สำนักข่าวเอพีรายงานจากเมืองเบลล์ฟลาวเวอร์รัฐแคลิฟอร์เนียประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ว่า ดร.คาเรน มาเปิลส์ แห่งโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ไกเซอร์ เพอร์มาเนนเต เมืองเบลล์ฟลาวเวอร์ แถลงว่า มีหญิงชาวอเมริกัน จากรัฐแคลิฟอร์เนียมาคลอดลูกแฝดที่โรงพยาบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการผ่าตัดหน้าท้อง ปรากฏว่ามีทารกที่คลอดออกมาเป็นแฝด 8 คน สร้างความประหลาดใจให้กับคณะแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเป็นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของคนอเมริกันที่ทารกแฝด 8 คนยังมีชีวิตรอดมาได้หลายชั่วโมงหลังการผ่าตัดซึ่งใช้เวลา ประมาณ 5 นาที โดยทารกคนที่ 8 นั้นคลอดออกมาเมื่อเวลา 10.48 น. เช้าวันจันทร์ที่ 26 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น

ดร.เมเปิลส์กล่าวต่อไปว่า ตนเองต้องตาเปิดกว้างกับภาพทารกคนสุดท้ายที่คลอดออกมา แยกเป็นทารกเพศชาย 6 คน และ เพศหญิง 2 คน เป็นทารกที่คลอดก่อนกำหนด 9 สัปดาห์ น้ำหนักแรกคลอดอยู่ระหว่าง 680 กรัม ถึง 1,474 กรัม อาการทั่วไปปลอดภัยดี แต่มี 2 คนที่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และ อีก 1 คนยังต้องให้ออกซิเจน แพทย์ตั้งชื่อให้เรียงตามตัวอักษรว่า a ถึง h ด้านเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแม่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นชื่อ อาการทั่วไป หรือแม้กระทั่งการตั้งครรภ์ของทารกแฝดนั้นใช้วิธีการผสมเทียมหรือไม่ อย่างไรก็ตามคุณแม่ลูกแฝดซึ่งแพทย์ระบุว่าสุขภาพแข็งแรงนั้นยืนยันว่าจะเลี้ยงลูกน้อยของเธอด้วยน้ำนมตัวเอง ดร.มันธีร์ กุปตา แพทย์ผู้ดูแลทารกแรกคลอดเผย

คุณแม่ลูกแฝดเข้ามาฝากท้องในโรงพยาบาลในช่วงอายุครรภ์ 23 สัปดาห์ และ คลอด 7 สัปดาห์หลังฝากครรภ์ ทารกทุกคนจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปอีกอย่างน้อย 2 เดือน แต่ตัวคุณแม่อาจจะกลับบ้านได้ในอีกประมาณ 1 สัปดาห์

ตามบันทึกในสถิติอ้างอิงจากหนังสือบรรณานุกรม เอ็นไซโคปิเดีย บริตานิก้า ระบุว่า ทารกแฝด 8 คนรายแรกของโลกที่มีชีวิตหลังคลอดนั้น เกิดเมื่อเดือน มี.ค. 2510 ในกรุงเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก แต่เด็กทุกคนเสียชีวิตภายในเวลา 14 ชั่วโมง ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้น ทารกแฝด 8 คน คลอดที่เมืองฮุสตัน รัฐเทกซัสเมื่อเดือน ธ.ค. 2541 เป็นทารกคลอดก่อนกำหนด 3 สัปดาห์ น้ำหนักแรกคลอดอยู่ระหว่าง 312 กรัม ถึง 765 กรัม และเป็นทารกเพศหญิงที่มีน้ำหนักน้อยที่สุดได้เสียชีวิตเพราะหัวใจและปอดทำงานล้มเหลวใน อีก 1 สัปดาห์หลังคลอด ที่เหลือเป็นทารกเพศหญิงชื่อ เอบูกา, โกรอม, ชิดี, ชิมา และ เอเคเรม ส่วนทารกเพศชายชื่อ ไอเคม และ จิโอกี ทั้งหมดจะมีอายุครบ 10 ปีในเดือน ธ.ค. ปีนี้.

ที่มา นสพ.เดลินิวส์