Auschwitz : เอาชวิตซ์-โรงฆ่ามนุษย์ล้านศพ

Auschwitz : (เอาชวิตซ์)

เหตุการณ์ที่น่าสยดสยองที่สุด ในประวัติศาสตร์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อมนุษย์ถูกเพื่อนมนุษย์ด้วยกันใช้อํานาจที่เหนือกว่า จับมาสังหารหมู่ โดยมุ่งหวังจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ให้สิ้นซาก โดยมีความผิดเพียงประการเดียวคือ ไม่มีผิวสีขาว และไม่มีนัยน์ตาสีฟ้าเหมือนตนเอง จึงมีการกวาดล้างจับกุมส่งไปทําลายชีวิตทิ้ง อย่างเหี้ยมโหดไม่เว้นแม้แต่คนชราและเด็กๆ

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สั่งกวาดต้อนชนเผ่ายิวในประเทศ และในที่ต่างๆ ทั่วยุโรป จํานวน 22 ล้านคน ไปที่ค่ายกักกันเอาชวิตซ์ โดยขนไปทางรถยนต์ รถไฟ และเรือเดินสมุทร พาหนะทุกประเภทที่ขนชาวยิวไปยังค่ายแห่งนี้ จะต้องผ่านการตรวจค้นจากด่านแรก ของค่ายก่อน เรียกว่า ด่านแคนาดา ด่านนี้จะเก็บทรัพย์สินทุกอย่างของชนเผ่ายิว นับแต่กระเป๋า หีบห่อ สัมภาระ เครื่องทอง เครื่องเพชร เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายที่มีราคาทุกชิ้นจะถูกสั่ง ให้ถอดกองไว้ ไม่เว้นแม้แต่แขนเทียม ขาเทียม และรถเข็นเด็กอ่อน สิ่งของที่ยึดไว้นี้จะถูกส่ง กลับไปยังเยอรมัน เว้นแต่ทรัพย์สินที่มีค่าจะห่อส่งไปให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงต่อไป

เมื่อตรวจยึดทรัพย์สินเสร็จแล้ว ชนเผ่ายิวจะถูกสั่งให้เข้าแถวเป็นสองชุด พวกที่ค้นแล้วว่า จะต้องประหารทันที ถูกสั่งให้จัดแถวทางขวามือ ส่วนพวกที่ยังมีโอกาสรอดชีวิต ไปได้อีกระยะหนึ่ง จะถูกสั่งให้ตั้งแถวทางซ้ายแล้วเดินเข้าที่พัก หากรู้ความจริงแล้ว พวกที่โชคดีได้อยู่แถวรอดชั่วคราว คงจะอยากขอไปอยู่แถวที่ตายทันทีดีกว่า เพราะการมีชีวิตรอดนั้น น่ากลัวกว่าและทุกข์ทรมานยิ่งกว่า การตายทันทีหลายเท่านัก

ชีวิตในค่ายกักกันนั้น ลําบากยากแค้น แสนสาหัส ต้องนอนในโรงทึบๆ ไม่มีที่ระบายอากาศและ ช่องแสง ต้องนอนบนเตียงสามชั้นที่ต่อกัน เป็นแถวยาวให้นอนสลับหัว สลับเท้ากัน การถ่ายทุกข์หนักเบาของเชลย โดยนาซีได้จัดโถส้วมไว้ในโรง ที่หลับนอนนั่นเอง แต่ไม่มีการจัดระบายของโสโครกเหล่านั้น เมื่อใช้ไป อุจจาระและปัสสาวะก็จะล้นโถส้วมเจิ่งนองบนพื้นห้องส่งกลิ่นคละคลุ้งอบอวลอยู่ในนั้น

Auschwitz : (เอาชวิตซ์)


ในฤดูหนาว อุณหภูมิที่เอาชวิตซ์ลดลงเกือบถึงศูนย์องศา ชาวยิวจะถูกลอก คราบปอกเปลือกหมด ต้องทนนอนหนาวสั่นอยู่อย่างนั้นจนชินไปเอง

ถึงหน้าร้อนก็ทรมานอย่างหนักราวกับ อยู่ในเตาอบ เพราะโรงนอน 30 หลังที่เอาชวิตซ์นั้น เยอรมันไม่ยอมเจาะช่องหน้าต่าง ให้แม้แต่บานเดียวเพื่อป้องกัน การหลบหนี ซ้ำยังไม่อนุญาตให้อาบน้ำ โดยหลายๆ วันจะมีการพาไปอาบน้ำสักครั้ง ซึ่งวันที่ได้อาบน้ำจะเป็นวันที่ ผู้ถูกกักกันมีความสุขที่สุด ต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส เยอรมัน จะแบ่งผู้ถูกกักกันที่ได้อาบน้ำเป็นสองชุด คือ ชุดแรกอาบน้ำจริงๆ ส่วนชุดที่สอง “การอาบน้ำ” หมายถึงการเข้าสู่แดนประหาร

ก่อนจะเข้าห้องอาบน้ำ (ในแบบที่สอง) ก็จะต้องเข้าห้องถอดเสื้อผ้าก่อน เมื่อเข้าไปในห้องแล้วประตูจะถูกล็อกแน่นหนา จากนั้นแก๊สพิษจะถูกปล่อยเข้าไป การรมด้วยแก๊สพิษนั้นทรมานมาก เพราะจะทำให้หายใจไม่ออก กว่าจะสิ้นใจตายก็ต้องดิ้นทุรนทุรายอยู่นาน จนกว่าคนสุดท้ายจะนิ่งเงียบไป หลังจากนั้นก็นำศพซ้อนๆ กันบนรถเข็นเหล็กไปเผา
Auschwitz : (เอาชวิตซ์)


สำหรับของมีค่านั้น ถ้าเป็นทองคำ ผู้คุมต้องนำมาหลอมเป็นแท่งส่ง ให้เจ้านายชั้นสูง ส่วนผมนั้นต้องนำมาสระชำระล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง ส่งไปยังโรงงานถักเสื้อกันหนาว ชิ้นส่วนแขนขาก็ส่งให้แพทย์สนามนำ ไปต่อให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนกล้ามเนื้อศพนั้นจะถูกส่งไปยังโรงครัวเพื่อปรุงเป็นซุป และแฮมเบคอนเลี้ยงผู้ต้องขัง นานๆ ครั้งที่ผู้ถูกกักกันจะได้รับประทานซุป และแฮมกับเบคอน จึงต่างก็พากันเจริญอาหารกันทั้งค่าย ท่ามกลางอาการพะอืดพะอมของทหารควบคุมผู้รู้ความจริง

การประหารผู้ถูกกักกันนั้น บางครั้งก็ใช้แก๊สไม่ทัน เพราะต้องสังหารหมู่คราวละมากๆ เนื่องจากเกิดความจําเป็น ต้องการที่ว่างเพิ่มขึ้นเนื่องจากมียิวถูกจับกุมตัวมามาก จึงต้องประหารเพิ่ม โดยไล่ต้อนเชลยไปถอดเสื้อผ้า แล้วก็สังหารเสียด้วยปืน จากนั้นก็นำศพมาเผาบนกองฟืน

Auschwitz : (เอาชวิตซ์)

เอาชวิตซ์ถูกสร้างขึ้นโดย กองทัพนาซี ที่ใกล้เมืองเอาชวิตซินในโปแลนด์ เมื่อปี 1940 ต่อมาได้มีการขยาย ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นหลายครั้ง โดยมุ่งสังหารชนเผ่ายิวในยุโรปเป็นหลัก ตามแนวนโยบายของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่จะล้างเผ่าพันธุ์ยิวให้สิ้นซาก

ต่อมาในวันที่ 27 มกราคม 1945 กองทัพแดงของสหภาพโซเวียต ได้บุกเข้ายึด เอาชวิตซ์จากเยอรมัน เอาชวิตซ์ จึงยังหลงเหลือเป็นหลักฐานประจาน ความโหดร้ายของนาซีอยู่ต่อมาจนทุกวันนี้

27 มกราคม ปี 2005 นับได้ 60 ปีพอดี องค์การสหประชาชาติจึงได้จัดพิธี ไว้อาลัยผู้ที่เสียชีวิต จำนวนนับล้าน ที่ถูกสังหารที่ค่ายกักกันแห่งนี้เพื่อ เป็นการระลึกถึงวันครบรอบ 60 ปีแห่งการยึดเอาชวิตซ์ และปลดปล่อยเชลยชาวยิวที่รอการสังหารได้สำเร็จ

Auschwitz : (เอาชวิตซ์)


ขอบคุณ Mthai.com