Mitsubishi Lancer 1.6 CNG ประหยัด...
Mitsubishi Lancer 1.6GLX CNG เป็นรถที่เราคุ้นเคยพอสมควร เพราะเคยทดสอบขับมา 3-4 หน ครั้นเปลี่ยนมาเป็น Lancer 1.6 GLX CNG หน้าตาและภายในห้องโดยสารแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คือยังโค้งมนและมีจมูกใหญ่ยาว ชุดไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ กันชนหน้าแบบสปอร์ตชิ้นเดียวกัน ด้านหลังดีไซน์กลมกลืนกับด้านหน้า ไฟท้ายแบบ 2 ชั้นสีแดง/ขาวสะท้อน เลนส์แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ทรงกลม
ภายในหรูหรา ใช้โทนสีทูโทน คอนโซลหน้ารูปตัว T ลาดเอียงในแนวตั้ง ตกแต่งลายไม้ ดูภูมิฐาน สวิตช์ควบคุมต่างๆ ที่วางแก้วน้ำ แผงคอนโซลตกแต่งลายไม้ดูภูมิฐาน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ เช่น กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก วิทยุ/CD/MP3 พร้อมติดตั้งสวิตช์ให้เลือกใช้พลังงานเชื้อเพลิงทางเลือก 2 ชนิด ทั้งแบบน้ำมันแก๊สโซฮอล์ชนิด E20 และระบบก๊าซธรรมชาติ CNG แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสกดขึ้นหรือลง
ประหยัดจริง...แต่อุ้ยอ้ายอืดอาด
การขับทดสอบครั้งนี้นอกเหนือจากความสะดวกสบาย ความคล่องตัวในการขับและใช้งานทั่วๆไป ทั้งในเมืองและระหว่างจังหวัด (กทม.-ชะอำ-กทม.) เรียกว่าทำได้ดีไม่ขี้ริ้ว...ขี้เหร่จากรุ่นเดิมนัก แต่มีโจทย์หลังในการทดสอบคือสมรรถนะขุมพลังกับการตอบสนองในการขับขี่ด้วยการใช้พลังงานทดแทนทั้ง 2 ชนิด (น้ำมันเบนซิน E20 และก๊าซ CNG) ปรากฏว่าขุมพลังรหัส 4G 18 แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 15.3 กิโลกรัม-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จ่ายเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ CNG ด้วยระบบหัวฉีดมาตรฐานโรงงาน และรองรับเบนซินแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Invecs III CVT 6 สปีด
ระบบ CNG เป็นแบบหัวฉีด ส่วนถังบรรจุก๊าซใบโตแบบ Type II น้ำหนักเบา (หุ้มไฟเบอร์) ขนาด 65 ลิตร เติมก๊าซได้ 13 กิโลกรัม และถ้าใช้ก๊าซอย่างเดียวจะวิ่งได้ 150-180 กิโลเมตร วางไว้ในห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง มีวัสดุปิดไว้ไม่ให้ดูรกตา ส่งผลให้พื้นที่เก็บของลดลง ส่วนการติดตั้งระบบ CNG ทำภายใต้มาตรฐานมิตซูบิชิ และเพิ่มความมั่นใจด้วยการประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เหมือนรถรุ่นปรกติ งานนี้สบายใจได้
แม้จะให้ผลดีตรงที่ประหยัดตอนจ่ายตังค์ค่าเติมก๊าซ CNG ราว 1 ใน 3 (ทดสอบขับ กทม.-ชะอำ-กทม. ระยะทาง 389 กิโลเมตร จ่ายค่าเติมก๊าซไปราว 160 บาท) แต่การที่รถต้องแบกน้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัมที่เป็นผลมาจากการติดตั้งถังก๊าซ รวมถึงระบบกลไกที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้รถต้องรับภาระมากขึ้น แต่เมื่อปรับมาใช้ก๊าซ CNG ทำให้การออกตัวอืดอาด และการทำความเร็วปลายต้องใช้ระยะทางมากขึ้น แต่ก็ปีนไต่ความเร็วได้ราว 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่ความเร็วรอบระดับ 2,000 รอบ/นาที เป็นช่วงที่ช่วยในการเทคตัวไต่ความเร็วได้ดีขึ้น
การทรงตัวและยึดเกาะถนนจัดว่าโอเค จากที่ขับด้วยความเร็วระดับ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ให้การตอบสนองมั่นใจ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากน้ำหนักรถที่มากขึ้น และคุณสมบัติเด่นระบบกันสะเทือนที่ติดตั้งมาให้ แต่น้ำหนักที่มากก็ส่งผลให้อัตราเร่งช่วงต่างๆตั้งแต่ออกตัว เทคตัว และความเร็วปลายอุ้ยอ้ายขึ้น จากที่ทดสอบโดยใช้น้ำมัน (เกียร์ D) ระยะ 0-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 8.2 วินาที ระยะ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 19.3 วินาที ระยะ 60-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 18.3 วินาที และระยะ 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 14.6 วินาที
ขณะที่อัตราเร่งเมื่อเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ CNG ระยะ 0-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.7 วินาที ระยะ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 13.4 วินาที ระยะ 60-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 11.7 วินาที และระยะ 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 8.8 วินาที ที่สำคัญเมื่อนำผลการทดสอบเก่าในรุ่นเดิมที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซินล้วนๆที่ทีมข่าวเคยขับทดสอบมาเทียบเคียงยิ่งเห็นผลต่างชัดเจน เช่น อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 12.3วินาที และ 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 8.5 วินาที
สรุปการทดสอบ Mitsubishi Lancer 1.6GLX CNG ที่มีสนนราคาค่าตัว 749,000 บาท เป็นซีดานมาดเฉี่ยวที่สลัดคราบความเร้าใจเดิมไป แต่ให้ความประหยัดและให้ความสะดวกสบายคันนี้ ย่อมไม่เป็นที่หมายตาของพวกขาซิ่งแน่ และเป็นธรรมดาหากอยากได้ความประหยัดก็ต้องสูญเสียความจัดจ้านไป
Bookmarks