กำลังแสดงผล 1 ถึง 4 จากทั้งหมด 4

หัวข้อ: นิสิต"สารคาม ฟื้นวิถีชาวญ้อ

  1. #1
    นักการภารโรง สัญลักษณ์ของ บ่าวคนเดิม
    วันที่สมัคร
    Jan 2006
    ที่อยู่
    Amphoe Det Udom
    กระทู้
    3,148

    บ้านมหาโพสต์ นิสิต"สารคาม ฟื้นวิถีชาวญ้อ

    "ญ้อ" ชาวลาวอพยพจากกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว อพยพเข้ามาอาศัยบนผืนแผ่นดินไทยตั้งแต่ช่วงที่มีการโยกย้ายคนจำนวนมากไปมาระหว่าง 2 ฝั่งในช่วงเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

    เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม คือภาษาญ้อที่มีสำเนียงพูดต่างจากคนไทยภาคอีสานทั่วไป และผ้าทอลายขิดดวงเดือนที่มีลักษณะเฉพาะตัว

    ความเจริญที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้วิถีชาวญ้อประมาณ 2,400 ชีวิต ที่บ้านท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เปลี่ยนแปลงไป

    ชาวญ้ออายที่จะพูดภาษาญ้อในที่สาธารณะ จึงสอนลูกหลานให้พูดภาษากลาง ขณะที่วัฒนธรรมการละเล่นหลายอย่างถูกทดแทนด้วยการละเล่นสมัยใหม่อย่างการเล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ต

    จากการจุดประกายของ 16 นิสิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เยาวชนที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศโครงการกล้าใหม่...ใฝ่รู้ ประจำปี 2550 ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่เข้าดำเนินกิจกรรม ทำให้วัฒนธรรมชาวญ้อที่บ้านท่าขอนยางกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง
    นิสิต"สารคาม ฟื้นวิถีชาวญ้อ นิสิต"สารคาม ฟื้นวิถีชาวญ้อ
    กัมปนาท มโนธรรม หรือ "เป้" นิสิตชั้นปีที่ 5 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ประธานโครงการฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมชุมชนอย่างยั่งยืน กล่าวว่า การฟื้นฟูวัฒนธรรมชาวญ้อให้กลับมาเข้มแข็งเริ่มจากการศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนจากผู้เฒ่าผู้แก่ในพื้นที่ ตั้งแต่กิจกรรมการเล่านิทานพื้นบ้านแก่ลูกเด็กเล็กแดงบ้านท่าขอนยาง เช่น เรื่องของ "ไอ้เฮ่า" หรือท้าวทองแดง จระเข้ตัวร้ายที่ถูกถวายเป็นบรรณาการแก่เจ้าเมืองญ้อ แต่กลับสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่ว ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี



    "ยิ่งเด็กเล็กยิ่งดี พ่อแม่เขาต้องมาดูแลใกล้ชิด ยิ่งนานเขาก็ยิ่งมาร่วมกิจกรรมกับเราเยอะขึ้น วันเสาร์วันอาทิตย์พ่อแม่จะพาลูกหลานมาร่วมกิจกรรมกับเรา ผู้ใหญ่ก็เข้ามาร่วมด้วย" เป้กล่าว และว่า เมื่อผู้ใหญ่เริ่มรู้จักกับสิ่งที่พวกเราทำมากขึ้น 16 นิสิตเยาวชนกล้าใหม่...ใฝ่รู้ จึงจัดกิจกรรมการทำป้ายบอกทางภาษาไทยและภาษาญ้อ การแปลคำขวัญภาษาไทยมาเป็นภาษาญ้อ และการทำแผนที่วัฒนธรรมชาวญ้อแสดงตำแหน่งบ้านหมอตำแย บ้านหมอสมุนไพร บ้านปราชญ์ชาวบ้าน ฯลฯ เพื่อสร้างความภูมิใจในวัฒนธรรมญ้อแก่คนอื่นๆ ในชุมชนด้วย

    จากสิ่งที่เยาวชนทั้ง 16 จุดประกายนี้เอง ทำให้ชาวญ้อในชุมชนเริ่มเห็นและตระหนักถึงคุณค่าการฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กลับคืนมามากขึ้น

    "มีคนแสดงความคิดเห็นมา เช่น จะฟื้นฟูวัฒนธรรมไหลเรือไฟ บุญบั้งไฟ ประชันแห่กลองยาว เราจะเชิญคนเฒ่าคนแก่มาคุยกันว่าเมื่อก่อนมีอะไรบ้างที่เกี่ยวกับญ้อ มีประเพณีไหนในวันใดบ้าง โดยเฉพาะวัฒนธรรมไหลเรือไฟของชาวญ้อ เป็นเรือไฟโบราณ เราก็หาผู้เฒ่าผู้แก่ที่รู้ว่าเรือไฟคืออะไร ทำเพื่ออะไร คือทำเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า ทำแล้วลอยตามน้ำใส่ของสะเดาะเคราะห์ไหลตามน้ำไป เรือไฟมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรเราก็ร่างภาพขึ้นมา แล้วลงมือทำเรือไฟร่วมกัน" เป้เล่าถึงประเพณีไหลเรือไฟในเทศกาลออกพรรษาปี 2550 ซึ่งเป็นปีแรกของการฟื้นฟูซึ่งมีเรือไฟจากชุมชนญ้อร่วมงานถึง 5 ลำ



    เทศกาลออกพรรษาปี 2551 ประเพณีไหลเรือไฟยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น เป้กล่าวว่า ครั้งนี้ไม่จำกัดเพียงชุมชนชาวญ้อเท่านั้น ปรากฏว่าประเพณีไหลเรือไฟปีที่ผ่านมาบูมมากขึ้น คนเริ่มสนใจ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยเข้ามาร่วม มีการสร้างเรือไฟขึ้นมาอีกหนึ่งลำ อธิการบดีให้เกียรติมาเปิด ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเริ่มส่งเรือไฟเข้ามาร่วม วัฒนธรรมไหลเรือไฟของชาวญ้อเริ่มกลายเป็นจริงเป็นจังขึ้น

    ชาวบ้านท่าขอนยางยังมีแนวคิดจัดทำศูนย์วัฒนธรรมชาวญ้อขึ้นบนพื้นที่วัดเจริญผล คาดว่าจะใช้งบประมาณก่อสร้างราว 2 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี เป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์ บันทึกและนิทานปรัมปรา พจนานุกรมเทียบภาษาไทย-ญ้อ ฆ้อง-กลองเพลโบราณ ผ้าทอเก่าและวิธีการผลิตผ้าทอลายขิดดวงเดือน ฯลฯ

    อิศศิรา โทนหงสา หรือ "ตั๊ก" สมาชิกในโครงการอีกคน กล่าวว่า วัฒนธรรมญ้อเริ่มมีความยั่งยืนเกิดขึ้นแล้ว คนในชุมชนรักในวัฒนธรรมตัวเอง กระตุ้นให้ลูกหลานรักและภูมิใจในวัฒนธรรมด้วย ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือศูนย์วัฒนธรรมจะมีส่วนยึดโยงวัฒนธรรมชาวญ้อให้อยู่ได้ จากแต่ก่อนที่ต่างคนต่างอยู่ เลื่อนลอย ภาษาญ้อพูดในบ้านตัวเอง ไม่กล้าพูดกับคนอื่นๆ ตอนนี้เริ่มกล้าพูดภาษาญ้อในที่สาธารณะ หลังจากศาลาวัฒนธรรมแล้วเสร็จ เราจะเริ่มลดบทบาทลงเพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนดูแลรักษาวัฒนธรรมญ้อด้วยตัวเอง

    ตั๊กกล่าวถึงสิ่งที่ได้รับจากการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย เช่น การทำงานเป็นหมู่คณะ เรียนรู้นิสัยเพื่อน ได้พบปะชุมชน และได้รับรู้ว่า จริงๆ แล้วเราสามารถทำอะไรเพื่อคนอื่นได้ เป็นจิตอาสาทำไปโดยไม่คิดถึงประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ

    เช่นกันกับเป้ที่ปิดท้ายว่า ได้ประสบการณ์จากการลงพื้นที่ชุมชน ได้ลงไปคลุกคลีพูดคุยกับคนเฒ่าคนแก่ ได้รู้จักวัฒนธรรมชาวญ้อ จนทำให้รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มาเรียนหนังสือที่นี่ ภูมิใจในเอกลักษณ์ชุมชน ความมีตัวตนของคนในพื้นที่ ไปที่ไหนชาวบ้านก็จะคุ้นหน้า เข้ามาทักทาย เห็นเป็นลูกเป็นหลาน และชาวบ้านยังมีความรักความคุ้นเคยกับนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามมากขึ้นด้วย

    16 เยาวชนกล้าใหม่...ใฝ่รู้ ต่างเรียนรู้แล้วว่า

    "การให้ย่อมทำให้ผู้ให้เป็นที่รักของผู้รับ" โดยแท้

    นสพ.ข่าวสด วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552 หน้า 24
    คอลัมน์ สดจากเยาวชน
    ขอบพระคุณสมาชิกและทีมงานที่เคารพรักทุกท่าน

  2. #2
    ฝ่ายบริหารระดับสูง สัญลักษณ์ของ พล พระยาแล
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    6,430

    Re: นิสิต"สารคาม ฟื้นวิถีชาวญ้อ

    ขอร่วมสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดี เพื่อลูกหลานไทยสืบไปครับ

  3. #3
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ บ่าวนิติกร
    วันที่สมัคร
    Nov 2008
    กระทู้
    149

    Re: นิสิต"สารคาม ฟื้นวิถีชาวญ้อ

    น้อง ๆ นิสิตนักศึกษายังมีจิตสำนักที่จะอนุรักษ์ สืบสาน เผยแผ่ ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย ก็น่าจะเข้ามาตุ้มโฮม ซอยเหลือ เนาะ

  4. #4
    ฝ่ายบริหารระดับสูง สัญลักษณ์ของ ตรี ศรีเมืองใหม่
    วันที่สมัคร
    Apr 2006
    ที่อยู่
    หนุ่มอุบล คนศรีเมืองใหม่
    กระทู้
    4,490

    Re: นิสิต"สารคาม ฟื้นวิถีชาวญ้อ

    เป็นโครงการที่ดีมากๆครับ ขอสนับสนุนและเป็นกําลังใจ
    :welcome3"...ศรีเมืองใหม่แดนธรรมประเสริฐ ถิ่นกำเนิดหลวงปู่มั่น ลือลั่นสวรรค์ภูหล่น ยลสวยหินผานางคอย ลอยล่องแก่งจุการ งามตระหง่านเสาธงวงกลมใหญ่...">>>>> www.muangmai.ob.tc

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •