"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล งัดฟอร์มที่ดีที่สุดของฤดูกาลออกมาอีกนัดหนึ่ง เมื่อบุกไปถล่ม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาลได้แบบไม่มีใครอยากเชื่อถึง 4-1 โดยเกมนี้เจ้าบ้านยังเสียเนมันย่า วิดิช ที่โดนใบแดงไล่ออกจากสนามอีกด้วย

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (14 มี.ค.52)

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตู : 1-0 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ น.23 (จุดโทษ), 1-1 เฟร์นานโด ตอร์เรส น.28, 1-2 สตีเว่น เจอร์ราร์ด น.44 (จุดโทษ), 1-3 ฟาบิโอ ออเรลิโอ น.77, 1-4 อันเดรีย ดอสเซน่า น.90

มหัศจรรย์! หงส์งัดฟอร์มเทพบุกถลุงผีกระเจิง 4-1 จี้เหลือ 4 แต้มมหัศจรรย์! หงส์งัดฟอร์มเทพบุกถลุงผีกระเจิง 4-1 จี้เหลือ 4 แต้ม

ศึกแดงเดือดเกมที่หลายคนบอกว่าจะเป็นนัดตัดสินฤดูกาลโดยเฉพาะอนาคตของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่แบกรับความกดดันมากกว่าเนื่องจากเป็นรองในตารางแข่งถึง 7 แต้มและยังเล่นมากกว่าอีกนัดด้วย หากนัดนี้พ่ายต่อ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จะโดนคู่รักคู่แค้นทิ้งห่างเป็น 10 แต้มและอาจขยับหนีไกลถึง 13 แต้มได้ด้วย ซึ่งก็แทบจะหมดลุ้นแชมป์ทันที

แต่เกมนี้ทั้งสองทีมก็มีการจัดผู้เล่นที่เซอร์ไพรซ์ไม่น้อย โดยทางแมนฯ ยูไนเต็ด มีการดร็อปดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ไรอัน กิ๊กส์ และพอล สโคลส์ ที่ทำผลงานได้ดีในเกมกับอินเตอร์ มิลาน ขณะที่ลิเวอร์พูล ราฟาเอล เบนิเตซ เสียอัลบาโร่ อาร์เบลัว ที่เจ็บตอนซ้อม ขณะที่แดนกลางไม่มีชาบี้ อลอนโซ่ ที่เจ็บอีกคน เป็นลูคัส เลวา ที่ได้ลงเล่นแทน

เริ่มเกมมาทางด้านเจ้าบ้านเปิดฉากลุกไล่ทันที ทำเอาหงส์แดง ที่เหมือนยังตั้งตัวไม่ติดต้องหลอนไปพักนึงทีเดียว ก่อนจะมาตั้งเกมได้บ้างเมื่อพ้น 10 นาทีแรกไปแล้ว แต่ในรูปเกมก็ต้องถือว่าสูสี และไม่ได้มีฝ่ายไหนที่มีลุ้นอย่างชัดเจน

จนกระทั่งถึงนาทีที่ 23 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้จุดโทษเมื่อ เตเวซ แทงทะลุช่องให้พาร์ค ชี ซอง หลุดเข้าไปในเขตโทษและใช้ความเร็วแตะบอลหลบโฆเซ่ เรน่า ซึ่งแม้นายทวารชาวสเปน จะไม่ได้รวบแต่ผู้ตัดสินก็เป่าให้เป็นจุดโทษ และเป็นคริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาสาสังหารเข้าไปอย่างเฉียบขาด

ประตู 1-0 นี้ทำเอาฝั่งลิเวอร์พูล ดูจะออกอาการรวนเหมือนกัน และไม่ได้ดูจะมีท่าทีที่จะกลับมาสู่เกมได้เลย แต่แล้วอีก 5 นาทีต่อมา หงส์แดง ก็ได้ตีปีกกันแบบไม่อยากเชื่อ เมื่อตอร์เรส โชว์ความขยันเข้าไปวิ่งบี้เอาบอลจากวิดิช ที่ปล่อยบอลตกพื้นจนเสียจังหวะ ก่อนจะแย่งเอาไปดวลเดี่ยวกับเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ และยิงเล่นทางเข้าไปอย่างเหนือชั้น ทำให้สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 แล้ว

พอได้ประตูตีเสมอแบบนี้ รูปเกมก็เลยกลับมาสูสีกันมากขึ้น เพียงแต่เจ้าบ้านยังเป็นฝ่ายที่ได้ลุ้นมากกว่าเล็กน้อย โดยมีจังหวะยิงฟรีคิกไกลของโรนัลโด้ ที่ทำเอาเรน่า ต้องตะครุบ 2 จังหวะ ก่อนที่คาร์ริค จะลากบอลมายิงหน้ากรอบเขตโทษเสยข้ามคานออกไปนิดเดียวเท่านั้น

แต่ก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที ก็มีจังหวะสำคัญเกิดขึ้นเมื่อตอร์เรส จ่ายบอลให้เจอร์ราร์ด ได้บอลในเขตโทษก่อนจะมาโดน เอวร่า สอยล้มลงไป ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกจุดโทษแบบไม่ลังเลเลย ซึ่งเจอร์ราร์ด ก็ลุกขึ้นมายิงเองเข้าไปอย่างเฉียบขาด ทำให้ลิเวอร์พูล พลิกกลับมานำ 2-1 ในครึ่งแรก เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเลยทีเดียว

กลับมาเล่นกันใหม่ในครึ่งหลัง ปีศาจแดง เดินหน้าเต็มตัวบุกจะเอาตีเสมอง่ายๆ และมีจังหวะหวาดเสียวทั้งลูกที่ เรน่า รับบอลเปิดของโรนัลโด้ พลาดไปชนเสา รวมถึงลูกที่เตเวซ เปิดมาที่เสาไกลแต่เกือบจะย้อยเข้าประตูต้องปัดทิ้ง และลูกที่ โรนัลโด้ เปิดเข้ามาให้รูนี่ย์ โขกย้อนมาที่เสาสองแต่เตเวซ เข้าไม่ถึงบอล ลูกผ่านหน้าปากประตูออกไปแบบไม่มีใครอยากเช่อ

ยูไนเต็ด ยังพยายามอยู่อีกพักใหญ่และพยายามที่จะปรับเกมโดยส่ง 3 ทหารเสืออย่าง สโคลส์, กิ๊กส์ และเบอร์บาตอฟ ลงมาพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันไรก็จะมาเจอแจ็คพอต 2 ชั้นอย่างจังในนาทีที่ 75

เมื่อลิเวอร์พูล โต้กลับมาทางเจอร์ราร์ด ลากหลบวิดิช ได้แล้วก่อนจะโดนกองหลังเซิร์บ "ดึงเป้า" จนร่วงลงไปก่อนจะได้หลุดเดี่ยว ผู้ตัดสิน อลัน ไวลีย์ แจกใบแดง "เซอร์บิเนเตอร์" ทันที

และจังหวะต่อจากนั้นเอง ในลูกฟรีคิกระยะกว่า 30 หลา เป็นฟาบิโอ ออเรลิโอ ที่ปั่นบอลข้ามกำแพงก่อนจะมุดเข้าไปตุงตาข่ายอย่างงดงาม ชนิดที่ฟาน เดอร์ ซาร์ ทำได้แค่เหลียวไปมองบอลกองตาข่ายเท่านั้น ลิเวอร์พูล หนีเป็น 3-1 แล้ว

ได้เปรียบทั้งสกอร์และตัวผู้เล่น ทำให้ลิเวอร์พูล เบรกเกมและเริ่มถอดตัวสำคัญออกมาพัก และประคับประคองเกมไปเรื่อยๆไม่มีอะไรต้องรีบร้อน แถมยังมาได้ประตูปิดท้ายอีกลูกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อเรน่า เตะสาดขึ้นมา กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ด พลาดอีกครั้งปล่อยให้ อันเดรีย ดอสเซน่า แบ็กซ้ายตัวสำรองหลุดเข้าไปกระดกบอลข้ามหัวฟาน เดอร์ ซาร์ อย่างเหนือชั้น เป็นประตูปิดท้ายในเกมนี้กับชัยชนะยิ่งใหญ่ของหงส์แดง ที่ทำแต้มไล่จี้มาเหลือแค่ 4 คะแนนเท่านั้น แม้จะเล่นมากกว่า 1 นัดก็ตาม


รายชื่อผู้เล่น
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, จอห์น โอเช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ไมเคิล คาร์ริค (ไรอัน กิ๊กส์ น.74), อันแดร์สัน (พอล สโคลส์ น.73), พาร์ค ชี ซอง (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ น.74), เวย์น รูนี่ย์, คาร์ลอส เตเวซ

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ซามี่ ฮูเปีย, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส, เดิร์ค เคาท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด (นาบิล เอล ซาร์ น.90), อัลเบิร์ต ริเอร่า (อันเดรีย ดอสเซน่า น.67), เฟร์นานโด ตอร์เรส (ไรอัน บาเบิล น.81)

ผู้ตัดสิน : อลัน ไวลีย์