.....สาวโรงงานเข้าไปอ่านเจอข้อความนี้เลยขออนุญาตยกมาให้พี่น้องอ่านจ้า
มีเรื่องราวเข้ามาในชีวิต บางเรื่องอยากจำแต่ดันลืม เรื่องที่อยากลืมก็ดันจำขึ้นใจ
หลายๆครั้งก็รู้สึกสับสนกับข้อมูลที่มีมากเกินไป ทั้งเรื่องงาน
เรื่องคนมันปนกันไปหมด ไม่รู้ว่าอะไรมาก่อนมาหลัง อะไรสำคัญ สงสัยต้องมานั่งลำดับใหม่แล้วว่าอะไรบ้าง
ที่น่าเก็บไว้ในหัว อะไรที่ไร้สาระเกินกว่าจะใส่ใจ
..นึกถึงนิทานเรื่องดินสอกับยางลบ คงเคยอ่านกันแล้ว ชอบนะเรื่องนี้ ได้คิดอะไรดี
เอามาให้อ่านอีกครั้งสำหรับคนยังไม่เคยอ่านค่ะ
มีดินสอที่เขียนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง
มียางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง
ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกัน
หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ
หน้าที่ของยางลบก็คือลบ มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา
เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา
จนกระทั่ง ดินสอเอ่ยกับยางลบว่า
"เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว"
ยางลบจึงถามว่า "ทำไมล่ะ"
ดินสอจึงตอบกลับไปว่า "ก็เราเขียนนายลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย"
ยางลบจึงเถียงว่า "เราทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด"
....ทั้งคู่จึงแยกทางกัน
ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน
แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิด
ข้อความที่สวยๆที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรก มีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด
....มันคิดถึงยางลบจับใจ
ฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป
พอเวลาผ่านไปมันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า
เพราะไม่มีอะไรให้ลบ มันคิดถึงดินสอจับใจ
ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่
คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลงเขียนแต่สิ่งทีดี
ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิดเท่านั้น
ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำ
ดินสอในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี
แต่พอเวลาเปลี่ยนไปมันก็หัดเลือกจำแต่ สิ่งดีๆเท่านั้น
ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม
ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกอย่าง ทั้งดีและไม่ดี
แต่ทุกครั้งที่ลืมตัวมันก็จะสกปรก
แต่ตอนหลังมันเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี หรือคือการให้อภัยนั่นเอง
ฉะนั้นการเปรียบการเดินทางของทั้งคู่ดุจมิตรภาพ
คือ การจำแต่สิ่งดีๆและลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง
Bookmarks