อาจจะเศร้านิดหนึ่งแต่เรื่องนี้เขียนล่าสุดค่ะ
และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันไม่มีตา ฉันรู้ว่าสักวันตาต้องจากฉันไป
แต่ฉันไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ บางคนอาจแย้งว่าเร็วหรือ ตาฉันอายุ 82 แล้ว ที่เร็วในความ
หมายของฉันคือฉันเพิ่งจะสูญเสียยายไปเมื่อปีที่แล้ว ผ่านมา 1 ปี กับอีก 1 เดือนตาก็จาก
ฉันไปอีกคน ในบรรดาหลาน ๆ ของตาฉันใช้ชีวิตอยู่กับตายายมากที่สุด สมัยที่ฉันยังเด็ก
ฉันจะมีกิจกรรมที่ทำกับตามากมาย เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับตายัง
แจ่มชัด ตาเป็นคนแก่ที่แข็งแรง ตลอดชีวิต 82 ปีของตา ตาไม่เคยป่วยหนักจนต้องเข้า
โรงพยาบาล ตารูปร่างผอม สูง สวมเสื้อผ้าฝ้ายย้อมครามที่ยายตัดให้ จะว่าไปก็ตั้งแต่ปลูก
ต้นฝ้าย ทอผ้า ตัดเย็บ และย้อมครามเป็นฝีมือยายหมด กางเกงขาสั้น สวมรองเท้าที่ทำ
ด้วยยางล้อรถยนต์ ผ้าขาวม้าคาดเอว มีขวานเหน็บที่เอว ขวานคืออวัยวะส่วนที่ 33 ของ
ตา ขวานที่คมมากหากเด็กเอามาเล่นแล้วพลาดมีหวังไม่มือก็นิ้วต้องขาดออกไป ตาชอบ
สูบยาเส้นมวนใบตองแห้งตาเป็นคนปลูกต้นยาสูบเอง เก็บมาบ่ม หั่น เอง ตาจะมีถุง
พลาสติกบรรจุยาเส้น มวนใบตองแห้ง และไม้ขีดไฟโบราณ ในนั้นยังมีเหรียญเศษสตางค์
ด้วย ซึ่งฉันจะแอบเอาไปซื้อขนมอยู่บ่อยครั้ง แต่ตาไม่เคยว่าหรือตีฉัน
ตาเป็นคนขยัน ตลอดชีวิตของตาไม่เคยอยู่นิ่ง งานหลักของตาคือเลี้ยงวัว ช่วยน้าทำนา
บ้าง ถึงหน้านาฉันกับตาจะมีหน้าที่หลักคือเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย เช้าๆ น้า ๆ จะเอาควายไป
ไถนา พอกินข้าวเช้าเสร็จ ฉันกับตาก็จะต้อนวัว ควายไปเลี้ยงบนภูเขาใกล้ๆนา พอตกบ่าย
วัวควายกินหญ้าอิ่ม ถึงเวลาต้องไถนาอีกรอบฉันก็ต้อนวัวควายกลับตาจะมีผลไม้ป่าให้ฉัน
เสมอ 1 ปีหลังจากที่ยายจากไปฉันสังเกตเห็นตาเศร้า และพูดน้อยลง ช่วงเวลาปีใหม่ต้น
ปี 2552 ฉันกลับบ้านไปเยี่ยมตา ตายังนั่งคุยกับฉันและกินหน่อยหน่าที่ฉันซื้อไปฝากไม่
เหมือนคนป่วยเลย ฉันกลับมาทำงาน ฉันโทรศัพท์ไปคุยกับตาอย่างสม่ำเสมอ จนกลางดึก
ของวันที่ 25 มกราคม 2552 ฉันได้รับโทรศัพท์จากแม่บอกว่าตาไม่อยู่แล้วฉันเดิน
ทางกลางดึกเพื่อส่งตากลับบ้าน มีผู้คนมาร่วมส่งตามากมายเกือบพันบางคนฉันไม่รู้จัก แม่
บอกว่าเป็นเพื่อน นายฮ้อย ที่ค้าวัวค้าควายกับตาสมัยตายังหนุ่ม ทำให้ฉันเพิ่งทราบว่าตา
เป็นที่รักของทุกคนที่ได้รู้จักตา หลังจากเสร็จงานฉันรู้สึกเหมือนไม่มีร่มไม้ใหญ่ให้ฉัน
หลบแดดหลบฝนอีกแล้ว
Bookmarks