กำลังแสดงผล 1 ถึง 1 จากทั้งหมด 1

หัวข้อ: ตำนานภาษีฝิ่น

  1. #1
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    ตำนานภาษีฝิ่น

    ตำนานภาษีฝิ่น




    ตำนานภาษีฝิ่น

    ฝิ่น





    หนังสือเจ้าพระยาจักรี มาถึงผู้ว่าราชการเมือง


    ด้วยหลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติ ทำเรื่องราวมายื่นแก่เจ้าพนักงาน ขอได้นำขึ้นกราบบังคมทูลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า แต่ก่อนห้ามปรามมิให้ผู้ใดซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่น ถ้าผู้ใดมิฟังจับได้ให้ปรับไหม แล้วลงพระราชอาญาผู้ซึ่งลอบลักซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่น ลูกค้าไทยลูกค้าจีนก็ลักลอบซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่นก็มีอยู่เป็นอันมาก และผู้ซึ่งลักลอบซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่นนั้นเป็นพวกจีนมากกว่าภาษาอื่นๆ หลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร จะขอรับพระราชทานเป็นเจ้าภาษี หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติเป็นผู้เข้าส่วนทำภาษีฝิ่น ซื้อขายกันสูบแต่ตามพวกจีน ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯและหัวเมืองปากใต้ฝ่ายเหนือ พวกไทย และมอญ ลาว เขมร แขก ญวน พม่า ทวาย พราหมณ์ พุทธเกตเดิมจะไม่ขายให้ ถ้าและไทย มอญ ลาว เขมร แขก พม่า ทวาย ญวน พราหมณ์ ฝรั่ง พุทธเกตเดิม เป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ซึ่งห้ามไม่ให้สูบฝิ่นกินฝิ่น จะจ้างวานจีนให้ไปซื้อฝิ่นที่โรงภาษีไปกินไปสูบ ชำระได้ความจริงเป็นสัตย์แล้ว ขอให้เอาโทษเสียให้เข็ดหลาบ เจ้าภาษีจะขอซื้อขอขายเอง ทำภาษีทูลเกล้าฯถวายในแขวงกรุงเทพฯและหัวเมือง ปีหนึ่งเป็นเงินขึ้นเจ้าจำนวนในพระบรมมหาราชวัง ๑๘๐๐ ชั่ง ขึ้นในพระบวรราชวัง ๑๐๐ ชั่ง ขึ้นต่างกรม ๑๐๐ ชั่ง เข้ากันเป็นภาษีปีละ ๒๐๐๐ ชั่ง ทำภาษีครบปีมีกำไรจะบวกภาษีทูลเกล้าฯถวายขึ้นอีก



    เจ้าพนักงานได้พาเอาเรื่องราวปรึกษา สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ วรุตมพงศนายก สยามดิลกโลกานุปาลนาถ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ นรเนตรนาถราชสุริวงศ์ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ มหินทรมหากัลยาณมิตร และลูกขุน ณ ศาลา แล้วกราบทูลกรมสมเด็จพระเดชาดิศร กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท พิเคราะห์ดูความในเรื่องราวเห็นพร้อมกันว่า ฝิ่นเป็นของชั่ว ผู้ใดสูบฝิ่นกินฝิ่นติดแล้ว ให้เกิดโทษในสันดานกระทำการทุจริตต่างๆ สมเด็จพระมหากษัตราธิราชเจ้าแต่ปางก่อน มีพระราชบัญญัติห้มปรามก็หลายแผ่นดินมาแล้ว ผู้ซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่น ก็มิได้ถดถอยน้อยลง ไทยจีนซึ่งเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินก็พากันสูบฝิ่น กินฝิ่นมากขึ้นทุกๆแผ่นดินจนฝิ่นแผ่พ่านไปทุกบ้านทุกเมือง ไทยจีนที่เป็นคนซื้อฝิ่น ขายฝิ่น ก็ลอบลักเอาเงินตราไปซื้อฝิ่นเข้ามา จนเงินในบ้านในเมืองร่อยหรอน้อยไปทุกที ซึ่งหลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร จะขอรับเป็นเจ้าภาษี หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติ เป็นผู้เข้าส่วนทำภาษีฝิ่น จะแบ่งเบิกทางซื้อขายกันแต่ตามพวกจีน จะมิได้ขายให้แก่ไทย และมอญ ลาว เขมร แขก ญวน พม่า ทวาย พราหมณ์ ฝรั่งพุทธเกตเดิม ซึ่งเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินอยู่ในพระราชอาณาเขต เป็นทแกล้วทหารสำหรับที่จะได้สู้รบกับข้าศึกศัตรูนั้นก็ชอบอยู่ กับประการหนึ่งเงินตราในบ้านเมือง ซึ่งไทยจีนลักลอบเอาออกไปซื้อฝิ่น เงินออกไปเสียนอกประเทศปีหนึ่งๆก็มีเป็นอันมาก ฝิ่นมีภาษีขึ้นแล้วเจ้าภาษีเอาสินค้าแลกผ่านกัน เงินตราในบ้านในเมืองก็จะได้คงอยู่ มีข้อความในเรื่องราวและคำปรึกษาเป็นหลายประการ



    เจ้าพนักงานจึงนำเอาเรื่องราวและคำปรึกษาพระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดีผู้ใหญ่ ลูกขุน ณ ศาลา ขึ้นกราบบังคมทูลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว มีพระบรมราชโองการตรัสเหนือเกล้าฯสั่งว่า ซึ่งหลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติ ทำเรื่องราวยื่นแก่เจ้าพนักงาน จะขอรับทำภาษีฝิ่นตั้งโรงกงสีซื้อขายกันแต่พวกจีน พระบรมวงศานุวงศ์ และเสนาบดีผู้ใหญ่ ปรึกษาเห็นพร้อมกันว่าจะไม่เกี่ยวข้องเป็นโทษกับแผ่นดินแล้ว ก็ให้ตั้งหลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร เป็นเจ้าภาษีฝิ่นไปตามเรื่องราวและคำปรึกษานั้นเถิด เจ้าพนักงานได้เรียกเอานายประกันไว้มั่นคง สมควรแก่เงินภาษีของหลวงอยู่แล้ว จึงตั้งให้หลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร เป็นเจ้าภาษี หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติ เป็นผู้เข้าส่วนเข้ารับทำภาษีฝิ่น ตั้งแต่ ณ วันเดือนยี่ ขึ้นค่ำ ๑ ปีกุนตรีศกสืบไป


    ให้เจ้าภาษีส่งเงินภาษีแก่เจ้าจำนวน ๔ งวดๆเดือน ๔ งวดหนึ่งเงิน ๕๐๐ ชั่ง งวดเดือน ๗ งวดหนึ่งเงิน ๕๐๐ ชั่ง งวดเดือน ๑๐ งวดหนึ่งเงิน ๕๐๐ ชั่ง งวดเดือนอ้ายงวดหนึ่งเงิน ๕๐๐ ชั่ง ถ้าปีใดเป็นอธิกมาสก็ให้บวกเงินภาษีขึ้นอีกเดือนหนึ่งเงิน ๑๖๖ ชั่ง ๑๓ ตำลึง ๑ บาท ให้เจ้าภาษีส่งเงินภาษีของหลวงให้ครบจงทุกงวดทุกปี อย่าให้เงินภาษีของหลวงขาดค้างล่วงงวดล่วงปีไปแต่จำนวนหนึ่งได้ ถ้าทำภาษีครบปีมีกำไรก็ให้บวกภาษีทูลเกล้าฯถวายขึ้นอีก และภาษีฝิ่นแรกมีเป็นการใหญ่ต้องลงทุนรอนมาก อย่าให้ผู้ใดชิงแย่งเอาภาษีไปทำใน ๓ ปี ให้เจ้าภาษีตั้งโรงกงสีซื้อขายเอง ควรแก่ราคาจะซื้อขายกัน ห้ามอย่าให้เจ้าภาษีขายฝิ่นให้กับไทย มอญ ลาว เขมร ญวน พม่า ทวาย แขก พราหมณ์ ฝรั่งพุทธเกตเดิม มีผู้มาว่ากล่าวพิจารณาเป็นสัตย์ จะเอาตัวเจ้าภาษีเป็นโทษตามกฎหมาย


    ถ้าพวกไทย มอญ ลาว เขมร พม่า ทวาย แขก ญวน พราหมณ์ ฝรั้งพุทธเกตเดิม จะจ้างวานจีนผู้ใดไปซื้อฝิ่นที่โรงภาษีมาสูบ จับได้พิจารณาเป็นสัตย์ จะเอาตัวจีนผู้ไปซื้อฝิ่นเป็นโทษจงหนัก ตัวผู้จ้างจีนให้ไปซื้อฝิ่นนั้นจะกระทำโทษตามพระราชบัญญัติหมายประกาศห้าม


    อนึ่งถ้าผู้ใดลักลอบเอาฝิ่นไปขายที่บ้านเรือนของตัว และเข้าแอบแฝงซื้อขายที่บ้านขุนนาง และวังเจ้าต่างกรมหากรมมิได้ เจ้าภาษีสืบจับได้ ให้เจ้าภาษีริบเอาฝิ่นเสีย แล้วให้เจ้าภาษีเอาตัวจำไว้ ณ โรงภาษีฝิ่นให้เข็ดหลาบ ถ้าจะมีผูรับสินบนนำเจ้าภาษีไปจับฝิ่น ถ้าจับฝิ่นมาได้ เจ้าของฝิ่นจะต่อสู้เถียงว่า ผู้นำจับและพวกเจ้าภาษีเอาฝิ่นไปใส่ไว้ และแกล้งพาลพาโลจับโดยสาเหตุต่างๆ ก็จะให้ตระลาการไปสืบพยานรังวัดเพื่อนบ้าน ถ้าพยานเบิกความว่า คนที่จับฝิ่นเป็นคนซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่นแล้ว ให้เจ้าภาษีปรับไหมเอาตัวทำโทษจำไว้กว่าจะเข็ดหลาบ ถ้าพยานเบิกความว่าเป็นคนดี ไม่เป็นคนซื้อฝิ่น ขายฝิ่น กินฝิ่น สูบฝิ่น จะเอาโทษปรับไหมผู้นำจับให้กับผู้ที่ต้องจับเสมอโทษลักลอบขายฝิ่น


    ประการหนึ่งเจ้าภาษีจะต้องจ้างเรือและคน ให้ไปลาดตระเวนในท้องทะเลข้างฝั่งตะวันตกตะวันออก พบปะเรือเล็กมีแต่เงินตราเงินเหรียญออกไป ไม่มีหนังสือเบิกร่อง ไม่มีหนังสือนามเมือง และเงินมากกว่าหนังสือเบิกร่องนามเมืองเกินกำหนด ที่จะไปซื้อสินค้า ผิดประหลาด ก็ให้กองตระเวนจับเป็นเรือเอาเงินไปซื้อฝิ่น เอาตัวไปส่งต่อเจ้าพนักงานให้ชำระตามสัตย์ตามธรรม ชำระได้ความจริงว่าเอาเงินไปซื้อฝิ่นแล้ว ก็ให้ปรับไหมเอาเงินในลำ ซึ่งจับให้เป็นบำเหน็จแก่ผู้จับ ตัวจีนเจ้าของเงินนั้นให้ปล่อยเสีย ถ้าจับได้ฝิ่นในลำมากน้อยเท่าใด ก็ให้กองตระเวนเอาฝิ่นมาส่งเจ้าภาษี ให้เจ้าภาษีคิดราคาฝิ่นให้เป็นบำเหน็จแก่ผู้จับ ตัวเจ้าของฝิ่นนั้นให้เจ้าภาษีจำไว้ใช้การงานให้เข็ดหลาบ อย่าให้ผู้ใดลักลอบเอาเงินไปซื้อฝิ่นเข้ามาได้


    ประการหนึ่ง เจ๊สัวเจ้าภาษีและขุนนาง แต่งสลุบกำปั่นสำเภาเรือปากใต้ไปค้าขายเมืองต่างประเทศ จะซื้อฝิ่นเข้ามาเป็นสินค้าโดยมากเพียง ๕ ปักลงมา เจ้าภาษีรับซื้อเอาฝิ่นไว้คิดราคาให้ปักละ ๑๐ ชั่ง ถ้าเรือลำใดซื้อฝิ่นมากกว่า ๕ ปักขึ้นไป ก็ให้เจ้าภาษีรับซื้อขึ้นไว้ทั้งสิ้น แต่ให้คิดเงินให้แต่ ๕ ปักก่อน ฝิ่นนอกจาก ๕ ปักขึ้นไปนั้นให้ค้างไว้ หนึ่งปีจึงให้เจ้าภาษีคิดเงินให้ครบ


    ประการหนึ่ง ห้ามมิให้เรือปากใต้ซื้อฝิ่นเมืองใหม่ เมืองเกาะหมาก เข้ามาถ่ายลำบรรทุกสำเภาไปเมืองจีน ถ้าเจ๊สัวซึ่งแต่งสำเภาเรือปากใต้ ซื้อฝิ่นเข้ามาถ่ยลำบรรทุกไปเมืองจีน ก็ให้เจ้าภาษีปรับไหมเอาอย่างลูกค้าผู้ลักลอบซื้อฝิ่น ขายฝิ่นในท้องที่ และกำปั่นหลวง นายกำปั่นเป็นจีน จะซื้อฝิ่นเข้ามาก็ให้ซื้อมาแต่ในกำหนด ๕ ปัก ให้ขายแก่เจ้าภาษีตามราคาลูกค้าในกรุงเทพฯซื้อขายกัน อย่าให้เอาไปขายให้ลูกค้าอื่น แต่กะลาสรลูกเรือนั้นเป็นคนอยู่ในต้องห้าม อย่าให้ซื้อฝิ่นเข้ามาเป็นอันขาด ถ้านายกำปั่นหลวงกะลาสีลูกเรือมิฟัง เจ้าภาษีสืบจับได้ ให้เจ้าภาษีปรับไหม นายกำปั่นหลวงเหมือนอย่างลูกค้าในกรุงเทพฯ กะลาสีลูกเรือนั้นจะเอาโทษตามพระราชบัญญัติซึ่งห้าม


    อนึ่ง กำปั่นลูกค้าชาติอังกฤษ วิลันดา พุทธเกต ฝรั่งเศส อเมริกัน ซึ่งเข้ามาค้าขายในกรุงเทพฯและหัวเมืองชายทะเล และอังกฤษ พม่า มอญ ตองซู่ ลูกค้าเมืองเมาะลำเลิง เข้ามาทางบกค้าขายเมืองฝ่ายเหนือ จะมีฝิ่นเข้ามามากน้อยเท่าใดให้บอกบัญชีกับเจ้าพนักงาน และกรมการเจ้าภาษีให้รู้ก่อน ถ้าเจ้าภาษีจะซื้อฝิ่นไว้ก็ให้เอาสินค้าแลกเปลี่ยนเอาฝิ่นไว้ อย่าให้ซื้อด้วยเงิน เจ้าของจะขายให้ก็ตามใจ ไม่ขายให้จะเอากลับออกไปก็ตามใจ ห้ามอย่าให้เอาฝิ่นไปขายกับลูกค้าทั้งปวง ห้ามอย่าให้ลูกค้าทั้งปวงไปลักลอบซื้อฝิ่นที่กำปั่นชาติอังกฤษ วิลันดา พุทธเกต ฝรั่งเศส อเมริกัน เรือจีนนอกประเทศและลูกค้าต่างประเทศมาทางบกเป็นอันขาด ถ้านายกำปั่นและลุกค้าคบหากันลักลอบซื้อฝิ่นขายฝิ่นให้แก่กัน เจ้าภาษีสืบจับได้ให้เอาไปส่งต่อเจ้าพนักงานกรมท่า ชำระได้ความจริงแล้วก็ให้ริบเอาฝิ่นในลำกำปั่นเผาไฟเสียให้สิ้น ตามหนังสือสัญญากะปิตันหันตรีบารนีทำไว้เมืองศักราชฝรั่ง ๑๘๒๐ ปีจออัฐศก พวกลูกค้าผู้ซื้อนั้นให้เอาโทษปรับไหมตามพิกัดลักลอบซื้อฝิ่นขายฝิ่น


    อนึ่ง เจ้าภาษีจะแต่งให้จีนผู้ใดเป็นหลงจู รับช่วงรับตำบลไปซื้อฝิ่นขายฝิ่นในแขวงกรุงเทพฯ และหัวเมืองปากใต้ฝ่ายเหนือก็ดี ให้เจ้าภาษีเลือกสรรเอาที่ตนสัตย์คนธรรม อย่าให้เอาคนถ้อยหมอความสันดานเป็นพาลทุจริต โลภล้นเหลือประมาณมาตั้งเป็นเจ้าภาษีรับช่วงรับตำบลไป กับให้เจ้าภาษีกำชับกำชาจีนซึ่งจะรับช่วงรับตำบลไป อย่าให้คิดอุบายลักลอบขายฝิ่นให้แก่ไทย และมอญ ลาว เขมร แขก พม่า ทวาย ญวน พรหมณ์ ฝรั่งพุทธเกตเดิม ซึ่งมีพระราชบัญญัติห้าม


    ถ้าและเจ้าภาษีเห็นแต่จะได้กำไรมาก คิดอุบายยักย้ายขายฝิ่นให้คนซึ่งอยู่ในพระบราชบัญญัติห้าม มีผู้ฟ้องร้องว่ากล่าวชำระเป็นสัตย์แล้ว ก็จะเอาราคาฝิ่นซึ่งขายให้กับคนต้องในพระราชบัญญัติห้ามไปมากน้อยเท่าใด ขึ้นตั้งปรับไหม ๑๐ ต่อ เป็นสินไหมกึ่งพินัยกึ่ง สินไหมให้เป็นบำเหน็จแก่ผู้เอาความมาว่ากล่าว พินัยนั้นเป็นหลวง แล้วให้มีโทษทวนแก่ผู้ลักลอบซื้อขายฝิ่นด้วยคนละ ๓๐ ที


    อนึ่ง ลูกค้าวาณิชไพร่บ้านพลเมือง ซึ่งมิได้เป็นคนซื้อฝิ่น ขายฝิ่น กินฝิ่น สูบฝิ่น ก็อย่าให้เจ้าภาษีคิดอุบายเอาฝิ่นไปใส่จับกุมเอาตัวมากระโทษปรับไหม ให้ได้ความยากแค้นเดือดร้อนแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นอันขาดที่เดียว แล้วให้เจ้าภาษีกำชับห้ามปรามเสมียนทนายหลงจู จีนเต็ง และจีนผู้รับช่วงรับตำบลไป อย่าให้คบหากันเป็นโจรผู้ร้ายปล้นสะดมฉ้อกระบัดเอาพัศดุทองเงิน เคื่องอัญมณีของสมณชีพราหมณ์ อาณาประชาราษฎรลูกค้าพาณิชให้ได้ความยากแค้นเดือดร้อน กระทำให้ผิดด้วยพระราชกำหนดกฎหมายห้ามปรามเก่าใหม่ แต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้


    ประการหนึ่งเจ้าภาษีสืบได้ความว่า มีผู้ลักลอบขายฝิ่นที่บ้านใดตำบลใดในแขวงกรุงเทพฯ ก็ให้เจ้าภาษีขอกำนันนายอำเภอต่อเจ้าพนักงานกรมเมือง ก็ให้บอกแก่เจ้าเมืองกรมการ ขอกำนันนายอำเภอกำกับไป ให้พระราชรองเมือง หลวงเทพผลู เจ้าเมืองกรมการ แขวงกำนัน นายอำเภอกำกับไปดูแลผิดและชอบ อย่าให้เกิดวิวาทกันได้


    อนึ่ง ถึงเทศกาลพระราชพิธีตรุษสารท ก็ให้เจ้าภาษีไปพร้อมด้วยเจ้าเมืองกรมการ ณ พระอาราม กราบถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รับพระราชทานถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาปีละ ๒ ครั้ง อย่าให้ขาดได้


    ครั้นลุสารตรานี้ไซร้ ถ้ามีตราพระคชสีห์ พระราชสีห์ ตราบัวแก้ว นำตั้งมาด้วยฉบับหนึ่ง เรื่องราวจำนวนเงินต้องกันแล้ว ก็ให้พระราชรองเมือง หลวงเทพผลู เจ้าเมืองกรมการ ยึดเอาตรานำตั้งไว้ ส่งต้นตราตั้งให้กับเจ้าภาษีเข้ารับซื้อฝิ่น ขายฝิ่น ทำภาษีตามสารตรามานี้จงทุกประการ


    แล้วให้หมายประกาศนายบ้าน นายอำเภอ ไทยจีนไพรบ้านพลเมือง วัดวาอารามพระสงฆ์เถรเณรศิษย์คฤหัสถ์ให้รู้ความในท้องตรา และหมายพระราชบัญญัติประกาศจงทั่ว ได้ส่งหมายพระราชบัญญัติประกาศให้ออกมาด้วยเมืองละฉบับ


    สารตรามา ณ วันอาทิตย์ เดือนอ้าย ขึ้น ๗ ค่ำ ปีกุนนักษัตรตรีศก จุลศักราช ๑๒๑๓ (พ.ศ.๒๓๙๔)





    จาก http://www.bloggang.com/
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย khonsurin; 01-02-2010 at 16:06.
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •