กำลังแสดงผล 1 ถึง 2 จากทั้งหมด 2

หัวข้อ: กามนิต

  1. #1
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กามนิต

    กามนิต : ภาคบนดินและภาคบนสวรรค์
    พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๔๗๓
    เสฐียรโกเศศ (๒๔๓๑ - ๒๕๑๒)
    นาคะประทีป (๒๔๓๒ - ๒๔๘๘)




    กามนิต



    กามนิต


    กามนิต




    แก่นอันเป็น

    คุณค่าของเรื่องกามนิต คือ ความรัก ความทุกข์จากรักและดับทุกข์ด้วยธรรมะ นวนิยายเรื่องนี้เป็นงานโรแมนติกอันมีความลึกซึ้งรสรักทางวรรณกรรมได้เจือธรรมรสเข้าด้วยกันกลมกลืน ทรงพลัง ประทับใจ มิใช่งานประพันธ์ดาดๆ สำหรับชั่วเวลาสักระยะหนึ่ง งานวรรณกรรมเรื่องนี้จึงอยู่ในเกราะกำบังของกาลเวลา เนื่องจากความถึงพร้อมของเนื้อหาและรูปแบบศิลปะ

    ฉากแรกของกามนิต ประทับใจคนด้วยพรรณนาโวหารก่อนภาพพจน์แห่งจินตภาพดังนี้

    "ขณะที่พระองค์เสด็จมาใกล้เบญจคีรีนคร คือ ราชคฤห์ เป็นเวลาจวนสิ้นทิวาวาร แดดในยามเย็นกำลังอ่อนลงสู่สมัยโกล้วิกาล ทอแสงแผ่ซ่านไปยังสาลีเกษตร แลละลิ่วเห็นเป็นทางสว่างไปทั่วประเทศสุดสายตา ประหนึ่งมีหัตถ์ทิพย์มาปกแผ่อำนวยสวัสดี เบื้องบนมีกลุ่มเมฆเป็นคลื่นซ้อนซับสลับกันเป็นทิวแถว ต้องแสงแดดจับเป็นสีระยับวะวับแวว ประหนึ่งเอาทรายทองไปโปรยปราย เลื่อนลอยลิ่วๆ เรื่อยๆ รายลงจรดฟ้า ชาวนาและโคก็เมื่อยล้าด้วยตรากตรำทำงาน ต่างพากันเดิมดุ่มๆ เดินกลับเคหสถาน เห็นไรๆ เป็นรัศมีแห่งสีรุ้ง อันกำแพงเชิงเทินป้อมปราการที่ล้อมกรุง รวมทั้งทวารบถทางเข้านครเล่า มองดูในขณะนั้นเห็นรูปเค้าได้ชัดถนัดแจ้งดั่งว่านิรมิตไว้ มีสุมทุมพุ่มไม้ดอกออกดก โอบอ้อมล้อมแน่นเป็นขนัด ถัดไปเป็นทิวเขาสูงตระหง่าน มีสีในเวลาตะวันยอแสง ปานจะฉายไว้เพื่อแข่งกับแสงมณีวิเศษ มีบุษราคบัณฑรวรรณและก่องแก้วโกเมน แม้ร่วมกันให้พ่ายแพ้ฉะนั้น"

    ณ จุดเริ่มเรื่องที่พระบรมศาสดาพบกามนิตยังบ้านช่างปั้นหม้อ ด้วยสถานะผู้แรมทาง เป็นจุดใกล้จบชีวิตของกามนิตภาคบนดิน กามนิตแสวงหาพระศาสดา โดยยึดศรัทธาในพระองค์ ขณะที่ความปลงใจศึกษาธรรมนั้นน้อย ลักษณะดื้อรั้นเชื่อมั่นตน จึงมิได้รับรสพระธรรมที่ประทานโอวาทและไม่ทราบว่าอาคันตุกะนั้น คือ พระอรหันตสมัมาสัมพุทธเจ้าที่ใฝ่หา เรื่องราวภาคบนดินของกามนิต เริ่มจากการเล่าเรื่องถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ต่อมาเมื่อกามนิตตายลงและด้วยอำนาจ ตถาคตโพธิศรัทธา จึงไปเกิด ณ สวรรค์ชั้นสุขาวดี เป็นกามนิตภาคบนสวรรค์ ปมของเรื่องราวชีวิตหนหลังครั้งภาคพื้นดิน จึงคลี่คลายเมื่อพบกับวาสิฏฐีในสรวงสวรรค์ ธรรมะที่วาสิฏฐีสดับจากพุทธโอษฐ์ครั้งเธอยังอยู่ ในภาคบนดิน ได้ถ่ายทอดสู่กามนิตชายคนรัก กระทั่งกามนิตสามารถพิจารณาธรรมนั้น หวนระลึกพระโอวาทที่ตนได้รับโดยตรง ณ บ้างช่างปั้นหม้อ และเข้าใจธรรมอย่างรู้แจ้งถึงที่สุดแห่งทุกข์ ดับเหตุแห่งทุกข์จนเข้าถึงพระนิพพานในที่สุด

    กลวิธีการประพันธ์มีส่วนเร้าใจคนอ่านอย่างยิ่ง แม้ว่าเริ่มจากวิธีเล่าเรื่อง แต่ก็มิได้ใช้การบรรยายโวหารล้วนๆ แต่ละฉากแต่ละตอน มีตัวละครเคลื่อนไหว แสดงลีลาบทบาทและมี "ปม" เรื่อง ชวนให้ติดตามด้วยความกระหายใคร่รู้ตลอดเรื่อง กามนิตแสวงหาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อเริ่มเรื่อง เขารู้ว่ามีโอกาสสนทนาธรรมกับพระองค์เมื่อถึงตอนจบ กามนิตชายหนุ่มผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้ ความสามารถ และแคล่วคล่องว่องไวดังคำกล่าวขานว่า "ปานกามนิตหนุ่ม" แต่ทว่าคุณสมบัติต่างๆ ของเขามิได้ช่วยให้พ้นจากความตรอมตรม เพราะความดื้อรั้น และผ่อนปรนให้แก่ตน วาสิฏฐี ผู้หญิงที่เหมาะแก่การเป็นคู่ครองของกามนิตด้วยต่างมีอุดมคติ และดูเหมือนวาสิฏฐีจะมีอุดมคติยิ่งกว่ากามนิต กลับถูกพรากไปแต่งงานกับชายอื่น กามนิตยังแปรปรวนตามสถานการณ์ของการต่อสู้ภายในแห่งความใฝ่ดีกับโลกที่เป็นจริง โลกที่มีมายาการเย้ายวน

    กระนั้น วาสิฎฐีไม่วายถลำใจคิดปลงชีวิตสามี สาตาเศียรชายที่มีชื่อว่าเป็นสามีด้วยการแต่งงานวิธีคลุมถุงชน อุดมคติของเธอเข้มแข็งกว่ากามนิต ประกอบกับสถานการณ์เปลี่ยนแปรไป เมื่อองคุลีมาลผู้จะร่วมแผนฆาตกรรม ก็เปลี่ยนใจกลับความประพฤติตนภายหลังเมื่อพบพระพุทธองค์



    กามนิต



    ?โศลกรำพัน กามนิต วาสิฏฐี?(ตอนกามนิตหนุ่ม)


    ผู้ประพันธ์ วรรณ วริญญา



    มานพหนุ่ม รูปงาม ?กามนิต?
    พรหมลิขิต พาเชยชิด ?วาสิฏฐี?
    จากอุชเชนี เดินทางสู่ โกสัมพี
    ร่วมฉลอง งานเดาะคลี ฤดีดล

    สื่อประสาน สายตา เพียงคราแรก
    รักก็แทรก ซุกทรวง ทุกห้วงหน
    ก็นี่แหละ ความรัก ประจักษ์ยล
    เสน่หา ก็ร่ายมนต์ สะกดตรึง

    กามนิต ร้อนรุ่ม ดั่งสุมไฟ
    วันทั้งวัน หวั่นไหว ใฝ่คิดถึง
    ฝากกวี สื่อบทใจ หวังให้ซึ้ง
    วาสิฏฐี ชื่นรำพึง ซึ่งน้ำคำ

    สื่อสาส์นรัก ด้วยกานท์กลอน อันอ่อนหวาน
    ชื่นดวงมาน ปลาบปลื้ม แสนดื่มด่ำ
    ลิ้มรักรส ทรวงซ่าน หวานลึกล้ำ
    ทุกคืนค่ำ ลานอโศก โชคนำทาง

    สุขอื่นใด ไหนเล่า จะเท่ารัก
    ทุกข์ใดกัน จะหน่วงหนัก เท่ารักห่าง
    ระหว่างรัก เริงรื่น ชื่นไม่จาง
    ระหว่างร้าง เศร้าแสน แน่นอกตรม

    กามนิต จำใจ ต้องไกลห่าง
    วาสิฏฐี หมองหมาง นางขื่นขม
    ?สาตาเคียร? ศัตรูร้าย ทำลายล้ม
    สร้างเหตุการณ์ ตรอมตรม ระทมใจ

    มั่นสัญญา ก่อนจาก ฝากรับขวัญ
    กลับพลิกผัน เปลี่ยนแปร แก้ไม่ได้
    ออกจากกรุง โกสัมพี มิทันไร
    ถูกโจรไพร เข้าย่ำยี ?องคุลิมาล?

    ดวงยังดี ?วาชศรพ? ช่วยหนุนส่ง
    ชีพจึงคง เปล่าปลอด รอดประหาร
    กว่าจะหลุด พ้นห้วง บ่วงภัยพาล
    ก็ล่วงกาล ค่าไถ่ถอด จึงปลอดภัย

    แล้วคืนเมือง เพื่อเรื่องร้าย ได้คลายคลี่
    โกสัมพี อยากคืนหวน ทบทวนใหม่
    ถูกทักท้วง ห้ามไว้ มิให้ไป
    กามนิต วุ่นวายใจ คิดไกลลา

    เฝ้าแต่คิด ถึงครั้ง ยังชื่นรัก
    ลานอโศก ซึ้งสลัก เสน่หา
    วาสิฏฐี เคยชวนดู คู่ธารา
    ยมุนา คงคา จุฬาตรีคูณ

    ครวญหานาง ยอดดวงใจ ไห้สะอื้น
    หวั่นรักร้าง ไม่หวนคืน เป็นอื่นสูญ
    กลัวสัญญา มั่นหมาย คลายอาดูร
    รักเกื้อกูล ยังอยู่ หรือรู้คลาย

    ลานอโศก งดงาม ยามรำลึก
    แนบสำนึก ทรวงกลาง มิจางหาย
    วาสิฏฐี ถวิลนาง มิวางวาย
    ยามเดียวดาย กามนิต ครุ่นคิดครวญ

    กรรมหรือบุญ นำทาง ระหว่างภพ
    ยังไม่จบ เรื่องร้ายแรง แกล้งให้หวน
    โกสัมพี ย้อนมาพบ เพื่อทบทวน
    เพื่อโศกศัลย์ ร้าวรัญจวน ปั่นป่วนใจ

    ณ รุ่งเช้า ปลอดโปร่ง โล่งสะอาด
    สูดอากาศ ก่อนเข้ากรุง รุ่งสางใส
    โกสัมพี ณ ยามนี้ ที่กลับไป
    รอต้อนรับ หรืออย่างไร งานใหญ่โต

    คนเนืองแน่น รอบประตู ทั่วคูเมือง
    ขบวนแห่ รองเรือง เรื่องอักโข
    เฟื่องดอกไม้ ช้างม้า ทั้งวัวโค
    งานวิวาห์ ใหญ่โต ของผู้ใด

    แทบวางวาย ใจตก สะทกหนัก
    วาสิฏฐี ยอดรัก ใยผลักไส
    หลังกูบช้าง คือเจ้าสาว เจ้าบ่าวใคร
    ลูกมนตรี ยิ่งใหญ่ ?สาตาเคียร?

    ร้าววิญญาณ พิษสวาท ประหลาดร้าย
    ระกำหนัก ปางตาย มิคลายเปลี่ยน
    เช้าก็เจ็บ เย็นก็ช้ำ ซ้ำวนเวียน
    โอ้บทเรียน รักระทม ขื่นขมจริง

    วาสิฏฐี เจ้าคงลืม เคยดื่มด่ำ
    คำพรอดพร่ำ ครั้งภิรมย์ ก็จมดิ่ง
    อันดวงใจ ฝากไว้ให้ คงหน่ายทิ้ง
    รักไม่จริง ดั่งคำเอ่ย ที่เคยวอน

    ลานอโศก โยกย้อน ก็ห่อนหาย
    อยู่ก็เหมือน ตรมตาย วางวายก่อน
    จมน้ำตา เศร้าสาหัส ถูกรัดร้อน
    ด้วยไฟฟอน เสน่หา พร่าผลาญทรวง

    นี่น่ะหรือ ที่ว่ารัก มักมีทุกข์
    สุขดั่งฝัน น้อยนิด ปลิดปลิวร่วง
    วาสิฏฐี รักเจ้ายิ่ง ชีวาดวง
    สุดท้ายรัก ที่ห่วงหวง ก็ล่วงลา

    ใจสลาย เสียแล้ว แก้วชีวิต
    โกสัมพี เศร้าจิต ผิดปรารถนา
    ลับเลือนแล้ว รักเก่า เศร้าชีวา
    ร่อนน้ำตา อาลัย ไห้อาวรณ์

    กว่าจะสร่าง ซาเศร้า เฝ้าครวญหา
    บอกอำลา หนีหน้า ขอลาก่อน
    วาสิฎฐี โกสัมพี ไม่มีย้อน
    กามนิต ตัดรอน เที่ยวร่อนไป

    อานุภาพ ความรัก ประจักษ์แล้ว
    เปลี่ยนทางแนว ชีวิต จึงคิดใหม่
    ทุกแห่งหน เดินทาง อย่างว่องไว
    จนใครๆ เรียกขาน ปานกามนิต



    กามนิต


    อ้างอิง : www.oknation.net/blog/wunwarinya07



    [music]http://dc136.google.co.th/img/92433449/d17ca23/dlink__2Fdownload_2F92433449_2Fd17ca23_3Ftsid_3D20090615-172300-53285c98/preview.mp3[/music]




    [yflash]http://www.youtube.com/v/B3KuVb37W94&hl=en&fs=1[/yflash]
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  2. #2
    ละไมฝน
    Guest
    ชอบสำนวนภาษาของเรื่องนี้เป็นชีวิตจิตใจ เป็นหนังสืออ่านประกอบการเรียน อ่านอยู่หลายรอบครับ
    ฉบับพิมพ์ล่าสุดปกสวยนะ หนอนหนังสือ

    ละไมฝน

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •