บาปบริสุทธิ์

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดจากความรักความผูกพัน ระหว่างคนกับสุนัขคู่หนึ่ง เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบของผู้เป็นนายที่ทำลายความจงรักภักดีและความซื่อสัตว์ของเพื่อนรักสี่ขาตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า "เจ้าจ้อย"

"นี่ไงของขวัญวันเกิดของลูก"

เมื่อลืมตาขึ้นมาสิ่งที่คุณแม่อุ้มอยู่ในอ้อมแขนคือ เจ้าสุนัขตัวเล็กๆลายจุด หน้าตาเด๋อดำตัวหนึ่ง

"ขอบคุณมากครับ"

สนดีใจมากที่ได้มีลูกสุนัขเป็นของตัวเอง นับเป็นของขวัญวนเกิดที่เขาดีใจมากที่สุดในชีวิต สนตั้งชื่อมันว่า "เจ้าจ้อย"

สนและเจ้าจ้อยเจริญเติบโตขึ้นมาพร้อมๆกัน ผ่านไปหลายปี สนต้องเข้ามาเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ และแล้ววันหนึ่งแม่ก็โทรมาบอกว่า

"เจ้าจ้อยโดนรถชน"

"เจ้าจ้อยเป็นยังไงบ้างครับแม่"

สนถามเสียงสั่นเครือ เพื่อนรักตัวน้อยของเขากำลังบาดเจ็บหนัก แม่เล่าว่าเจ้าจ้อยโดนรถกระบะชนและเหยียบขาหลังทั้งสองข้างของมันจนหักทั้งสองข้าง

สนอยากไปเยี่ยมเจ้าจ้อยทันทีที่ได้ยิน แต่การสอบปลายภาคทำให้เขาต้องรออีกกว่า 2 สัปดาห์ หลังจากสอบเสร็จ สนรีบกลับรถเที่ยวแรก เดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดทันที

"เจ้าจ้อย" สนตะโกนเรียก หลังจากที่ไหว้คุณพ่อคุณแม่เรียบร้อยแล้ว สนรีบตรงไปหาเจ้าจ้อยทันที "หงิง หงิง" เสียงครวญครางของเจ้าจ้อย ทำให้สนเดินตรงไปที่หลังบ้าน ภาพที่ได้เห็นทำให้สนน้ำตาริน

เจ้าจ้อยร้องครวญคราง มันพยายามเดินมาหาสนด้วยสองขาหน้าลากส่วนหลังที่กำลังจะเน่าเดินเวียนวนไปมา เนื้อตัวมอมแมม ลำตัวผอมกะหร่อง สนกอดเจ้าจ้อยเอาไว้ น้ำตาของเขาไหลเปียกขนของมัน สนป้อนยาแก้ปวดให้เจ้าจ้อยและเฝ้าดูมันอยู่ตลอดจนกระทั่งเจ้าจ้อยหลับ

รุ่งเช้าสนยืนมองเจ้าจ้อยที่พยายามลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ความสงสารจนขาดสติ ทำให้สนเดินไปหยิบท่อนโตมาฟาดลงบนศีรษะของเจ้าจ้อยอย่างแรง

"เอ๋ง!" เจ้าจ้อยร้องสุดเสียง มันพยายามอย่างสุดชีวิตที่ตะเกียกตะกายด้วยสองขาหน้าของมันเพื่อหนีไปให้ไกลที่สุด แต่แทนที่จะหยุด สนกลับยิ่งกระหน่ำฟาดไม้ฟืนลงบนหัวของมันอย่างไม่ยั้งมือจนกระทั่งเจ้าจ้อยนิ่งไปในที่สุด

หลังจากที่การปิดเทอมสิ้นสุดลง สนกลับมาเรียนตามปกติ

วันหนึ่งขณะที่สนกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระในมหาวิทยาลัยตามปกติ สนเกิดเป็นตะคริว ขาทั้งสองข้างหมดเรี่ยวแรงไปเฉยๆ เขาพยายามร้องตะโกนให้คนช่วย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลย สนค่อยๆจมลงก้นสระและหมดสติไป

สนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในโรงพยาบาล แม้ว่าจะมีเพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งไปพบเขาและให้ความช่วยเหลือเขาอย่างทันท่วงที แต่หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ไม่นานแพทย์ก็อนุญาตให้เขากลับบ้านไปพักฟื้นที่บ้านได้

สนรู้สึกว่าหูซ้ายของเขาเริ่มปวด และค่อยๆปวดรุนแรงขึ้น จึงได้ไปพบแพทย์ แพทย์ก็ให้ยาหยอดหูและยามากิน แต่ก็ไม่หายขาด มีอาการปวดร้าวไปหมดทั้งบริเวณแถบศีรษะข้างซ้าย นอกจากนี้ยังมีอาการเวียนศีรษะและหน้ามืดอยู่บ่อยๆ สนจึงตัดสินใจไปพบแพทย์อีกครั้ง หลังจากการตรวจอย่างละเอียด คุณหมอวินิจฉัยว่า

"เยื่อแก้วหูทะลุ ต้องผ่าตัดเปลี่ยนเยื่อแก้วหูใหม่"


ขณะที่แพทย์กำลังทำการผ่าตัด ท่ามกลางความรู้สึกกึ่งหลับ กึ่งตื่นที่ถูกวางยาสลบ สนฝันไปว่าตัวเองกำลังวิ่งหนีสุนัขร่างผอมโซตัวหนึ่ง หน้าตาของมันคล้ายเจ้าจ้อยไม่มีผิด แต่น่าเกลียดน่ากลัวมาก สูงเกือบเท่าตัวเขา มันแยกเขี้ยวยาวคมกริบ ดวงตาทั้งคู่ของมันโตมากแดงเหมือนสีเลือด มันวิ่งไล่เขาเร็วมาก ไม่ว่าเขาจะพยายามวิ่งหนีอย่างไรก็ดูเหมือนว่าจะหนีมันไม่พ้น สุนัขตัวนั้นกระโดดขึ้นงับบริเวณศีรษะซีกซ้ายทั้งแถบ

"ช่วยด้วย!"

สนร้องตะโกนขึ้น พยายามรีบเข้ามาในห้อง

"เป็นอย่างไรบ้างคะ"

นางพยาบาลเข้ามาฉีดยาระงับอาการปวดให้สน เพียงครู่เดียวเขาก็รู้สึกอยากจะอาเจียนเขารีบพยุงตัวเองไปที่กระโถน เลือดสีแดงสดๆไหลออกจากปากของสนแดงฉานไปหมด สนรู้สึกเวียนศีรษะและหลับลงอีกครั้ง หลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 3 วัน หมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้

แม้ว่าจะผ่าตัดหูแล้วแต่สนยังมีอาการปวดศีรษะด้านซ้ายอยู่ โดยเฉพาะตรงหูและขมับซ้ายปวดตลอดเวลา ระยะหลังๆ มานี้จะมีอาการปวดลูกตาซ้ายเข้าร่วมด้วย ในที่สุดสนก็เข้าใจว่าความเจ็บปวดในครั้งนี้เกิดจากการที่เขาลงมือทุบหัวเจ้าจ้อยนั่นเอง


ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสนก็พยายามทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้เจ้าจ้อยอยู่เสมอ ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งเจ้าจ้อยคงจะอโหสิกรรมให้ แม้ว่าตัวเขาเองจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้เรื่อยไปก็ตาม



คัดลอกจาก หนังสือ กฏแห่งกรรมชุดคนบาป