เปิดหอไตรฯ-อุโบสถวัดทุ่งศรีเมือง
ชมศิลปกรรมผสม 3 สกุลช่างไทย-ลาว-พม่า
อุบลราชธานี หัวเมืองชายแดนที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีอาณาเขตติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและกัมพูชา เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ โบราณคดีและวัฒนธรรมที่เก่าแก่มีอายุกว่า 3,000-4,000 ปี
ตัวชี้วัดที่บ่งบอกได้สะท้อนภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นเมือง อุบลฯ ได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมนั้น คือร่องรอยของ ?ศิลปวัฒนธรรมเมืองอุบลฯ? ผ่านทางด้านสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่หลายแห่งของจังหวัด อุบลราชธานี
ความวิจิตรบรรจงของสถาปัตยกรรมเมืองอุบลราชธานี นอกจากจะปรากฏอยู่ตามอาคารส่วนราชการ อาคารบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์แล้ว ยังมีกลุ่มสถาปัตยกรรมอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความโดดเด่นเป็นของตนเอง คือ กลุ่มอาคารที่เกี่ยวเนื่องในพระพุทธศาสนา เช่น โบสถ์ วิหาร และศาลาการเปรียญ ที่เป็นอาคารประกอบในวัดวาอารามอันเป็นศูนย์รวมหล่อหลอมจิตใจของชาวพุทธ ศาสนิกชน
วัดทุ่งศรีเมือง ตั้งอยู่ที่ถนนหลวงในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เป็นวัดเจ้าคณะจังหวัดฝ่ายมหานิกายสร้างขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดย ท่านเจ้าคุณพระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย) เจ้าคณะเมืองอุบลฯในขณะนั้น มีสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมที่สำคัญคือ
โบสถ์หรือพระอุโบสถ ชาวอุบลฯนิยมเรียกพระอุโบสถวัดทุ่งศรีเมืองว่า หอพระบาท ทั้งนี้เพราะว่าพระอุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธบาทจำลอง โดยท่านเจ้าคุณพระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ ได้จำลองพระพุทธบาทและเคลื่อนย้ายมาจากวัดสระเกศราช วรมหาวิหาร กรุงเทพฯ หอพระบาทตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของหอไตร ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมและศิลปะผสมระหว่างกรุงเวียงจันทน์กับกรุงรัตน โกสินทร์ ส่วนที่เป็นศิลปะแบบเวียงจันทน์ได้แก่ โครงสร้างช่วงล่าง เช่น ฐานเอวขันธ์ บันไดจระเข้ และเฉลียงด้านหน้า จะมีความคล้ายกับ สิมอีสานทั่วไป ส่วนศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ ได้แก่ โครงสร้างช่วงบน เช่น ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ลวดลายหน้าบันที่วิจิตรพิสดารแกะสลักเป็นลายรวงผึ้ง ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้ง 4 ด้าน เน้นเนื้อหางานจิตร กรรมทางด้านพุทธประวัติและเทศชาติ โดยเฉพาะพระเวสสันดรชาดก อีกทั้งยังได้แทรกสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่มีอาคาร บ้านเรือนอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำ ชีวิตผู้คนในรั้วในวัง และสภาพอาคารสถาปัตยกรรมแบบจีนตลอดจนภาพผู้คนที่เป็นราษฎรทั่วไปและชาวต่าง ชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าชาวจีน จิตรกรรมฝาผนังนี้บ่งบอกถึงอารยธรรมและวัฒนธรรมของเมืองอุบลฯสมัยโบราณเมื่อ 200 กว่าปีที่ผ่านมา
หอไตรหรือหอพระไตรปิฎก เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยไม้ตะเคียนทองทั้งหลัง ตั้งอยู่กลางสระน้ำเพื่อป้องกันมดปลวกที่จะมากัดแทะทำลายพระไตรปิฎกที่เก็บ รักษาไว้อยู่ในหอไตร มีลักษณะของศิลปกรรมผสม 3 สกุลช่าง คือ ไทย-พม่า-ลาว ลักษณะตัวอาคารเป็นแบบไทยมีเรือนฝาปะกนขนาด 4 ห้อง ผนังภายในห้องเขียนลายลงรักปิดทอง ที่บานประตูและหน้าต่างเขียนรูปทวารบาล ส่วนของหลังคาเป็นศิลปะไทยผสมพม่า มีช่อฟ้าใบระกา หลังคาซ้อนกันหลายชั้น แสดงศิลปกรรมพม่าที่ส่งผ่านมาทางศิลปะลาวลานช้าง มีลักษณะคล้ายหลังคาศาลาการเปรียญวัดบ้านโนนใหญ่ของชาวกุลา ในเขตตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน ส่วนลวดลายแกะสลักบนหน้าบันทั้ง 2 ด้านเป็นลักษณะศิลปะลาวที่มีฝีมือชั้นสูงระดับช่างหลวงจากเวียงจันทน์ บริเวณส่วนฝาปะกนด้านล่างแกะสลักเป็นรูปสัตว์ประจำราศีต่าง ๆ และหอไตรนี้มีลักษณะพิเศษต่างไปจากที่อื่น คือ คันทวยด้านซ้ายและด้านขวาของประตูทางเข้าสลักเป็นรูปเทพพนม คันทวยอื่น ๆ รอบอาคาร เป็นคันทวยรูปพญานาค หอไตรแห่งนี้เคยได้จัดอันดับเป็นหนึ่งในสาม ?ของดี เมืองอุบลฯ? จนกล่าวกันว่า ?พระบาทวัดกลาง พระปางวัดใต้ หอไตรวัดทุ่ง? ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ นับเป็นสถาปัตยกรรมของอีสานอันทรงคุณค่าที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด
ความสวยงามที่วิจิตรบรรจงของ ?หอพระบาท-หอไตรแห่งวัดทุ่งศรีเมือง? สถาปัตยกรรมเมืองอุบลฯในภูมิภาคอีสานแห่งนี้ เป็นสิ่งที่ชาวเมืองดอกบัวภูมิใจในวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น จะหวงแหนและคงอนุรักษ์รักษามรดกแห่งภูมิปัญญานี้ไว้ตราบเท่านานแสนนาน... ส่วนใครสนใจไปชมความสวยงามของงานจิตรกรรมที่วัดแห่งนี้ ก็สามารถไปชมกันได้ทุกวันครับ.
อร่าม สมสวย
นสพ.เดลินิวส์
Bookmarks