อาจารย์พรชัย ศรีสารคาม ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านผญากล่าวว่า คนโบราณท่านฉลาด
ในการสอน มีอุบายต่างๆที่จะให้คนเชื่อและจำง่ายไม่หลงลืม บางท่านจึงผูกนิทานขึ้น
เป็นตัวอย่าง บางท่านก็คิดหาข้อความสั้นๆที่มีเสียงคล้องจองกันอย่างไพเราะแฝงแง่คิด
ทั้งคดีโลกคดีธรรมพอให้จำขึ้นใจได้ง่าย คำหรือข้อความประเภทนี้เรียกว่า ผญา จะเห็น
ได้ว่าผญานั้นเป็นคติสอนใจแทรกอยู่ตามนิทานพื้นบ้านบ้าง วรรณคดีอี่สานบ้าง เช่นเรื่อง
ท้าวก่ำกาดำ ท้าวขูลูนางอั้ว เป็นต้น
ผญานอกจากจะเป็นคติสอนใจให้ข้อคิดแนวทางดำเนินชีวิตต่างๆแล้ว ยังมีผญาอีก
บทหนึ่งที่มีแพร่หลาย นั้นก็คือ ประเภทเกี้ยวพาราสี ซึ่งมักจะแต่งกันแบบสดๆต่อหน้า
ฝ่ายตรงกันข้ามเลย เช่น เวลาบ่าวไปเจอสาวอยากจะถามข่าวคราวหรืออยากทราบว่า
อยู่บ้านไหน บ้านอยู่ที่ใดก็จะถามด้วยผญา ซึ่งชาวอี่สานเรียกว่าจ่ายผญา เช่น
บ่าว (ชายหนุ่ม) แม่นเจ้าเนาหนห้อง สถานที่เมืองใด๋น้องเอ้ย
ขอจงไขวาจาบอกพี่มาดู้น้อง
สาว (หญิงสาว) น้องนี้เนาหนห้อง อุดรคำก้ำบ้านอยู่พุ้นแหล้ว................
( บ้านฝ่ายหญิงก็จะบอกชื่อบ้านลงไป )
ส่วนมากแล้วผญาเกี้ยวพาราสีมักจะแต่งหรือจ่ายกันบ่อยที่สุดคือ เวลาบ่าวไปเจอสาว
ในลานลงข่วง ซึ่งเป็นสถานที่สาวๆไปร่วมกันเพื่อปั่นฝ่ายในตอนกลางคืน บรรดาหนุ่มๆ
ทั้งบ้านเดียวกันและต่างหมู่บ้านก็จะถือโอกาสนี้มาพูดคุยจ่ายผญาเกี้ยวพาราสีหยอกเย้า
เป็นเพื่อนสาวๆจนดึกแล้วก็จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ช่วงนี้เองที่บรรดาสาวๆจะมีโอกาสเรียนรู้
พิจารณาเลือกสรรบ่าวอยู่ในใจว่าใครมีภูมิปัญญา ไหวพริบ ปฏิพาน สามารถแก้ปัญหาได้ดี
แค่ไหน ใครที่จ่ายผญาแก้ผญาได้ดีก็มักจะได้รับความสนใจจากสาวๆ ก่อนเพื่อนเหมือนคำ
พังเพยที่ว่า ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หรือพูดดีเป็นศรีแก่ปาก หรือคารมณ์เป็นต่อรูปหล่อเป็น
รอง หรือตามผญาอี่สานที่ว่า มีเงินเต็มภาชน์บ่ท่อมีผญาเต็มปูม หมายถึงมีเงินมากมายแต่ก็
ไม่เท่ามีปัญญานั้นเอง
ผญาอีกประเภทหนึ่งคือ ผญาประเภทพูดสองแง่สามง่ามตีความหมายในแง่ลามกสกปรก
ซึ่งคนอีกกลุ่มหนึ่งนิยมนำไปพูดเห็นว่าไม่เป็นผลดีต่อศีลธรรมจรรยาจึงไม่ได้นำมาให้ได้รับรู้
ผู้สนใจสามารถศึกษาและหาฟังได้ตามข้างเวทีหมอลำกลอน ลำซิ่ง ซึ่งเขาจะพูดกันในช่วง
หมอลำพัก บางคำลามกจนหมอลำสาวทนไม่ได้มีเรื่องราวกันก็มี ชาวอี่สานรู้กันดีในนาม
ผญาสอย คำขึ้นต้นจะมีคำว่า สอย ๆๆ แล้วหาคำที่เป็นหรือมีความหมายสองแง่สองง่ามมาต่อ
ทุกวันนี้ผญาหรือคำคล้องจองประเภทนี้เป็นที่นิยมกันมาก เพราะถูกกิเลสของคน สะใจทั้งคน
พูด และคนฟัง รวมทั้งหมอลำด้วย หมอลำทุกวันนี้ถ้าไม่มีคนสอยเขาถือว่าไม่มีคุณภาพ
คนไม่นิยม ขาดรสชาติ ดังนั้น การสอยกับหมอลำ ( ซิ่ง ) จึงเป็นของคู่กัน