เตรียมตัวก่อนสละโสด
หากใครกำลังนับถอยหลังสละโสดเพื่อเข้าสู่ประตูวิวาห์ แน่นอนว่าความตื่นเต้นที่มีคงไม่มีใครจะสามารถอธิบายได้ดีไปกว่าเจ้าของงาน ทั้งว่าที่เจ้าบ่าว และว่าที่เจ้าสาว แต่ทว่าการเตรียมตัวสำหรับวันสำคัญในค่ำคืนของงานแต่งงานแล้ว ว่าที่เจ้าสาวคงต้องเตรียมตัวกันยกใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมหรือสุขภาพภายใน ทั้งนี้ทางทีมงาน Life and Familyขอเสนอข้อแนะนำดีๆที่น่านำไปใช้สำหรับว่าที่เจ้าสาวทุกคนเพื่องานวิวาห์โดยเฉพาะมาฝากกันค่ะ
1.นอน นอน นอน หากว่าที่เจ้าสาวอดนอนจนใกล้วันงานแต่ง มีหวังเจ้าสาวคนนั้นต้องกลายเป็นเจ้าแพนด้าเป็นแน่ ดังนั้นแม้ว่ายิ่งใกล้วันงาน ภาระที่ต้องรับผิดชอบยิ่งเยอะเพียงใด คุณผู้หญิงก็มิควรละเลยเรื่องการนอนหลับพักผ่อนนะคะ เพราะหากอดนอนหลายวันสะสมกันหลายวัน ขอบตาที่ดูหมองคล้ำอาจจะจารึกไว้ในวันงาน
2. ขัดหน้านวดหน้าซัก 3 เดือนก่อนวันงาน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ผิวหน้าคุณมีสภาพดีที่สุด แต่อย่าทดลองใช้ผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ๆ กับเนื้อตัวหรือใบหน้าในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนวันแต่งงานเด็ดขาด เพราะถ้าแพ้ขึ้นมา ฝันที่เติมแต่งไว้ซะเลิศเลอคงพังแน่ๆ ต้องเอาหน้าเป็นตุ่นตัวเป็นผื่นโชว์แขกเหรื่อแหง
3. ช่างแต่งหน้า และช่างผมมืออาชีพจำเป็นมากๆ น่าจะทดลองแต่งหน้าทำผมจนกว่าคุณจะพอใจและให้คุ้มค่าเงินที่สุด และต้องเตรียมสภาพให้พร้อมกับการเป็นเจ้าสาวล่วงหน้าสัก 2 สัปดาห์ จะตัด ดัด อบไอน้ำอะไรก็ตามใจ พอถึงวันจริงควรมีมอยซ์เจอรไรเซอร์ควบคุมความมัน หรือกระดาษซับหน้ามันติดมือไปด้วย ให้เพื่อนเจ้าสาวดูแลให้ก็ได้
4. ถ้าใส่ชุดคอลึก ต้องดูแลบริเวณคอจนถึงหน้าอกให้มากเป็นพิเศษ ทาโลชั่นทุกเช้าเย็น อย่าให้โดนแดดมาก ในวันงานอาจใช้ผงเมกอัพที่เป็นประกายปัดๆซะหน่อย หรือจะปัดบลัชออนสีเข้มบริเวณร่องอก ให้ดูอกเต็มตึง
5. ต่อเล็บ เจ้าสาวที่มีปัญหาเล็บไม่สวย เล็บฉีก เล็บหัก อาจจะเพิ่งบริการต่อเล็บด้วยอะครีลิคเหมือนเล็บธรรมชาติหรือคริสตัลใส เพื่อช่วยให้นิ้วมือดูเรียวยาวขึ้น แข็งแรงไม่หลุดไม่หักก็ได้
6. ไม่ต้องอาบน้ำแร่ ไม่ต้องแช่น้ำนม แค่ก่อนเริ่มแต่งตัว ควรพักผ่อนโดยการแช่อ่างน้ำอุ่นตีฟองสบู่หอมๆ ซักพัก หยุดความรีบเร่งไว้ที่อ่างน้ำ และผลของน้ำอุ่นจะทำให้ผิวคุณนุ่มขึ้นและมีน้ำมีนวลอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้นชะโลมโลชั่นทาผิว นวดเท้า แล้วหลับตาสักพัก อยู่เงียบๆ กับตัวเองอย่างสงบก่อนจะเริ่มแต่งหน้าทำผม
อีกประการหนึ่งที่สำคัญนอกเหนือจากเสื้อผ้าหน้าผมแล้ว การเตรียมตัวเรื่องสุขภาพนั้นสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ นะคะ อาทิ...
-ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวหรือว่าที่เจ้าสาวแล้ว ทั้งคู่ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เข้าหากัน โดยเฉพาะพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆที่มีผลต่อสุขภาพที่มีผลต่อสุขภาพและการอยู่ร่วมกัน เช่น ดื่มเหล้าจัด สูบบุหรี่จัด เที่ยวกลางคืนเป็นนิจ เล่นการพนัน ฯลฯ เพราะโดยทั่วไป เมื่อจะมีครอบครัว นั่นหมายความว่า เราพร้อมที่จะดูแลคนที่จะมายืนอยู่เคียงข้าง และเจ้าตัวน้อยที่จะเกิดมาอย่างมีคุณภาพ
-ดูแลโรคภัยไข้เจ็บของตนเอง ในกรณีที่มีโรคประจำตัว อาจต้องไปพบแพทย์ เพื่อรับคำปรึกษา หรือรักษา เพราะบางโรคอาจจะมีผลต่อการตั้งครรภ์ ทั้งคู่ควรไปพบแพทย์ก่อนเพื่อการวางแผนการตั้งครรภ์ เพื่อรับคำปรึกษาก่อนแต่งงาน
-รักษาโรคที่มีผลกระทบต่อบุคลิกภาพ เช่น โรคสิว ภูมิแพ้ โรคอ้วน ฯลฯ
-ตรวจเลือดสักหน่อย แพทย์ส่วนใหญ่จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย แนะนำให้เจาะเลือดตรวจหาโรคที่มีผลต่อชีวิตสมรส คือโรคที่สามารถติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ได้ และบางโรคก็มีผลต่อบุตรในครรภ์ โรคดังกล่าวได้แก่ โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี โรคธาลัสซีเมีย โลหิตจาง ในกรณีที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน และอีสุกอีใส แพทย์ก็จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนดังกล่าว ซึ่งวัคซีนบางอย่าง เช่น หัดเยอรมัน และอีสุกอีใส ไม่ควรฉีดตอนตั้งครรภ์ เพราะอาจจะมีอันตรายถึงทารกในครรภ์ได้ซึ่งเรื่องการเจาะเลือดตรวจก่อนแต่งงานนี้เป็นเหมือนหญ้าปากคอกคือ ถูกมองข้ามไป แต่มีคู่สมรสหลายคู่ที่ต้องประสบปัญหาเรื่องการติดเชื้อจนถึงแก่ชีวิต เพราะฝ่ายตรงข้ามมีเชื้อไวรัสเอดส์นั่นเอง
หวังว่ามันทั้งหมดนี้ คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนรักกันที่จะจูงมือตรวจเลือดก่อนเข้าสู่ประตูวิวาห์นะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก 88DB และSpiceday
Bookmarks