ในวันเกิดมา

ทุกคนร้องไห้จ้า
แสดงให้เห็น
ว่าความเกิดเป็นทุกข์
แต่คนที่อยู่ก่อน
กลับยิ้มรับทักทาย
คล้ายเห็นความทุกข์ของคนอื่น
เป็นความสุขสมของตน


ในวันเกิดมา
ไม่มีใครใส่เสื้อแสง
แสดงให้เห็น
ว่าความเกิดเป็นของเปล่า
ไร้สมบัติติดมือ
มีแต่ตัวเองเป็นสมบัติ
มีแต่ญาติมิตรเป็นเครื่องหุ้มห่อ
มีแต่ฟ้าดินเป็นหลักแหล่งอาศัย


ในวันเกิดมา
แต่ละคนไม่รู้อะไรเลย
แสดงให้เห็น
ว่าความเกิดเป็นของว่าง
ไร้ความรู้ติดหัว
มีแต่ความกลัวจะไม่ได้
มีแต่ความอยากแค่จะเอา
มีแต่ความไร้เดียงสาที่จะกำ


ในวันเกิดมา
จะหาใครเอาตัวรอดเองได้
แสดงให้เห็น
ว่าความเกิดเป็นภาระ
เป็นของหนักไม่ใช่เบา
ต้องพึ่งพาผู้อื่น
ต้องให้ใครต่อใครเลี้ยงดู
ต้องเรียนรู้จากครูสอน


ในวันเกิดมา
ทุกชาติทุกภาษาหาเจรจาไม่
แสดงให้เห็น
ว่าความเกิดเป็นของกลาง
หาใช่สมบัติเฉพาะของถิ่นใด
โตกับใครก็พูดแบบนั้น
โตกับพาลก็ใช้คำเยี่ยงพาล
โตกับบัณฑิตก็เจรจาเยี่ยงบัณฑิต


ในวันเกิดมา
ไม่อาจตัดสินว่าใครดีใครชั่ว
แสดงให้เห็น
ว่าความเกิดเป็นทางสองแพร่ง
เกิดแล้วต้องเลือกเอา
ว่าจะทำชีวิตให้ดีขึ้นหรือแย่ลง
ว่าจะอุทิศชีวิตเพื่อการเอาหรือการให้
ว่าจะจบชีวิตอย่างมีเกียรติหรืออัปยศ


ในวันคล้ายวันเกิด
แทบทุกคนคาดหวังจากคนอื่น
รอคำแซ่ซ้องอวยพร
รอของขวัญน่าแปลกใจ
รอการเอาใจเป็นพิเศษ
แสดงให้เห็นว่าคนเกือบทั้งโลก
อยากรู้สึกว่าตนเองมีความหมาย
อยากรู้สึกว่าทุกคนเห็นค่า
อยากรู้สึกว่าชีวิตเกิดมาเพื่อได้รับ


ในวันคล้ายวันเกิด
น้อยคนจะอาศัยเป็นเครื่องวัด
ว่าจนถึงวันนี้มีดีอะไรแล้ว
ว่าจนถึงวันนี้มีความรู้อะไรเพิ่ม
ว่าจนถึงวันนี้มีจุดหมายชัดหรือยัง
แสดงให้เห็นว่าคนเกือบทั้งโลก
แค่เยื้องกรายลอยชายไปวันวัน
แค่ปลอบกันว่าเกิดมาน่ะดีแล้ว
แค่เกิดมาก็พอแล้ว


เกิดอย่างงง
อยู่อย่างงง
ก็ต้องตายไปอย่างงง
แล้วการเกิดจะเป็นสุขได้อย่างไร
ต้องเป็นทุกข์ต่างหากเล่า
พากันคิดไปเองว่าการเกิดน่าสุขสันต์
พากันคิดไปเองว่าวันเกิดควรมีบ่อย
พากันคิดไปเองว่าแค่เกิดก็มีค่าอยู่ในตัว


คนเราช่วยประคองกันให้ฉีกยิ้ม
ช่วยให้อิ่มใจฉลองวันเริ่มทุกข์
ช่วยให้เกียรติที่มาเป็นทุกข์ร่วมกัน
แล้วจะหาวันใดในชีวิตเล่า
ที่คนเราช่วยกันเตือนได้
ให้ระลึกว่าความเกิดเป็นทุกข์
ความต้องแก่ตัวลงก็เป็นทุกข์
ความตายไปอย่างไม่รู้ยิ่งเป็นทุกข์
และไม่ควรต้องเป็นทุกข์อีก