กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle ปริศนาของโลก

  1. #1
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ ฅนทุ่งฝน
    วันที่สมัคร
    Feb 2009
    ที่อยู่
    TAIWAN
    กระทู้
    185

    เรื่องฮิตน่าอ่าน สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle ปริศนาของโลก

    สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle ปริศนาของโลก

    [YFLASH]http://www.youtube.com/v/mFO-utRNTps&hl=zh_TW&fs=1[/YFLASH]

    อาณาบริเวณของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เป็นการลากเส้นสมมุติเพื่อกำหนดอาณาบริเวณในน่านน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติค โดยการลากเส้นจากฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา สู่เกาะเบอร์มิวด้า สู่เปอร์โตริโก แล้วก็วกกลับมาที่ฟลอริด้าอีกทีนึงเป็นรูปสามเหลี่ยมพอดี ศัพท์คำว่า "สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle" นี้มาจากบทความของผู้ชายคนหนึ่งในนิตยารอาร์กอสซี่บทความชื่อ Vincent H. Gaddisซึ่งเขาได้นำเสนอเรื่องราวของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างลึก ลับโดยปราศจากคำอธิบาย ในนิตยสารดังกล่าว เมื่อปี 1964 แต่เขาไม่ได้เป็นคนแรกหรอก เพราะมีอีกเยอะแยะทั้งรัฐและเอกชน ต่างก็พยายามค้นหาเงื่อนงำ และปริศนาที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ ที่เขาเรียกกันว่า ดินแดนมรณะ..ดินแดนแห่งความอาถรรพ์..ดินแดนแห่งปีศาจเบอร์มิวด้า
    .....จนกระทั่งบัดนี้...ก็ยังไม่มีคำอธิบายใด ๆ ที่ให้ความกระจ่างได้เท่าที่ควร

    สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle ปริศนาของโลก

    เรื่องลี้ลับนี้ ได้บังเกิดเริ่มขึ้นตั้งแต่หลังสงครามโลก ครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100 ลำและเรือ เดินสมุทร จำนวนอีกมากหลายได้หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้ โ ด ย ไ ม่ มี ร่ อ ง ร อ ยชีวิตมนุษย์จำนวนนับพัน ในระยะเวลา กว่า 20 ปีที่ผ่านมาได้หายไปพร้อมกับ พาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียวหรือเศษชิ้นส่วนใด ๆ ของเรือ หรือ เครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน และชีวิตมนุษย์ ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม- เบอร์มิวดายังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้า หาสาเหตุแห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างเร่งด่วน จากบันทึกของกองเรือยามฝังสหรัฐฯและบริษัทประกันภัยทางทะเล บริษัทประกันภัยเรือเดินสมุทรและเครื่องบิน มีสถิติความสูญหาย อย่างผิดปกติในอาณาบริเวณนี้เป็นบริเวณต้องห้ามและเป็นดินแดนอาถรรพณ์จริงๆ มันอาถรรพณ์อย่างไร?
    สิ่งที่ทำให้ย่านทะเลแห่งนี้กลายเป็นดินแดนมรณะ ซึ่งทำให้นักบินหรือนักเดินเรือต่างพยายามหลีกเลี่ยงถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ยอม ผ่านเข้าไปในบริเวณนี้อย่างเด็ดขาด

    เหตุการณ์ประหลาดๆ อย่างที่ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าจะเป็นไปได้มักจะเกิดขึ้นกับเรือ หรือเครื่องบินที่ผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น นับตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน จากสถิติของบริษัท Lioyd's ov London ซึ่งเป็นบริษัทรับประกันภัยเรือเดินสมุทรพบว่านับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 ถึง 1973 มีเรือในประกันของบริษัทจำนวน 60 ลำ รวมผู้โดยสาร 900 คน ได้หายสาบสูญไปในบริเวณน่านน้ำเบอร์มิวด้า โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1967 มีเรือทะเล เรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้หายไปอย่างลึกลับเป็นจำนวน 15 ลำ ทั้ง 15 ลำไม่มีการส่งสัญญาณ "SOS" หรือส่งวิทยุขอความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้นสิ่งที่แปลกและน่ากลัวไปกว่านั้น คือ เรือทั้ง 15 ลำเป็นเรือขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ช่วยในการเดินเรือแบบทันสมัยบริบูรณ์ เช่นวิทยุสื่อสาร เรดาร์นำร่องโซน่าร์นำร่องการค้นหาได้กระทำกันเป็นเดือนๆ แต่ก็ประสบผลล้มเหลวโดยสิ้นเชิงไม่พบแม้แต่เงา...เป็นตัวอย่างได้มา จากบริษัทประภัยของเอกชนที่ต้องจ่ายประกันไป จนบริษัทแทบล้มละลายนำมาซึ่งความงุนงง ให้แก่ผู้ที่อยู่ข้างหลังอย่างสิ้นหวัง...
    อะไรเกิดขึ้นกับเรือเหล่านั้น
    ลูกนาวี 900 คนหายไปไหน...สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle ปริศนาของโลกใครบ้างจะมีคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้

    อีก ตัวอย่างที่ยกมาให้พิจารณาว่ามันเป็นอาถรรพณ์หรือเป็นเพียงอุบัติเหตุ ของดินแดนมรณะแห่งนี้ได้แก่ การหายสาบสูญของฝูงบินขับไล่ทิ้งระเบิดนาวีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ TBM ของนาวีสหรัฐฯ
    เครื่อง TBM เอว็งเยอร์ ของฝูงบินที่ 19 แห่งราชนาวีสหรัฐ หายไปหลังฝึกซ้อมการทิ้งระเบิดเสร็จแล้ว และไม่ได้หายไปในทันทีแต่ได้พูดคุยกับ หอบังคับการบินที่ ฐานบินที่ฟอร์ดลอดเดอร์เดล นานพอสมควรแล้วมีคลื่นรบกวนมากขึ้นจนไม่สามารถติดต่อกันได้ เค้าบอกกันว่าฝูงบินที่ 19 นี้ อาจบินไปทางอ่าวแมกซิโก หรือไม่ก็ออกนอกทะเลหลวงไปทุกทีๆ และมีนักรับส่งวิทยุสมัครเล่นสามารถรับคลื่นของผู้นำของฝูงบินที่ 19 ว่า "โปรดอย่าบินตามข้าพเจ้า ดูเหมือนเรากำลังพบกับมนุษย์จากโลกอื่น" และทางราชนาวีสหรัฐก็ออกมายอมรับแล้วด้วย หลังจากที่เครื่องบินของฝูงบินที่ 19 ควรจะน้ำมันหมดไปแล้ว2 ชม. ทางหอบังคับการบิน ได้รับสัญญาณว่า "FT-28" ซึ่งเป็นรหัสประจำเครื่องของหัวหน้าฝูงบิน แต่เลือนรางมากอีกด้วย การค้นหาฝูงบินที่ 19 เป็การค้นหาครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 300,000 ตารางไมล์ มีเครื่องบินขึ้นลงกว่า 100 เที่ยว แต่ไม่พบคราบน้ำมัน หรือเศษชิ้นส่วน เลย มีชาวประมงกล่าวว่า เห็นแสงไฟสว่างจ้ามาก ซึ่งบองคนคาดว่าเครื่องบินได้บินชนกันอย่างรุนแรง หรือ ฝูงบินที่ 19 ประสบกับ ปรากฏการ CAT เป็นปรากฏการที่อากาศจะเปลี่ยนแปลงโดยเฉียบพลันยากแก่การพยากรณ์ โดย ที่สามารถเกิดได้
    แม้อากาศแจ่มใส ไม่แน่ใจแต่รู้สึกว่าเคยมีคนรอดจาก CATด้วย (ไม่แน่ใจนะ) อย่างไรก็ตาม CAT ก็ไม่สามารถทำให้เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่จมได้อย่างรวดเร็ว นักประดาน้ำกลุ่มหนึ่งกล่าวว่าพวกเขาเคยพบถ้ำใต้น้ำน้ำซึ่งมีกระแสน้ำไหล เชี่ยวและวกวน ซึ่งเรียกกันว่า "ปล่องน้ำเงิน" ยากแก่การสำรวจ แต่มีการคาดการกันว่า ปล่องน้ำเงินนี้ เชื่อมต่อไปยังสถานที่หลายแห่ง เช่น มีคนเคยพบฉลามยาวกว่า 20ฟุต ในทะเลสาบปิดแห่งหนึ่ง ไม่เคยมีฉลามอยู่ในนี้และอยู่ก็หายไป คาดว่าฉลามตัวนี้ เดินทางผ่าน ปล่องน้ำเงินที่ติดต่อกับมหาสมุทร มีคนเคยเห็น ซากเรือเล็กอยู่ภายในปล่องด้วย แม้กระทั่งปลาเองก็ยังสับสนกับกระแสน้ำ ใน ปล่องน้ำเงิน ถึงขั้นว่ายน้ำกลับหัวก็มี

    เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ TBM ของนาวีสหรัฐฯ 1 ฝูงบิน (5 เครื่อง) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง ทั้งหมด 14 นายที่ได้ออกทำการบินฝึกทิ้งระเบิดเหนือดินแดนเบอร์มิวด้า ห่างจากฐานทัพฟอร์ทล๊อคเดอร์เดลประมาณ 225 ไมล์... และแล้ว ฝูงบินทั้ง 5 ลำก็หายสาบสูญ ไม่เหลือแม้แต่เงา ..นาวีสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินผู้ประสบภัยมาร์ติน มารีนเนอร์ แบบ PBM (เป็นเครื่องบินน้ำ 2 เครื่องยนต์)พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง 13 นาย ออกตามหา
    ...20 นาทีต่อมา ....PBM ก็หายสาบสูญ โดยขาดการติดต่อ กับหอบังคับการและหายไปอย่างลึกลับเช่นกันไม่มีเหลือแม้แต่เงามันจะเป็นเหตุ บังเอิญ อุบัติเหตุ หรือเป็นดินแดนอาถรรพณ์จริงแนวโน้มจากสถิติการสูญหายอาจบอกเราได้
    นับ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 จนถึงปี ค.ศ.1976 มีเรือและเครื่องบินหายสาบสูญไปในบริเวณ เบอร์มิวด้าแล้วเป็นจำนวน 143 ราย รวมชีวิตมนุษย์เท่าที่ทราบแน่นอนเป็นจำนวน 2,101 คน ที่ต้องสังเวยไปในดินแดนอาถรรพณ์แห่งนี้อุบัติการณ์ ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้ การค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ แต่ก็ประสบความ ล้มเหลวที่จะพบพยานหลักฐาน ซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้ในที่สุด กองทัพเรือสหรัฐ ก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี ้ไว้เป็นความลับ ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใด ๆ แก่ประชาชนการสาบสูญ ก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้เลย

    นี่คือเหตุการณ์ประหลาดเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริงๆ บนพิภพของเรานี้ ณ บริเวณที่เรียกกันว่า "สามเหลี่ยมปิศาจ เบอร์มิวด้า" (Bermuda Triangle)...ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน เพราะมันเป็นบริเวณดินแดนอาถรรพณ์ อันเป็นที่ล่ำลือกันว่าเต็มไปด้วยความลี้ลับ มันเป็นดินแดนที่กลืนกินชีวิตมนุษย์และเรือเดินทะเลที่กลืนกินชีวิตมนุษย์ และเรือเดินทะเล เครื่องบินที่โชคร้ายบังเอิญผ่านเข้าไป...ก็อาจหายสาบสูญไปอย่างไม่มีร่อง รอยให้เห็นอีกเลย
    ดินแดนอาถรรพณ์ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า โดยแท้จริงแล้ว เป็นอาณาบริเวณกว้างใหญ่มากเป็นส่วนมาก เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกภาคตะวันตก พื้นที่ทั้งหมดปกคลุมพื้นทะเลตั้งแต่ตอนเหนือของหมู่เกาะเบอร์มิวด้าไปยัง ทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดาตีวงออกไปในทะเลทางตะวันออกไปจนถึงหมู่เกาะบาฮามัส เลยไปอีกจนถึงอ่าวเม็กซิกันโน้น .. ทั้งหมดถ้าดูตามแผนที่จะครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 380,000 ตารางไมล์ทะเล ซึ่งถ้าดูกันจริงๆ แล้ว มันไม่ใช่พื้นที่เป็นรูปสามเหลี่ยมเหมือนกับชื่อของมันเลย ไม่ทราบว่าชื่อ "สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" นี้ได้มาอย่างไร ....มีผู้พยายามตั้งชื่อเสียใหม่ว่า "บริเวณดินแดนปิศาจ" บ้างก็เรียกว่า "สามเหลี่ยมปีศาจ" (Devil's Triangle) ...อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของมันได้ถูกขนานนามขึ้นมาในราวๆ ปี ค.ศ.1960 โดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนต้นคิดชื่อเหล่านี้ขึ้นมา แต่ด้วยเหตุที่ว่า ในบริเวณทะเลดังกล่าวนั้นมักจะปรากฏแต่เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นเสมอๆ บ่อยๆ ครั้ง และเป็นประจำจนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วถึงอันตรายของการหายสาบสูญอย่างไม่ มีวันได้กลับคืนมา...จากบันทึกของกองเรือยามฝั่งสหรัฐฯ และบริษัทประกันภัยทางทะเล บริษัทประกันภัยเรือเดินสมุทรและเครื่องบิน มีสถิติความสูญหายอย่างผิดปกติ ในอาณาบริเวณนี้เป็นบริเวณต้องห้ามและเป็นดินแดนอาถรรพณ์จริงๆ

    มันอาถรรพณ์อย่างไร?
    สิ่ง ที่ทำให้ย่านทะเลแห่งนี้กลายเป็นดินแดนมรณะ ซึ่งทำให้นักบินหรือนักเดินเรือต่างพยายามหลีกเลี่ยง ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ยอมผ่านเข้าไปในบริเวณนี้อย่างเด็ดขาดอาจเป็นเพราะความ เชื่อในเรื่องอันพิลึกกึกกือที่เป็นข่าวระบือลือลั่นกันไม่รู้จบระหว่างคนใน ละแวกนั้น เหตุการณ์ประหลาดๆ อย่างที่ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าจะเป็นไปได้ มักจะเกิดขึ้นกับเรือ หรือเครื่องบินที่ผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น นับตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน จากสถิติของบริษัท Lioyd's ov London ซึ่งเป็นบริษัทรับประกันภัยเรือเดินสมุทร พบว่านับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 ถึง 1973 มีเรือในประกันของบริษัทจำนวน 60 ลำ รวมผู้โดยสาร 900 คน ได้หายสาบสูญไปในบริเวณน่านน้ำเบอร์มิวด้า โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1967 มีเรือทะเล เรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้หายไปอย่างลึกลับเป็นจำนวน 15 ลำ ทั้ง 15 ลำไม่มีการส่งสัญญาณ "SOS" หรือส่งวิทยุขอความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น ... สิ่งที่แปลกน่าฉงน และน่ากลัวที่สุดก็คือ เรือทั้ง 15 ลำนั้นเป็นเรือขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ช่วยในการเดินเรือแบบทันสมัยบริบูรณ์ เช่นวิทยุสื่อสาร เรดาร์นำร่อง โซนาร์นำร่อง การค้นหาได้กระทำกันเป็นเดือนๆ แต่ก็ประสบผลล้มเหลวโดยสิ้นเชิงไม่พบแม้แต่เงา...นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ที่ได้มาจากบริษัทประภัยของเอกชนที่ต้องจ่ายประกันไปจนบริษัทแทบล้มละลาย นำมาซึ่งความงุนงง ให้แก่ผู้ที่อยู่ข้างหลังอย่างสิ้นหวัง...อะไรเกิดขึ้นกับเรือเหล่านั้น ลูกนาวี 900 คนหายไปไหนใครบ้างจะมีคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ตัวอย่างอีกรายหนึ่งที่จะขอ ยกมาให้พิจารณาว่ามันเป็นอาถรรพณ์ของดินแดนมรณะแห่งนี้ หรือเป็นเพียงอุบัติเหตุ ได้แก่ การหายสาบสูญของฝูงบินขับไล่ทิ้งระเบิดนาวีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ TBM ของนาวีสหรัฐฯ 1 ฝูงบิน (5 เครื่อง) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องทั้งหมด 14 นาย ได้ออกทำการบินฝึกทิ้งระเบิดเหนือดินแดนเบอร์มิวด้า ห่างจากฐานทัพฟอร์ทล๊อคเดอร์เดลประมาณ 225 ไมล์...และแล้ว ฝูงบินทั้ง 5 ลำก็หายสาบสูญ ไม่เหลือแม้แต่เงา ..นาวีสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินผู้ประสบภัยมาร์ติน มารีนเนอร์ แบบ PBM (เป็นเครื่องบินน้ำ 2 เครื่องยนต์) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง 13 นาย อกตามหา ...20 นาทีต่อมา .... PBM ก็หายสาบสูญ โดยขาดการติดต่อกับหอบังคับการ และหายไปอย่างลึกลับเช่นกันไม่มีเหลือแม้แต่เงา
    มันจะเป็นเหตุบังเอิญ อุบัติเหตุ หรือเป็นดินแดนอาถรรพณ์จริง แนวโน้มจากสถิติการสูญหายอาจบอกเราได้ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 จนถึงปี ค.ศ.1976 มีเรือและเครื่องบินหายสาบสูญไปในบริเวณเบอร์มิวด้าแล้วเป็นจำนวน 143 ราย รวมชีวิตมนุษย์เท่าที่ทราบแน่นอนเป็นจำนวน 2,101 คน ที่ต้องสังเวยไปในดินแดนอาถรรพณ์แห่งนี้ ..สถิติการสูญหายมีมากที่สุดในปี ค.ศ. 1975 คิดมีการสูญสาย 11 ราย เฉลี่ยเดือนละราย... เมื่อเปรียบเทียบความเสียหายในบริเวณนี้กับบริเวณเส้นทางเดินเรืออื่นๆ แล้ว พบว่า...แถบเบอร์มิวด้าต้องเป็นดินแดนอาถรรพณ์จริงๆ ...เพราะในน่านน้ำที่อื่นๆ ไม่มีสถิติการสูญหายมากเท่านี้เลย


    ดินแดนอาถรรพณ์มีอยู่แห่งเดียวหรือ ?

    เปล่า เลยเบอร์มิวด้าไม่ใช่ดินแดนอาถรรพณ์เพียงแห่งเดียวบนโลกนี้เท่านั้น ยังมีอีกแห่งหนึ่งเป็นอาณาบริเวณบนท้องทะเลเล็กๆ อยู่ทางตอนทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น บริเวณนี้เคยเป็นดินแดนอาถรรพณ์เช่นกัน แต่ปัจจุบันความอาถรรพณ์ของบริเวณนี้ เบาบางลงจนดูเหมือนจะจางหายไปแล้ว เมื่อสมัยปี ค.ศ. 1950 บริเวณนี้ได้ถูกขนานนามว่า "ทะเลปิศาจ" (Devil's Sea) มันเคยกลืนกินเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ๆ ไปกว่าา 50 ลำ...ในปี ค.ศ. 1955 รัฐบาลญี่ปุ่นถึงกับลงทุนจ้างคณะนักสำรวจสมุทรศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญพร้อมด้วยอุปกรณ์สำรวจทางวิทยาศาสตร์อันทันสมัยที่สุดเท่าที่จะ หาได้ในสมัยนั้นพร้อมเรือสำรวจสมุทรศาสตร์ขนาดยักษ์ เดินทางไปยังทะเลปิศาจเพื่อค้นหาคำตอบของความอาถรรพณ์ลี้ลับ ณ บริเวณนั้น ...สองสามวันต่อมาเมื่อเรือไปถึงบริเวณทะเลปิศาจ...รัฐบาลญี่ปุ่นก็ต้องพบ กับความอาถรรพณ์ ความงุนงงและความตกตะลึง ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ...เรือของคณะนักสำรวจลำนั้น ได้หายสาบสูญไป ไม่เหลือแม้แต่เงา ไม่มีสัญญาณวิทยุ ไม่มีสัญญาณขอความช่วยเหลือไม่มีอะไรทั้งนั้น..หน่วยค้นหาถูกส่งตามออกไปค้น หากันแทบพลิกท้องทะเล...แต่ไม่พบแม้แต่เงา ไม่มีสัญญาณวิทยุ ไม่มีสัญญาณขอความช่วยเหลือ ไม่มีอะไรทั้งนั้น.. หน่วยค้นหาถูกส่งตามออกไปค้นหากันแทบพลิกท้องทะเล...แต่ไม่พบแม้แต่เงา มีอะไรเกิดขึ้นที่แดนอาถรรพณ์ เราพอจะหาคำตอบอะไรได้บ้างไหมเกี่ยวกับการหายสาบสูญอย่างไร้เงา ของบรรดาผู้เคราะห์ร้ายที่หลุดเข้าไปในดินแดนมรณะเหล่านั้น...พวกที่หาย สาบสูญไปแล้วย่อมไม่มีโอกาสที่จะกลับมาบอกเล่าให้คนข้างหลังได้ทราบได้ว่า เขาได้ไป เผชิญกับอะไรมา
    แต่..เราก็ยังคงพอจะมีข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่สามาถนำประติดประต่อ
    กัน พอจะให้ดูออกเป็นรูปร่างได้ว่า มันเกิดกันพอจะให้ดูออกเป็นรูปร่างได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาเหล่านั้น ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้มาจากบรรดาผู้ที่บังเอิญรอดตายหรือหลบหลีกกันได้ จากบันทึกการติดต่อครั้งสุดท้ายโดยวิทยุกับพวกที่หายสาบสูญไป... มีรายงานที่น่าสนใจหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า อะไรก็ตามที่ ได้เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น คล้ายปรากฏการณ์ของ ธรรมชาติ ที่ยังไม่มีมนุษย์หน้าไหนเคยรู้จักกันมาก่อน
    อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของมันได้ถูกขนานนามขึ้นมาในราวๆ ปี ค.ศ.1960
    โดย ไม่ทราบว่าใครเป็นคน ต้นคิดชื่อเหล่านี้ขึ้นมา แต่ด้วยเหตุที่ว่า ในบริเวณทะเลดังกล่าวนั้นมักจะปรากฏแต่เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นเสมอๆ บ่อยๆ ครั้ง
    และเป็นประจำจนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วถึงอันตราย ของการหายสาบสูญอย่างไม่มีวันได้กลับคืนมา...

    จากบันทึกของกองเรือยามฝังสหรัฐฯ และบริษัทประกันภัยทางทะเล บริษัทประกันภัยเรือเดินสมุทรและเครื่องบิน มีสถิติความสูญหาย อย่างผิดปกติในอาณาบริเวณนี้ เป็นบริเวณต้องห้ามและเป็นดินแดนอาถรรพณ์จริงๆ มันอาถรรพณ์อย่างไร? สิ่งที่ทำให้ย่านทะเลแห่งนี้กลายเป็นดินแดนมรณะ ซึ่งทำให้นักบินหรือนักเดินเรือต่างพยายามหลีกเลี่ยง ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ยอมผ่านเข้าไปในบริเวณนี้อย่างเด็ดขาด อาจเป็นเพราะความเชื่อใน
    เรื่องอันพิลึกกึกกือที่เป็นข่าวระบือลือลั่น กันไม่รุ้จบระหว่างคนในละแวกนั้น

    เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ของเรือเดินสมุทรที่หายไปเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

    ใน ปี ค.ศ. 1840 : เรือสินค้าขนาดใหญ่ของฝรั่งเศษชื่อ โรซาลี่ ได้หายไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาระหว่างเดินทางจากยุโรปไปฮานาวา โดยไม่มีผู้ใดเหลือชีวิตรอดพอที่จะบอกเรื่องราวให้ฟังได้

    ในปี ค.ศ. 1840 : เรือลาดตระเวนอังกฤษชื่อ แอ๊ตตาแลนตา หายไปอย่างลึกลับไม่ห่างจากเบอร์มิวดานักพร้อมทั้งทหารประจำเรือ 290 นาย

    วัน ที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1902 : เรือเยอรมันชื่อ เฟรย่า มีผู้พบทอดสมออยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อยู่บนเรือลำนั้น จากปฏิทินฉีกประจำวันในห้องกัปตันระบุเป็นวันที่ 4 ตุลาคม 1902

    วันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1998 : เรือบรรทุกอุปกรณ์และสินค้าชื่อ ไซคล๊อปส์ เป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ มีความยาว 500 ฟุต และระวางขับน้ำ 1900ตัน หายไปอย่างไร้ร่องรอยในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาพร้อมด้วยชีวิตลูกเรือและ ผู้โดยสาร

    กลางเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1925 : เรือโคโทแพ็คซี หายไปในดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ในระหว่างเดินทางจากซาร์ลตันสู่ฮานาวา

    ใน เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1932 : เรือใบ 21 ลำชื่อ จอนและแมรี่ เป็นเรือที่ขึ้นทะเบียนในนิวยอร์คทั้งสองลำมีผู้พบลอยละล่องใกล้ ๆ กันอยู่ในบริเวณเบอร์มิวดาใบเรือทั้งสองลำถูกลดลงจากเสาเรียบร้อยแล้ว

    วัน ที่ 22 ตุลาคม ค.ศ.1944 : เรือยอร์จ ชื่อ กลอเรียโคไลท์ มีผู้พบถูกปล่อยให้ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทรในบริเวณสามเหลี่ยม เบอร์มิวดา สิ่งของเครื่องใช้ทุกอย่างในเรืออยู่อย่างเป็นระเบียบ และของมีค่ายังอยู่ครบถ้วน

    ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1950 : เรือบรรทุกสินค้ายาวชื่อแซนดรา ได้หายไปบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแถวเปอร์โตริโกอย่างไม่มีร่องรอยใด ๆ พร้อมชีวิตลูกเรือทั้งหมดและสินค้าอีก 300 ตัน

    ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1955 : เรือยอร์จชื่อ คันแนมาร่าที่ 4 ได้หายไปอย่างลึกลับประมาณ 400 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเบอร์มิวดา

    วัน ที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1963 : เรือเดินทะเลขนาดยักษ์ซึ่งมีความยาวถึง 425 ฟุต ชื่อมารีน ซัลเฟอร์ ควีน ได้หายไปอย่างไม่มีร่องรอยใด ๆ

    วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1963 : เรือจับปลาชื่อ โชบอยหายไปพร้อมด้วยลูกเรือ 4 คนโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ เหลือให้เห็น

    ใน ปี ค.ศ. 1942 : เรือโดยสารญี่ปุ่นชื่อ ไรฟูกุ มารู ได้วิทยุขอความช่วยเหลือขณะที่วิ่งอยู่ระหว่างคิวบาและบาฮามัส แต่แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

    ในปี ค.ศ. 1931 : เรือสินค้า สตาฟเวงเยอร์ หายไประหว่างบาฮามัสและ แค็ต ไอร์แลน พร้อมด้วยชีวิตลูกเรือ 43 คน

    ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1938 : เรือแองโกล-ออสเตรเลียน ได้หายไปทางใต้ของแอโซซเรส พร้อมด้วยชีวิตลูกเรือ 39 ชีวิต

    ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1967 : เรือยอร์จขนาด 46 ฟุต ชื่อ เรโวน๊อค หายไปอย่างปราศจากร่องรอย

    วันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1967 : เรือยอร์จ วิชคร๊าฟ หายไปอย่างปราศจากร่องรอยนอกฝั่งไมอามี พร้อมกับชีวิตเจ้าของเรือและผู้โดยสาร

    ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1970 : เรือมิลตัน เอไทรด์ หายไปอย่างไร้ร่องรอยบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

    ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1973 : เรือเดินทะเลขนาดใหญ่ระวางขับน้ำ 20000 ตัน ได้หายไปพร้อมกับชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมด

    เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ของเครื่องบินที่หายไปเหนือดินแดนสามเหลี่ยม
    เบอร์มิวดา


    วัน ที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 : เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ TBM ของกองทัพเรือสหรัฐจำนวน 5 เครื่อง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง 14 นาย หายไปขณะฝึกบินทิ้งระเบิดเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ห่างจากฐานทัพฟอร์ท ล๊อดเดอร์เดล ประมาณ 225 ไมล์

    วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 : เครื่องบินช่วยเหลือผู้ประสบภัย มาร์ตินน มารีน แบบ PBM พร้อมพลประจำเครื่อง 13 นาย ได้หายไปประมาณ 20 นาที หลังจากบินไปทำการช่วยเหลือเครื่องบินฝึกทิ้งระเบิดแบบ TBM จำนวน 5 เครื่องที่ขาดการติดต่อกับ หอบังคับการณ์และหายไปอย่างลึกลับ

    วันที่ 3 กรกฏาคม ค.ศ. 1967 : เครื่องบินลำเลียงพลแบบ G-54 ของกองทัพบกสหรัฐหายไปห่างจากเบอร์มิวดา ขึ้นมาทางเหนือประมาณ 100 ไมล์

    วัน ที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1948 : เครื่องบินโดยสารชื่อสตาร์ไทยเกอร์ เป็นเครื่องบินสี่เครื่องยนต์แบบทิวเดอร์-4 ของอังกฤษหายไปเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาพร้อมกับชีวิตของเจ้าหน้าที่ และผู้โดยสาร 31 คน

    วันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1948 : เครื่องบินโดยสารชาร์เตอร์ ส่วนบุคคล แบบ DC-3 หายไประหว่างซานฮวนกับไมอามี่ พร้อมพนักงานประจะเครื่องและผู้โดยสาร 32 คน

    วันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1949 : เครื่องบินโดยสาร สตาร์ แอเรียล ของอังกฤษ บินจากลอนดอนไปซานดิเอโก โดยผ่านทาง จาไมกา เครื่องบินได้หายไปในบริเวณสามเหลี่ยม เบอร์มิวดาในระหว่างเส้นทางไปยังคิงส์ตัน

    วันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1950 : เครื่องบิน โกล๊ปมาสเตอร์ ของสหรัฐอเมริกา หายไปทางตอนเหนือของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ขณะมุ่งบินไปสู่ไอร์แลนด์

    วัน ที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1950 : เครื่องบินโดยสารของบริษัทเดินอากาศยอร์คแห่งอังกฤษหายไปในบริเวณสามเหลี่ยม เบอร์มิวดา พร้อมผู้โดยสาร 33 คน

    วันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1954 : เครื่องบินแบบ ซุปเปอร์คอนสเตลเลชั่น ของสหรัฐ หายไปพร้อมผู้โดยสาร 42 คน ในบริเวณเดียวกับจุดที่ฝูงบิน ที่ 19 สูญหายทั้ง 5 เครื่องมาก่อน

    วัน ที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1956 : เครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพเรือสหรัฐแบบ P5M หายไปใกล้ๆ กับเบอร์มิวดา พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องอีก 10 นาย

    วัน ที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1962 : เครื่องบินบรรทุกน้ำมันสำหรับเติมน้ำมันกลางอากาศแบบ KB-50 ของสหรัฐ ได้หายไปอย่างลึกลับ บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

    วันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1963 : เครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐสี่เครื่องยนต์แบบ KC-135 จำนวนสองเครื่อง หายไปทางทิศตะวันตกห่างจาก สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาราว 300 ไมล์

    วันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1965 : เครื่องบินโดยสารขนาดกลางแบบ C-119 หายไปใกล้ ๆ กับเบอร์มิวดา พร้อมด้วยผู้โดยสาร 10 คน

    วัน ที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1956 : เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบทันสมัย B-52 ของสหรัฐ ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นเครื่องบินบรรทุกสินค้า หายไปตรงจุดศูนย์กลาง ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา พร้อมทั้งชีวิตของชีวิตของนักบินทั้ง 3 นาย

    วัน ที่ 11 มกราคม 1967 : เครื่องบินแบบ YC-122ซึ่งดัดแปลงเป็นเครื่องบินบรรทุกสินค้าหายไปพร้อมกับพนักงานประจำ เครื่อง 4 นาย ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ใกล้ ๆ กับบาฮามัส

    วัน ที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1963 : เครื่องบินแบบ C-132 ซึ่งเป็นเครื่องบินบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ หายไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ตอนใดตอนหนึ่งระหว่างทางสู่ แอโซเรส

    มีนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักสมุทรวิทยา และอีกหลายอาชีพ ให้ความเห็นและทฤษฎีเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา มาดังนี้

    1. ทฤษฎีที่ว่า อาจจะเป็นไปได้ที่บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น ตั้งอยู่ในจุดสมดุลของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า กับพลังของสนามแห่งแรงโน้มถ่วงพอดี ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างของอีกมิติหนึ่งในห้วงเวลาอวกาศ และเมื่อเรือหรือเครื่องบินแล่นเข้าสู่ช่องว่างแห่งนี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางมิติหายลับไปทันที แต่เนื่องจากว่าวิทยาการทางเทคนิคของเราในปัจจุบันนี้ยังไม่มีความรู้พอที่ จะแก้ไขสถานการณ์อันนี้ได้ การหายสาบสูญของพวกเรา ก็เป็นไปในทำนอง เดินทางเดียว เท่านั้น คือเมื่อมิติถูกเปลี่ยนไปแล้ว ก็ไม่อาจจะทำให้กลับคืนสู่มิติเดิมได้ ส่วนสิ่งมีชีวิตปัญญาสูงจากนอกโลกที่มาจากจานบิน คงจะทราบและเข้าใจในกฎเกณฑ์อันนี้เป็นอย่างดีจึงได้ใช้ช่องว่างที่เกิดจาก สมดุลอันนี้ เป็น ประตู ทางเข้าออกในการเปลี่ยนแปลงทางมิติเพื่อเข้าสู่โลก ด้วยเหตุจึงมีผู้พบเห็นจานบินบ่อยๆ (สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้พบเห็นจานบินบ่อยที่สุดและมากที่ สุดในโลก) และมันจะหายตัวไปแบบฉับพลัน ซึ่งตอนนั้นเองที่จานบินเปิดประตูมิติ เรือหรือเครื่องบินผ่านมาบริเวณนั้นพอดี ก็เลยแล่นเข้าสู่ประตูมิติ

    2. ทฤษฎีที่ว่า บริเวณใต้สามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้นเป็นจุดที่ อาณาจักรแอตแลนติสจมลง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าชาวแอตแลนติสมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต้องมีพลังงานอะไรบางอย่างที่ชาวแอตแลนติสสร้างเอาไว้ ทำให้เรือและเครื่องบินบริเวณนั้นหายสาบสูญแบบไร้ร่องรอย

    3. ทฤษฎีที่ว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เป็นเหมือนสถานีที่สิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญากว่ามาสร้างเอาไว้ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่มีผู้คนพบเห็นแสงไฟจากใต้น้ำบ้าง จานบินใต้น้ำบ้างและก็มีผู้พบเห็นจานบินโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ดำดิ่งลงไปในน้ำ ความเร็ว 150 นอตต่อชั่วโมงเท่ากับเฮลิคอปเตอร์ และในปัจจุบันก็ยังไม่มีเรือดำน้ำให้ทำความเร็วได้ขนาดนั้น บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นจุดที่พบเห็นจานบินบ่อยและมากที่สุดในโลก เพราะบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นจุดบอดของสนามแม่เหล็กจึงสามารถทำให้ สามารถนำยานลงจอดซึ่งมีไม่กี่แห่งบนโลก

    4. ทฤษฎีที่ว่า มีสิ่งมีชีวิตที่มีภูมิปัญญาอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร ตามหลักของชีววิทยา สิ่งมีชีวิตจะเริ่มต้นมาจากทะเลก่อน และเนื่องมากจากท้องทะเลมีอาณาเขตมากกว่าพื้นดินถึงสองเท่า มนุษย์ใต้มหาสมุทรเหล่านี้จึงมีเนื้อที่สำหรับ การแพร่ขยายพันธุ์มากกว่าเรา และจากเหตุที่พวกนี้ได้เกิดขึ้นก่อนมนุษย์เรา ดังนั้น การพัฒนาทางเทคนิคของพวก เขาก็คงล้ำหน้าไปกว่าเรามากทีเดียว เท่าที่ผ่านมาเป็นเวลานาน มนุษย์ใต้สมุทรเหล่านี้จะไม่ติดต่อเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเรา ถือว่าต่างคนต่างอยู่ แต่จากความก้าวหน้าทางเทคนิคของพวกเราในปัจจุบัน อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อมของพวกเขาได้ พวกนี้จึงเปลี่ยน นโยบายที่ว่าต่างคนต่างอยู่ ออกมาสังเกตความเป็นไปของชาวเรา ที่อยู่บนพื้นโลกอย่างลับๆและเงียบสงบ ซึ่งบางทีบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา อาจเป็นบริเวณที่สะดวกที่สุดที่พวกเขาจะออกมาสำรวจโลกเบื้องบน

    ที่มาของข้อมูล http://www.dmrg.th.gs/web-d/mrg/bmt.htm

  2. #2
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ พิณอิสระ
    วันที่สมัคร
    Sep 2008
    ที่อยู่
    ขอนแก่น อุดรธานี และสุรินทร์
    กระทู้
    503

    Re: สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle ปริศนาของโลก

    เป็นความรู้ที่หาได้ยากจริง ๆ ต้องขอขอบคุณท่านที่อุตส่าห์สรรหามาให้อ่าน จะคอยติดตามงานนำเสนอของท่านต่อไปนะครับ ขอได้รับความขอบคุณ..จากใจจริง

  3. #3
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    Re: สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle ปริศนาของโลก

    ขอบคุณมากนะคะสำหรับสาระความรู้ที่ได้รับ
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •