคุมยาก
    6. ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูงหรือโรคไตร่วมด้วย ไม่ควรรับประทานอาหารรสเค็มจัด
    7. ถึงแม้ระดับน้ำตาลในเลือดปกติแล้ว ผู้ป่วยก็ต้องคุมอาหารตลอดไป

  2. #2
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ บ่าวชัยภูมิ
    วันที่สมัคร
    May 2007
    กระทู้
    473
    2. อ้วน โดยเฉพาะคนอ้วนมากมักจะเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนที่มี น้ำหนักตัวปกติ

    คนได๋อ้วนระวังแน่เด้อมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้

  3. #3
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ นวรัตน์
    วันที่สมัคร
    Feb 2008
    กระทู้
    687

    ความเยือกเย็น

    :)





    เจี่ยเล่งเถ้าหงษ์บ้วยคักฮก

    เป็นรากหญ้าวิเศษ พบอยู่แห่งเดียวทางเหนือของประเทศจีน
    อยู่ระหว่างซอกเหวลึก ต้านใต้เหวจะมีลำธาร
    เวลาจะเก็บต้องใช้ลวดสลิงมัดตัว แล้วหย่อนตัวลงไปเก็บ อันตรายมาก
    มีคุณสมบัต บำรุงไต เสริมสร้างฮอร์โมน บำรุงปอด ทำให้ปากและคอชุ่มฉ่ำตลอดเวลา
    ป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ

    8)

  4. #4
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ auddy228
    วันที่สมัคร
    Jun 2007
    ที่อยู่
    THAILAND
    กระทู้
    1,176
    บล็อก
    1

    มีขายที่ใด

    เจี่ยเล่งเถ้าหงษ์บ้วยคักฮก

    ฟังชื่อแล้วคงหมดปัญญาได้กิน เหมือนหนังจีน...ที่ต้องมีวิทยายุทธ...แล้วใครมียาสมุนไพรที่หาได้ในเมืองไทย...พอจะเป็นวิทยาทานได้ก็ขอเชิญ...........เพื่อสุขภาพสำหรับท่านที่เป็นจะได้ไม่ต้องทรมานกับโรคนี้......

  5. #5
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ นวรัตน์
    วันที่สมัคร
    Feb 2008
    กระทู้
    687
    จัดให้เลยauddy




    ตำลึง

    ยอดและใบนำมารับประทานเป็นผัก ต้มหรือลวกจิ้มกับน้ำพริก ใช้ปรุง
    ในแกงต่างๆ เช่นแกงจืด แกงเลียง นำไปผัด หรือใส่ในไข่เจียว

    ประโยชน์
    ใบใช้เป็นยาพอกโรคผิวหนัง กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ แก้ท้อง
    อืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แก้ไข ดับพิษร้อน แก้เริม งูสวัด ช่วยลดระดับ
    น้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันเบาหวานได้

    :)

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •