หุ้งข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว- เราอยู่กันด้วยปัญญาสิ เราอยู่กันด้วยเหตุผลเราจะดูแลสั่งสอนลูกก็ต้องมีเหตุผล อย่าใช้อารมณ์คนเราถ้าอยู่กันด้วยอารมณ์แล้วไม่มีความสุข
- สามีใช้อารมณ์กับภรรยา ภรรยาใช้อารมณ์กับสามี พ่อแม่ใช้อารมณ์กับลูก เขาเรียกว่า ตีวัวกระทบคราด โบราณเขาว่าอย่างนั้น
- ภรรยาโมโหสามีไม่รู้จะตีสามีไง ก็ตบลูกตวเองล้มคว่ำไปเลย ลูกก็เจ็บ...ร้อง ลุกขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ที่แท้โมโหสามี...ตบลูกประชดสามี
- สามีก็โมโหภรรยา เตะลูกกระเด็นกระดอน จะเตะภรรยาก็ไม่ได้เลยเตะลูกแทน ตีลูกแทน นั่นเป็นเหตุผลกรรมที่ทำให้ครอบครัวนั้นไม่มีความสุข และผลที่ได้รับ..คือลูกก็กลายเป็นคนมีปัญหา กระทบกระเทือนประสาท ไม่สบายใจคิดว่า "พ่อไม่รักเรา แม่ไม่รักเรา เราไม่มีความผิด ทำไมมาตบมาตี"
- เด็กมันก็คิดสับสนกลายเป็นปัญหาในครอบครัว การเรียนบางทีก็ตกไปก็มี เพราะอะไร เพราะมันไม่มีเหตุผลในการปกครอง เหมือนตีวันกระทบคราด หรือพอดีไม่ได้ก็ประชด เขาเรียกว่า หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว
- "ไอ้แมวตัวนี้มันชอบกินปลา ปิ้งให้มันกินให้ท้องแตกตาย" แมวสบายไปเลย กินปลาคนนั้น ผลที่สุดตัวเองก็ไม่ได้กินปลา... ปิ้งปลาให้แมวกินหมด เพราะโมโหแมว แมวไม่รู้เรื่องอะไรได้กินปลาหมด...เสียปลาไป
- ไอ้หมาย่องมากินข้าว โมโหหมา หุงข้าวประชดหมา "มันอยากมาขโมยกิน เอ้า! กินซะให้อิ่ม" หมดเลย วันนั้นตัวเองไม่ต้องกิน หุงข้าวให้หมากินหมด
- โบราณเขาว่ามันไม่ดี ไม่มีเหตุผล "ตีวัวกระทบคราด" "หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว" เขาเรียกว่า คนโง่ เหมือนพอชนอะไร...โมโหกลับไปชนอีกปึ้ง บางคนมีนะ ชนแล้วโมโหตัวเอง...อยากเช่อ ชนซะอีกที เพราะไม่มีเหตุผล เจ็บแล้วยังชนให้เจ็บอีก
- นี่..เราไม่มีธรรมะ คือความเย็นใจ ไม่มีหลักควบคุมใจเรา จึงระบายออกไปในทางผิด ๆ กระทบกระเทือนภายในครอบครัว ภายในสังคมแล้วก็เป็นนิสัยคิดไปถึงลูกถึงหลาน
- บางคนประชด...เขาไม่รัก ผูกคอตายดีกว่า เป็นงั้นเลย...โถ! ผูกคอตาย คนอื่นเขาก็พ้นทุกข์ไป เราก็ตายฟรี
- บางคนโกรธสามีไปกินยาตาย ต้องหามไปล้างท้องที่โรงพยาบาลหมอก็บอกว่า "เอามาทำไม! อยากตายก็ปล่อยให้ตายเถอะ" หมอไม่อยากล้างท้อง คือมันไม่มีเหตุผล
เรามีข้อบกพร่องอะไร....เราต้องขัดใจเรา ไม่ใช่ไปแก้คนอื่น- ขัดใจเรานี่ดีที่สุด ไม่ต้องขัดคอใคร
- เราต้องมองเหตุผลว่า เราได้เป็นมนุษย์นี่เราประเสริญแล้ว พัฒนาจิตใจได้ เราก็มีความสุข เป็นบุญ เป็นบารมี ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจไปกระทบกระเทือนคนอื่นให้เดือดร้อน
- ธรรมะทำให้เรามีหลักชีวิต เรา "พุทโธ" ไป ภาวนาไป หนัก ๆ เข้า เราก็มองตัวเองออก สามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ดี ทีนี้ก็เย็นกันทั้งครอบครัวนั่นเอง
- ธรรมะนี่เราจึงต้องฝึกฝน ต้องเข้ามาหา หาทางดับอารมณ์ หาทางดับความร้อนใจ ไม่งั้นเราเองก็จะเป็นเจ้าอารมณ์ เป็นคนมีทิฏฐิกับทั้งครอบครัวเราและกับสังคนเรา ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วทุกคนที่ขัดใจเรา ถ้าไม่ต้องการให้ใครขัดคอเรา เราต้องขัดคอตัวเองเสียก่อน แล้วจะจบสิ้นด้วยความสบายใจ
- เหมือนเราคุยกันนั่นแหละ ไม่ขัดคอกันแล้ว...คุยสนุกจังเลย! แต่ถ้ารายไหนขัดคอปุ๊บ! อารมณ์ที่จะคุยสนุกก็หมด...ไม่คุยดีกว่า
- พอเข้าใจใช่ไหมโยม? ต่อไปนี้ไม่ขัดใครนะ! ขัดใจตัวเองดีกว่า ทำได้ไหม? หรือเหมือนเข็นครกขึ้นเขาเลย
- "ถ้าดีแล้วเราจะยอมตาม...ไม่ดีจะยอมทำไม มันไม่ถูกไม่มีเหตุผลเราจะยอมได้ยังไง!" มีเหตุผล ไม่มีเหตผล เราก็ทำเป็นคนมีเหตุผลก็แล้วกัน เราทำเป็นไม่รู้ ทำเป็นโง่เสีย มันก็จบเรื่อง
- บางทีบางคนมาอธิบายให้อาตมาทำอย่างงั้น ๆ ความสึกของอาตมาที่เขาพูดน่ะ เราไม่เห็นด้วยหรอก แต่ถ้าเราขัดคอ..เขาก็ไม่สบายใจ แล้วเรื่องนี้ก็ทำไม่ได้ เรานั่งฟังดีกว่า เขาก็บรรยายให้ทำอย่างนั้น ๆ อาตมาก็ฟังจนจบ จบแล้วก็แล้วกัน เขาไม่รู้ว่าอาตมามีความรู้สึกอย่างไร นโยบายของเขาก็นโยบายของเขา อาตมามานึก ถ้าคนไม่เข้าใจคงขัดกันตายเลยแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร นโยบายของเขาก็ดีสำหรับเขา ก็ปล่อยให้เขาพูดไป...ไม่ต้องขัดกัน
- คนเราถึงจะอยู่ด้วยกันก็มีความเห็นไม่เหมือนกันหรอก แม้จะเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ความรู้สึกนึกคิดก็ไม่ตรงกัน แต่เราก็นิ่งเฉยเสียแล้ว...ปัญหาก็จบ ไม่ต้องไปขัดกันทุกวัน ก็อยู่กันอย่างร่มเย็น
- ทำใจนะโยม! นักปฏิบัติต้องทำใจ...ทำใจตรงนี้ได้ก็สบาย ปลดทิฏฐิมานะได้อยู่ที่ไหนก็เป็นสุข ถ้าปลงไม่ตกก็นึกว่าเป็นกรรมก็แล้วกัน
- พระสองรูปพายเรือกันไปบิณฑบาต รูปหนึ่งขัดคอ อีกรูปเลยเอาพายตีหัวพระรูปนั่น เป้ง!
- "มาตีหัวผมทำไม? ผมยัไม่ได้ตีหัวท่านเลย"
- ก็มันอยากขัดคอนัก...ตีหัวเสียเลย พระที่ถูกตีหัวกลับไปฟ้งสมภารสมภารก็ว่า "ท่านไปตีเขาก่อนนี่"
- "ไม่ได้ตีเลย"
- "ก็ชาติก่อนท่านตีหัวเขามาก่อนนี่"
- "เอ...ไม่สู้สิ! แต่ชาตินี้ไม่ได้ตีหัวพระรูปนี้เลย"
- มันเป็นกรรมชาติก่อนไปตีหัวเขา พระรูปนี้เลยมาตีแบบไม่มีเหตุผล
- สามีมาด่าภรรยา ภรรยาก็ด่าสามีมาก่อน ภรรยาด่าสามี สามีก็ต้องนึกว่าเราเคยด่ากันมา มันคงเป็นคู่สร้างกันอย่างนี้แหละ คงไม่หยุดกันแค่นี้หรอก ถ้ามาเจอกันชาติหน้าก็ต้องมาด่ากันอีก มันไม่ใช่วันนี้วันเดียวแสดงว่ามันสร้างกรรมกันมานาน ถ้าเราปลงตก.. "เออ..ยอมให้เขาตีหัว ดีกว่าที่จะตีตอบเขาอีก ตีตอบก็ไปเพิ่มพลังกรรมากขึ้น" ถ้าหยุดก็จบกัน เป็นอโหสิกรรม
- เขาด่าเรา เราไม่ด่าตอบ อโหสิกรรม เขาตีเรา เราไม่ตีตอบ...อโหสิกรรม หมดกรรมกันชาตินี้ ไม่มีชาติหน้าต่อไป แต่ถ้าเราไม่ยอมก็มีกรรมกันเรือย โต้ตอบกันเรือย เขาด่าเรา-เราด่าเขา เขาตีเรา-เราตีเขาไม่มีวันสิ้นสุด ไปที่ไหนก็เจอคู่วิวาทกันตลอด ไม่เจอความสงบ เพราะเราไม่มีเหตุผล ตัวเราไม่สามารถขัดใจตัวเราเองได้ เลยมีทุกข์กันอย่างนี้
- การที่เรามาเข้าวัดมาหาธรรมะ ก็เพื่อจะขัดใจขัดเกลากิเลสในจิตใจให้เบาบาง เพื่อจะเกิดความสุขความสงบที่แท้จริง ไม่งั้นแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้ เข้ามาแล้วกลับไปบ้านก็เหมือนเดิม
- เข้ามากกะว่าจะทำให้ใจเย็น กลับไปถึงบ้านก็ร้อนเหมือนเดิมอีกแล้วกี่ครั้ง ๆ ก็ยังขัดใจเราไม่ได้สักที เราขัดใจคนอื่นทุกที เราก็ต้องลงเอย เหตุอยู่ที่เราทั้งหมด ผลก็อยู่ที่เรา
- เป็นยังงั้นหรือเปล่าโยม? ตีวัวกระทบคราดรึเปล่า? คนหนึ่งไถนา...คราดมันไม่ดี คราดแล้วหญ้าไม่ติดก็โมโหตีแต่วัว วัวไม่รู้จะทำยังไง โดนตีใหญ่ ตีเท่าไรคราดก็ไม่ดีสักที ที่จริงตัวเองน่าจะไปนั่งแก้คราด กลับไปตีวัว ตีวัวกระทบคราด...วันก็ตายหมด โมโหแล้วก็ใส่ลูกใส่คนโน้นคนนี้ต้องแก้สิสัยใหม่
- บางคนระบายอะไรไม่ได้ ก็ขว้างถ้วยขว้างชาม ทุบโน่นกระทืบนี่ คือทำอะไรไม่ได้ก็ระบายออก ตอนอาตมาอยู่อังกฤษ พวกฝรั่งมันแสดงละครเวลาโมโหผัวมัน...เก็บจานเกลี้ยงครัว พอผัวกลับมาขว้างหมดเลย เก็บถ้วยชามมากองไว้ "มึงมากูจะเขวี้ยง" แตกหมดเรียบร้อย ผัวก็รู้ล่ะ "เมียกูเอาเรื่องแล้ว" หลบได้ก็หลบ ถ้าหลบไม่ทัน...จานแตกหมดทั้งครัว เกลี้ยงหมดเลย จานแตกหมดเพื่อระบายอารมณ์ มันไม่มีทางดับทุกข์ พอคิดได้ก็ไปซื้อมาใหม่ ไม่กี่วันพอโมโหขว้างใหม่อีก เพราะมันไม่มีสติ ไม่ได้ฝึกใจ ไม่ได้ห้ามใจ ก็ต้องระบายในทางผิด ๆ ออกมาเรื่อย
- เป็นงั้นหรือเปล่าโยม?
- คนเข้าวัดแล้วคงจะดีขึ้นเนอะ! คงไม่ประชดโน่กระทแกทนี่เหมือนเขาเนอะ! คงจะ "พุทโธ" ไว้ได้นาน ๆ "พุทโธ ๆ" ไว้เวลาโมโหก็ "พุทโธ" ไว้ถ้า "พุทโธ" แตก..ก็ระวังให้ดี!
- จากหนังสือ...ทำอย่างไรให้ใจเป็นหนึ่ง..ของหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
- วัดสังฆทาน...จังหวัดนนทบุรี
Bookmarks