เลื่อนเลื่อนลอยลงอัสดงกาล
ทิวาวารอ่อนแสงใกล้หยุดส่อง
ลมคิมหันต์พัดเคล้าเอาละออง-
หอมกลิ่นผองดอกไม้ป่ามากำนัล
หนึ่งคนจรนอนหนุนตักประดู่ป่า
ดั่งอัปสราโปรยบุพผาสวรรค์
เกล็ดทองดอกประดู่พราวพรูพลัน
คล้ายรับขวัญคนอ่อนล้าอย่างการุณ
สายลม.....โอ คนจรผู้ซ่อนเศร้า
ใต้ร่มเหงาเงาฝันอันเคยอุ่น
ดอกฝันเคยผลิใจละไมละมุน
หรือพ่อคุณโรยร้าวฤดีแด
คนจร.....ฉันหมองเศร้า หม่นเหงากระนั้นหนอ
โดยเออออเอาเองจนเกินแก้
ซึ่งความจริงย่อมจริงอยู่จริงแท้
คือฉันแค่คนไร้ค่ามาเนิ่นนาน
สายลม.....โอ คนเศร้าผู้ซ่อนโศก
ฉันจะโบกกลิ่นหอมพะยอมผ่าน
ประดู่รินรวยลมรัตติกาล
ระบัดไล้กังสะดานทุกบรรณใบ
หลับเถิดในอ้อมเหงาทอดเงากอด
กิ่งโศกสอดแขนโอบปลอบขวัญให้
จะรวยรินกลิ่นลั่นทมมาห่มใจ
ดอมอยู่ในใจคนจรผู้อ่อนล้า
หลับลงเถิด......ไม่ถามแล้ว
โดยตาแววหม่นหมองย่อมฟ้องข้า
กลิ้งกลิ้งใสเอ่อร่องทั้งสองตา
ก็เกินกว่าหมื่นคำพร่ำรำพัน

๑๓ มี.ค. ๕๒
วาบหนึ่งอันนิ่งนาน หมู่ไม้ติดตุ่มแตกตา ........คืนหนาวในคิมหันต์