คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิตก่อน*
"..ตามที่หนังสือโบราณท่านเขียนไว้ *"**คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต"
สมัยหลวงพ่อปาน *ท่านก็เขียนไว้ ท่านบอกว่าลอกมาจากตำรับตำรา ท่านบอกว่า
*คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต
*คือ
๑) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นไฟ กองไฟ หรือดวงไฟ แสดงว่าคนนั้นตายแล้วตรงไปนรกทันที
ไม่ผ่านสำนักพระยายมราช
๒) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นป่า จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
๓) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นก้อนเนื้อ จะเกิดเป็นคน
๔) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล เช่นของที่เราเคยให้ทาน
หรือวัดที่เราเคยทำบุญ พระที่เราเคยไหว้จะเป็นพระพุทธรูปก็ตาม พระสงฆ์ก็ตาม
เป็นอันว่าสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลอย่างนี้ ก็จะไปเกิดบนสวรรค์คือไปสู่สุคติ
ตามที่หลวงพ่อปานเขียนมาอย่างนี้
อาตมาไม่ใช่ต้องการพิสูจน์แต่ได้ไปประสบเข้าโดยคาดไม่ถึง
นั่นก็คือมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อ *"**จวน" *นามสกุลจำไม่ได้
อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลานั้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สมัยท่านจอมพลแปลก
พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกณฑ์คนไปทำงานที่จังหวัดเพชรบูรณ์
ต้องการจะเอาคนงานทั้งหมดเป็นทหารต่อต้านญี่ปุ่น คุณจวนก็ไปทำงานที่นี่ด้วย
เมื่อเลิกสงครามก็เลิกทำงาน กลับมาก็ปรากฏว่าเป็นโรคไข้
ต่อมาก็เป็นวัณโรคคือเป็นโรคฝีในท้อง เป็นโรคปอด
วันสุดท้ายของชีวิตของเธอ อาตมาไปเทศน์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
พอดีกลับมามีคนเขาบอกว่า "จวนป่วยหนัก" ประมาณ ๔ โมงเย็น
อาตมานิมนต์พระไปเป็นเพื่อนอีก ๔ องค์
ที่นำพระไปด้วยก็คิดว่าคนป่วยหนักถ้าเห็นพระอาจจะเป็นมงคลก็ได้
เพราะตามตำราท่านบอกว่า ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นกุศลคนนั้นจะไปสวรรค์
พอไปถึงคุณจวนก็อาการหนักจริงๆ หายใจช้าๆ แล้วก็เบาลงๆ อาตมาไปนั่งข้างๆ
เรียกชื่อ "จวน จำฉันได้ไหม" ท่านเหลียวหน้ามาพยักหน้าตอบว่า "จำได้"
เสียงเบามาก จึงถามเธอว่า "เวลานี้เห็นอะไรไหม ไม่ใช่เห็นฉัน
มีภาพอะไรลอยข้างหน้าบ้าง"
ท่านก็ตอบว่า* "**เวลานี้มีภาพไฟลอยข้างหน้า"*
ท่านก็แสดงอาการหวาดกลัวไฟมาก เมื่อฟังเท่านั้นก็ตกใจ คิดว่าท่าจะไม่ได้การแล้ว
*นิมิตอย่างนี้ถ้าเห็นตายแล้วไปนรกทันที *
ก็คิดอะไรไม่ถูกจึงถามว่า "จวน ภาวนาว่า*พุทโธ*ได้ไหม"
เธอส่ายหน้าบอกว่า "คิดไม่ออก"
อาตมาจึงหันไปถามภรรยาท่านว่า "มีสตางค์ไหม"
เธอก็ตอบว่า "มี"
ก็เลยบอกว่า "ถ้ามีละก็ขอสัก ๒๐ บาทได้ไหม"
เธอก็นำธนบัตรใบละ ๒๐ บาทมาให้ อาตมาก็นำไปใส่มือจวน
เอามือทั้งสองประกบกันในท่าพนมมือแล้วบอกว่า
*"**จวน เอาอย่างนี้นะ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราจะตาย
หรือไม่ตายนั้นไม่มีความสำคัญ ตั้งใจทำบุญก็แล้วกันนะ เวลานี้ฉันมาพร้อมกับพระ
๔ องค์ ขอจวนตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ ให้คิดว่าของต่างๆ
ในวัดทั้งหลายที่มีพระสงฆ์ก็ดี หรือไม่มีพระสงฆ์ก็ดี
เป็นวัดร้างมีพระพุทธรูปก็ดี หรือเป็นวัดร้างไม่มีพระพุทธรูปก็ดี
หรือเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่มีสภาพเป็นวัดก็ตาม เราไปนำอะไรมาจากที่นั่นก็ตาม
จะเป็นของหนักก็ดี ของเบาก็ดี ของน้อยก็ตาม ของมากก็ตาม มีค่ามากก็ตาม
มีค่าน้อยก็ตาม ขอชำระหนี้สงฆ์ด้วยเงิน ๒๐ บาท"*
ท่านก็พูดเบาๆ ตามแล้วก็น้อมทำท่าผงกศีรษะนิดหน่อย ก็เลยบอกพระ ๔ องค์ว่า
"คุณทั้งหลายถ้าเห็นชอบให้ สาธุ พร้อมกันนะ"
พระทั้งหลายก็* "**สาธุ"*พร้อมกัน พอพระสงฆ์สาธุพร้อมกัน
รู้สึกว่าจิตใจของท่านสดชื่นขึ้นมามาก ถามว่า "จวน เวลานี้เห็นภาพอะไร
ไฟหายไปแล้วหรือยัง"
ท่านก็ตอบ *"**ไฟหายไปแล้ว"*
ถามว่า "เห็นภาพอะไร"
ท่านบอก *"**เห็นภาพพระประธานในพระอุโบสถวัดบางนมโค"
*เพราะว่าท่านเคยบวชที่วัดบางนมโคและก็ไปทำวัตรเป็นประจำ
ถามว่า "เห็นชัดไหม"
ท่านก็บอก "เห็นชัด อยู่ใกล้มาก"
เลยบอกว่า "จวน นึกในใจก็ได้นะ ออกเสียงมันจะเหนื่อย นึกภาวนาในใจว่า *พุทโธ*"
แทนที่ท่านจะนึกในใจกลับออกเสียงว่า "พุทโธๆ ๆ ๆ" เบาๆ ว่าไปสัก ๓-๔ ครั้ง
รู้สึกว่าหายใจเบาลงแต่ว่ามีเสียงเล็กน้อย
ถามว่า "จวน เวลานี้เห็นพระไหม"
ท่านตอบว่า "เห็นพระ"
ถามว่า "ชัดขึ้นไหม"
ท่านก็ตอบว่า* "**ชัดเจนแจ่มใสมาก สุกสว่างใหญ่กว่าเดิมมาก"*
เลยบอกว่า *"**ถ้าอย่างนั้น นึกถึงพระเป็นที่พึ่งนะ
นึกถึงว่าเวลานี้เราอยู่กับพระพุทธเจ้า ภาพที่เห็นคือภาพพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าท่านมาสงเคราะห์ จะหายจากโรค ถ้าจำเป็นต้องตายก็ไปสวรรค์"*
ท่านยิ้มนิดหนึ่งแล้วบอกว่า* "**พอพูดจบก็มีวิมานลอยมาอยู่ข้างหน้า
พระท่านก็ชี้บอกว่า วิมานนี้เป็นของเธอ"*
จึงถามว่า *"**เวลานี้ต้องการอยู่บ้านหรือต้องการอยู่วิมาน"*
ท่านก็ตอบเบาๆ ว่า* "**ต้องการวิมานครับ"*
ก็ไม่ต้องรบกวนให้เหนื่อยต่อไปจึงบอกว่า "ตั้งใจไปวิมานนะ ภาวนาว่า*พุทโธ*"
ท่านก็ภาวนาเบาๆ ว่า "พุทโธๆ ๆ ๆ"
ในที่สุดก็เงียบไปพร้อมกับคำภาวนาและลมหายใจเข้าออก
*รวมความว่า*ท่าน*ตายคู่กับพุทโธ*
*เป็นอันว่า นิมิตเครื่องหมายมีจริง*อาตมาพบมาเองหลายสิบราย
และวิธีแก้ก็มีวิธีเดียวคือวิธีนี้ เพราะว่าเวลานั้นอย่างอื่นมันแก้กันไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินชำระหนี้สงฆ์ ถ้าบังเอิญเขาไม่เป็นหนี้สงฆ์
ก็เป็นสังฆทานและวิหารทาน รวมความว่าเป็นบุญใหญ่ที่เขาจะพึงได้รับ
*เป็นอันว่ามนุษย์เราที่ตาย ทุกคนจะเห็นนิมิตก่อน*
แต่ว่านิมิตที่ดีและถูกตัดรอนเพราะกฎของกรรมก็มี.."
ที่มาข้อมูลhttp://www.thaisquare.com/Dhamma
Bookmarks