น้ำใจเป็นสิ่งที่มีอยู่ในคนเรามาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้
สามารถแสดงออกทันทีที่รู้ความ
เคยมีการทดลองยื่นของให้เด็กอายุ ๑๘ เดือนจับถือเอาไว้
เมื่อคนแปลกหน้าขอของชิ้นนั้นคืน
โดยไม่มีการกระตุ้น ขอร้อง หรือให้รางวัล ปรากฏว่าทารกคืนให้โดยดี

แม็คเป็นเด็ก ๗ ขวบอยู่ชั้นป.๑ มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อเก๋ง เป็นลูกภารโรงในโรงเรียน พ่อของเก๋งเป็นคนดุ บางทีก็ตีลูกแรง ๆ

เย็นวันหนึ่งแม็ควิ่งมาหาแม่แล้วขอเงิน ๑๐ บาท
แม่จึงถามลูกว่า ;จะเอาไปทำไมจ๊ะ ก็แม่ให้แม็คไปแล้วไง;

;แม็คจะเอาไปให้เก๋งครับ; แม็คตอบ
แม่จึงถามเหตุผล แม็คตอบว่าเก๋งทำเงินหาย ๑๐ บาท
แม่จึงถามต่อว่า แม็คทำเงินของเขาหายหรือเปล่า
แม็คก็ปฏิเสธ แม่เลยสอนแม็คว่า ถ้าเก๋งทำหายเขาก็ต้องรับผิดชอบเอง

แต่แม็คก็ยังยืนยันจะขอเงินแม่ให้ได้ ครั้นแม่ไม่ยอมให้ แม็คจึงบอกแม่ว่า
;แม็คขอแค่ครั้งสุดท้ายครับแม่
พรุ่งนี้แม่ไม่ต้องเอาตังค์ให้แม็คก็ได้
หักค่าขนมของแม็คก็ได้ แม็คสงสารเก๋ง
ถ้าเก๋งไม่เจอตังค์ พ่อของเก๋จะตีเก๋งครับ;

แม่ได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจแม็คที่รักเพื่อน
ขนาดยอมสละเงินของตัวให้เก๋ง จึงตัดสินใจควักเงินให้แม็ค แม็คได้เงินแล้วก็รีบวิ่งไปหาเก๋งด้วยความดีใจ
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพรุ่งนี้ตัวเอง อาจไม่มีเงินซื้อขนมกิน

ทั้ง ๆ ที่อายุแค่ ๗ ขวบเรียนชั้นป.๑
แต่เด็กอย่างแม็คก็มีน้ำใจชนิดผู้ใหญ่ต้องประทับใจ
เรามักคิดว่า คุณธรรมจะเกิดขึ้นได้ต้องผ่านการอบรมบ่มเพาะ
แต่กรณีของแม็ค น่าจะบ่งชี้ว่าน้ำใจมีอยู่ในตัวเด็กมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
เมื่อรู้ว่าเก๋งกำลังเดือดร้อน แม็คเกิดความคิดที่จะช่วยเก๋งโดยไม่ต้องมีใครมาบอก แม้แต่แม่ทีแรกก็ไม่เห็นด้วย
แต่เป็นโชคดีของแม็คที่มีแม่ซึ่งเข้าใจลูก จึงส่งเสริมให้แม็คช่วยเหลือเพื่อน

น้ำใจของแม็คไม่ได้ช่วยให้เพื่อนรอดพ้นจากการถูกตีเท่านั้น แต่ยังสร้างความซาบซึ้งใจให้แก่ผู้ใหญ่ที่ได้ยินเรื่องนี้ จะพูดว่าน้ำใจของแม็คทำให้ผู้ใหญ่ตาสว่างขึ้นก็ได้ เพราะผู้ใหญ่บ่อยครั้งก็นึกถึงตัวเองมากกว่าคนอื่น
จนลืมนึกไปว่าที่ตัวเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได
้ก็เพราะน้ำใจและความเอื้อเฟื้อของผู้คนเป็นจำนวนมาก
หากคนในโลกนี้เห็นแก่ตัวกันหมด
จะมีเด็กกี่คนที่สามารถรอดพ้นอันตราย เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ โลกนี้น่าอยู่ก็เพราะน้ำใจอย่างแม็คใช่หรือไม่

น่าเสียดายที่เด็กผู้มากด้วยน้ำใจอย่างแม็คนับวันจะมีน้อยลง นั่นไม่ใช่เป็นเพราะว่าพ่อแม่สมัยนี้อบรมสั่งสอนคุณธรรมกันน้อยลง
อย่าลืมว่า ๒ ตัวอย่างที่ยกมาพิสูจน์ว่า
คนเราสามารถทำความดีมีน้ำใจกับผู้อื่นได้
แม้จะไม่มีใครมาอบรมสั่งสอนเลยก็ว่าได้
สาเหตุที่สำคัญกว่าก็คือ นอกจากจะเด็กจะไม่ได้รับการปลูกฝังคุณธรรมแล้ว ยังถูกอบรมสั่งสอนให้เป็นคนเห็นแก่ตัว การอบรมสั่งสอนประการหลังนี้แหละที่ทำให้ผู้คนมีน้ำใจกันน้อยลง

ลองคิดดูว่าเวลานี้มีแม่อย่างแม็คสักกี่คน ที่ส่งเสริมลูกให้ช่วยเหลือเพื่อน
แม้ตัวเองจะต้องเดือดร้อนบ้าง
พ่อหรือแม่หลายคนสั่งสอนลูกว่า ไปช่วยเขาทำไม
ช่วยเขาแล้วเราลำบาก อย่าไปสนใจเขาเลย กรรมใครกรรมมัน บางคนอาจสำทับว่าการควักเนื้อตัวเองเพื่อช่วยคนอื่น เป็นความโง่ด้วยซ้ำ ทุกวันนี้เด็ก ๆ ถูกปลูกฝังให้แข่งขันกับคนอื่น เห็นคนอื่นเป็นคู่แข่ง
ถ้าใครทำดีหรือได้ดี แทนที่จะอนุโมทนา กลับรู้สึกไม่พอใจ การปลูกฝังอย่างนี้ต่างหากที่ทำให้เด็กมีคุณธรรมน้อยลง

พ่อแม่ทุกวันนี้มักบ่นว่าไม่มีเวลาอบรมลูก นั่นอาจไม่เห็นปัญหาเท่ากับการสั่งสอนลูกให้เป็นคนเห็นแก่ตัว การสั่งสอนนั้นไม่จำเป็นต้องทำด้วยการพูด แต่อาจทำด้วยการแสดงออก เช่น พฤติกรรมที่แสดงกับคนในบ้าน กับเพื่อนบ้าน กับคนแปลกหน้า

เพียงแค่ระมัดระวังตัว ไม่ไปอบรมสั่งสอนลูกให้เห็นแก่ตัวหรือนึกถึงแต่ตัวเอง พ่อแม่ก็สามารถช่วยลูกได้มาก อย่างน้อยก็อย่าไปทำลายคุณธรรมในใจของเขา ปล่อยให้คุณธรรมของเขาเติบโตตามธรรมชาติ
เพียงเท่านี้ก็เปิดโอกาสให้ลูกเติบโตเป็นคนดีได้แล้ว แต่ถ้าใครสามารถสละเวลามาอบรมบ่มเพาะคุณธรรมของลูกได้ ก็ยิ่งวิเศษ

ความประเสริฐของมนุษย์นั้นไม่ได้อยู่ที่สติปัญญา
แต่อยู่ที่คุณธรรมหรือน้ำใจ
หากไร้น้ำใจแล้ว สติปัญญานั้นอาจพามนุษย์ไปสู่หนทางอันชั่วร้าย หรือทำให้มนุษย์ตกต่ำยิ่งกว่าเดรัจฉานด้วยซ้ำ
--


ขอบคุณที่มา..ธรรมะสวัสดี..