กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: พระคุณพ่อ - พระคุณแม่

  1. #1

    พระคุณพ่อ - พระคุณแม่

    พระคุณพ่อ - พระคุณแม่

    พระคุณพ่อ – พระคุณแม่

    โดย

    พระราชภาวนาวราจารย์ (หลวงพ่อผาเกิ้ง)



    พระสององค์นี้ ท่านเป็นพระที่มีคุณอเนกอนันต์เช่นเดียวกัน เกี่ยวข้องกับชีวิตเรามาตั้งแต่เกิด หรือ ตั้งแต่อยู่ถือปฏิสนธิในครรภ์ของแม่ดังกล่าวมาแล้วในหัวข้อที่พูดถึงเรื่องพระธรรมเจ้า น้ำใจอันประเสริฐสูงส่งอย่างนี้หาได้ยาก พระพุทธองค์ถึงกับได้กล่าวสดุดีว่าเป็นบุคคลตัวอย่างที่หาได้อยากมาก ในโลกนี้ หาไม่มีอีกแล้ว ท่านมีบุญคุณล้นเหลือ

    พระคุณอื่น....ไหนเล่า.... เท่าพ่อแม่
    ประเสริฐแท้...ในน้ำใจ...ใครจะเหมือน
    ท่านอุตสาห์...เลี้ยงลูก ...ปลูกโพธิ์เพียร
    ใครจะเหมือน...ม่มีละ...พระสององค์

    ขอลูก ๆ... นบนอบ...หมอบกราบไหว้
    เทิดทูนไว้...ซึ่งพระคุณ...ท่านทั้งสอง
    อย่าทำชั่ว...มัวเมิน...เกินทำนอง
    จักมัวหมอง...หมกไหม้...ในอเวจี

    จงทำดี...จักได้มี.. มีมานะ
    ไม่ลดละ.. สนองคุณ ...บุญรักษา
    เกียรติคุณ....จักปรากฏ...ยศฤาชา
    แม้พระสัมมา...ก็สรรเสริญ...เจริญพร....



    พระพุทธองค์ท่านยอมรับและสรรเสริญพระคุณของ พระคุณพ่อและพระคุณแม่ ไว้ 4 ประการว่า พระคุณพ่อ พระคุณแม่ สองพระองค์นี้

    1. ท่านเป็นพรหมของลูก ๆ เพราะท่านทั้งสองมีน้ำใจประเสริฐสูงส่ง มีลูกกี่คนเลี้ยงได้เสมอเหมือนกัน มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลเสมอกัน ไม่เอนไม่เอียง ไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง นี้น้ำใจเป็นพรหม
    2. ท่านเป็นเทวดาของลูก ๆ เพราะมีน้ำใจดีงาม แผ่น้ำใจที่มีน้ำธรรม เมตตา กรุณาธรรม คอยโอบอุ้มคุ้มครองปกป้องรักษาลูก ๆ ทุกคน ทุกเวลาไม่ว่าหลับไม่ว่าตื่นเพราะเทวดาแปลว่าผู้คุ้มกันภัย พระคุณพ่อ พระคุณแม่ ท่านคอยคุ้มกันภัยให้ลูกท่านอุตสาห์ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูลูกอย่างดีชนิดที่ว่า “ยุงมิให้กิน ลิ้นมิให้ไต่ ไรมิให้ตอม” รักลูกก็เหมือนกับรักชีวิตของท่าน ห่วงลูกก็เหมือนกับห่วงชีวิตของท่าน ท่านถนอมลูกของท่านยิ่งกว่าแก้วแหวนเงินทองเสียอีก แก้วแหวนเงินทองไม่ถนอมเท่าลูกหัวอกของพ่อแม่ทุกคนท่านรู้ดี ท่านมีน้ำใจ มีน้ำธรรม มีเมตตาธรรม มีกรุณาธรรมสูง จะหาได้จากที่ไหนเจ้าประคุณเอ๋ยในโลกนี้ นอกจากพระคุณพ่อ พระคุณแม่ พระคุณสององค์นี้จึงชื่อว่าเป็นเทวดา
    3. พระคุณพ่อพระคุณแม่ท่านเป็นครูคนแรก เพราะท่านสอนลูกของท่านให้รู้จักพูดรู้จักจา เรียกพ่อ เรียกแม่ เรียกปู่ เรียกย่า เรียกป้า เรียกลุง สอนให้รู้จักผิดรู้จักถูก รู้จักดี รู้จักชั่ว สอนก่อนครูในโรงเรียน จึงชื่อว่าเป็นครูคนแรก
    4. พระคุณพ่อพระคุณแม่ ท่านเป็นพระอรหันต์ของลูก ๆ ทุกคน เพราะท่านมีน้ำใจประเสริฐสูงส่ง มีน้ำใจบริสุทธิ์ยุติธรรมกับลูก ๆ ทุกคน เหมือนพระอรหันต์ มีใจบริสุทธิ์กับลูก ๆ ของท่าน ไม่คิดเบียดเบียน เข่นฆ่าอาฆาตพยาบาทจองเวร ไม่ถือสาหาความ ยามผิดพลาดไม่ถือโทษโกรธเคือง จะผิดพลาดมากน้อยขนาดไหนก็พร้อมที่จะให้อภัย ยามมีทุกข์ก็คอยปลอบใจให้กำลังใจ จะดีก็นับถือว่าเป็นลูก จะชั่วช้าเลวระยำ ขนาดไหนก็จำยอมรับว่าเป็นลูกของท่าน



    ขึ้นชื่อลูก จะลูกเลี้ยง หรือลูกแท้
    ยังมีแม่ พิงพัก เป็นศักดิ์ศรี
    ขอเพียง จงรัก และภักดี
    ลูกกี่คน เลี้ยงได้ ไม่ทุกข์หนัก
    เท่าลูกรัก ประพฤติตน เป็นคนชั่ว
    ลูกกี่คน เลี้ยงได้ ไม่หมองมัว
    เท่าลูกตัว ประพฤติชั่ว เลวระยำ


    พระคุณต่อ พระคุณแม่ ท่านมีน้ำใจที่มีน้ำธรรม น้ำเมตตาธรรม กรุณาธรรม มีน้ำใจดีงามกับลูก ๆ เสมอต้นเสมอปลาย กลัวว่าลูกจะไม่มีอยู่ไม่มีกินก็ดิ้นรนขวนขวายกลัวว่าลูกจะไม่มีวิชาความรู้ ก็ทุ่มเทเสียสละทำงานหามรุ่งหามค่ำ เหนื่อยแทบตายสายตัวแทบขาด กลัวว่าลูกจะไม่มีอาชีพการงานเป็นหลักเป็นแหล่งก็คิดการณ์วางแผนดิ้นรนขวนขวายหาทางหาวิธี บางทีถึงขนาดไปกู้หนี้ยืมสิน หรือเอาที่บ้าน ที่ไร่ ที่นา ที่สวนทำกิน ไปจำนองจองจำเขา ท่านก็ยอมทำทุก ๆ อย่างเพื่อลูก ๆ ของท่าน เอาความสุขหยิบยื่นให้ลูก เอาความทุกข์มาทับถมไว้ที่ตัวท่าน ท่านก็ยินยอมทุกอย่าง โอพระคุณอย่างนี้ ในโลกนี้ไม่มีอีกแล้วที่จะหยิบยื่นให้เราได้ นอกจากพระสององค์นี้

    ที่ท่านอุตส่าห์ ดิ้นรนขวนขวายทุ่มเทเสียสละเพื่อลูก ๆ ท่านไม่หวังเอาอะไรจากลูก ๆ เลย แม้จะอดตายไม่มีจะกินก็ยอมอด ขอแต่ให้ลูกได้อยู่สุขสบาย ท่านก็พอใจแต่พ่อกับแม่ทุกคนมีความหวังตรงกันอยู่อย่างหนึ่งคืออยากเห็นลูกของท่านประสพความสำเร็จ อยู่ในวัยเรียน ขยันเรียนหนังสือ ไม่ดื้อไม่ซน ไม่เล่นไม่เที่ยว ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ จบจากวัยเรียนแล้ว ขยันทำมาหากิน ขยันทำการทำงานสร้างหลักสร้างฐาน ฐานะการงานให้เจริญรุ่งเรือง พ่อแม่ทุก ๆ คนท่านพอใจยินดี อยากเห็นลูกของท่านมีอาชีพการงานเป็นหลักแหล่ง มีฐานะมั่นคง ครองทรัพย์ครองสิน ครองยศ ครองตำแหน่ง เจริญรุ่งเรือง ไม่น้อยหน้าต่ำตา ทัดเทียมกับชาวบ้านชาวเมืองเขา นี้เป็นความพอใจของพ่อกับแม่ ที่หวังจากลูก ๆ ทุกคน ซึ่งก็ตรงตามความหมายของพระพุทธองค์ “ถ้าคาทำได้ไม่ให้พ่อแม่ผิดหวังพระพุทธองค์ท่านเรียกลูกว่า “ปุตตะ” ปุตตะแปลว่าผู้นำความปลื้มใจมาให้คุณพ่อคุณแม่ ถ้าลูกคนไหนทำได้อย่างที่กล่าวมา ลูกคนนั้นก็ชื่อว่าได้แสดงความกตัญญูกตเวทีตรงตามความหมายของคำว่าปุตตะ เป็นการได้ทำให้พ่อเทเสียสละเพื่อลูกท่าน มีความหวังของท่านอย่างนั้น แม้คราวตายก็ตายอย่างนอนตา หลับหมดห่วงหมดกังวล

    พ่อแม่ก็ยังมีความหวังในตัวลูกตรงกันอีกทุกคนก็คือ หวังฝากฝีผากไข้ หวังฝากผีฝากไข้ก็ยังเป็นหวังลมๆ แล้ง ๆ ก็เพราะลูกบางคนมันก็ฝากได้ ลูกบางคนมันก็ฝากไม่ได้ ถ้าลูกคนไหนประพฤติตัวเหลวแหลก ชอบมอมเมาปรนปรือตัวเองญาติพี่น้องพวกพ้องบริวารให้เป็นคนครึ่งหลับครึ่งตื่น ครึ่งบ้าครึ่งดี ครึ่งผีครึ่งคน ด้วยการชอบมอมเมาปรนปรือด้วยหล้าด้ายการพนัน มอมเมาปรนหรือกันด้วยยาเสพติด หลงระเริงเสเพล เถลไถล หญิงชายจับกันเป็นคู่ เสพสุขสนุกเมามันในถานเริงรมย์ชั่ว ๆ ยั่วยุกามารมณ์แบบบ้าตัณหา ชอบคบหมู่พวกเลย ๆ หรือคบหาแต่คนชั่วคนเลวมาเป็นหมู่เป็นพวก ลูกอหย่างนี้มันฝากไม่ได้หรอก มัวแต่ไปหลงระเริงเสพสุขสนุกเพลินนอกเรื่องนอกราว จนกลายเป็นโรคจิต หรือสติวิปลาส ลูกอย่างนี้มันฝากไม่ได้เกาะพ่อแก่กินจนวันตาย เลี้ยงโตไม่เป็น ยามตกทุกข์ได้ยาก จึงโผล่หน้ามาหาพ่อแม่ที มาขอยืมเงิน ขอเงินไปใช้ไปแล่นไปผลาญต่อกิน เที่ยว เล่น ยามมีกินมีใช้ก็หายหน้าลับไป เหินห่างเฉยเฉือยไม่สนใจใยดีว่า พ่อแม่จะอยู่ยังไง ก กินยังไง พ่อแม่จะมีอยู่มีกินไหม มีใช้มีจ่ายไหม เจ็บป่วยหรืออยู่ทุกข์สุขประการใดไม่สนใจ ไม่ติดใจคิดถึงเลย โน่นจาอีกที ก็ตอนที่พ่อแม่ตายเข้าอยู่ในโลงมาทำท่าร้องห่มร้องไห้น้ำตาฟูมฟาย แต่เวลายังมีชีวิตอยู่ พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มาใกล้หรอก กลัวท่านของเงินใช้ กลัวท่านทวงหนี้สิน ลูกอย่างนี้มีเยอะแยะ บางคนคอยฟังคอยถามถึงอยู่ แต่ถ้ารู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ไม่มา บางทีรู้ว่าเจ็บป่วยก็ยังไม่มากหลัวว่าจะเป็นภาระ โน่นมาทีเดียวตอนตายแล่วอยู่ในโลงศพ มาถึงก็มาร้องห่มร้องไห้ ที่ร้องห่มร้องน้ำตาฟูมฟาย ไม่ใช่เสียดายอาลัยอาวรณ์หรอก ร้องให้บ่นว่า นากูก็ได้ไม่เท่าเขา ไร่กูก็ได้ไม่เท่าเขา แบ่งทรัพย์สินเงินทองให้กูนิดเดียว

    ร้องไห้ ร้องไห้เรื่องได้สมบัติไม่เท่าคนอื่นเขา ลูกดังกล่าวมานี้ มันฝากผีฝากไข้ไม่ได้ เกาะพ่อแม่กินจนวันตาย เป็นภาระของพ่อแม่ เป็นภาระของญาติพี่น้อง เป็นส่วนเกินที่พ่อแม่ญาติพี่น้อง ผิดหวังและไม่ต้องการ และเป็นส่วนเกิน เป็นขยะสังคมที่คนในสังคมเขารังเกียจอีกด้วย

  2. #2
    มักสาวฟังลำ
    Guest
    พระคุณพ่อแม่ใหญ่คักอี่หลี จั่งผมนี่ย้านแต่เฮ็ดบ่อได้ท่อเพิ่นและคำสั่งสอนที่พ่อแม่เพิ่นบอกเพิ่นสอนมานั้น กะต้องพยายามเฮ็ดให่ได้และผมรักแม่ครับ
    ให่แม่ครับ
    อันคำว่าแม่คือแม่ไม่ใช้พ่อ .......555 ซ่วยต่อให่แน่นเด้อครับ

  3. #3
    thainakhorn
    Guest

    ความรักของแม่

    แม่แก่เฒ่าเดินไม่ได้คนหนึ่ง ......เป็นที่รำคาญใจของลูกเหลือเกิน....สมัยนั้นยังไม่มีสถานสงเคราะห์คนชรา จึงไม่รู้ว่าจะเอาแม่ไปฝากใครให้เลี้ยงแทน
    ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแบกเอาแม่ไปปล่อยป่าให้อยู่ตามยถากรรม....ระหว่างทาง.....
    แม่ไม่วอนขอ...ไม่ถาม...ไม่ว่าอะไร....ตั้งใจหักกิ่งไม้ตามทางเรื่อยไป เข้าป่าลึกไกลมากแล้ว
    ลูกชายวางแม่ลงบนโขดหิน แล้วหันหลังเดินทางกลับทางเดิมไป ตอนนี้เอง...........
    เสียงที่แม่ตะโกนตามหลังลูกชายไปว่า...
    " ลูกเอ๋ย.....เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้นะ จะได้ไม่หลงทาง......"

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •