"กลับบ้านแล้วเหรอครับครู" ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนถาม
ครูกำธร ห้ามล้อจักรยานและจอดไกล้ ๆ ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

"กลับแล้วครับ เป็นไงครับลุงเคน ไม่ค่อยได้เจอหน้าลุงเลยนะครับ" ครูกำธรบอก

"ครับพักหลังผมรู้สึกว่า ไม่ค่อยสะบายเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าไม่เป็นอะไรมากครับ"
ลุงเคนพูดและยิ้มที่มุมปาก เพราะความที่คุ้นเคยกันอยู่ เพราะลุงเคนเป็นมรรคธายก
ซึ่งได้พบเจอกันอยู่บ่อย ๆ ในงานมงคล หรือ ในงานวัดตามวาระ

"กลับบ้านไป แบบนี้มีใครหุงหาข้าวปลาให้หล่ะครับครู" ลุงเคนถามอย่างเป็นห่วง

"ก็ทำเองครับ"

"ตัวคนเดียว อย่างนี้ก็ลำบากหน่อยนะครับครู"

"ไม่ลำบากหรอกครับ ทำอย่างไรได้หล่ะ ผมยังหาแม่บ้านมไได้นี่นา" ครูหนุ่มบอก พลางหัวเราะในลำคอ

สิ้นเสียงประโยคนั้นของครูหนุ่ม ก็ได้ยินเสียง ถังน้ำ หล่นกระแทกพื้น ดังโครมโป๊กเป๊ง
พร้อมเสียงร้องตกใจของผู้หญิง คนที่ผ่านไปมานั้นหันกลับไปมอง เห็นเป็นสาวกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังเดินตามหลัง
ลุงเคนมาเป็นกลุ่ม คงจะได้ยินเสียงครูกำธรพูดว่า ยังไม่มีเจ้าของและอาจจะเขินอาย เลยทำให้ไม้คานหลุดออกจากบ่า
พอถูกคนหันไปมองมากก็ทำให้เจ้าหล่อนคนนั้นเขินอายหนัก เดือดร้อนให้เพิ่นสาว ๆ ที่เดินมาด้วยกัน ต้องช่วยเหลือ
หยิบกระป๋องตักน้ำสังกะสีใบเก่านั้น เพื่อแก้ความเก้อเขิน ด้วยการรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเพื่อนสาว ๆ ต่างคน
ต่างกระหยิ่มหัวเราะเบา ๆ ผ่านครูหนุ่มไป

ด้านครูกำธรเอง ก็พอจะเดาจริตของสาวชาวบ้านเหล่านั้นได้ ก็ได้แต่หันไปยิ้มกับ ลุงเคนที่ซักถามในตอนต้นอย่างนิ่ง ๆ
"สงสัยครูกำธรจะทำให้สาว ๆ พวกนั้นอายเสียแล้วกระมั้งครับ" ลุงเคนกระเซ้าเล่น

"สาว ๆ กลุ่มนั้นอาจจะสะดุดก้อนหินก็ได้ครับ" ครูกำธรอมยิ้ม

"แหม๋ ก็ครูหน่ะ หล่อเหลาแบบนี้ ผมหล่ะสงสัยว่า ครูคงจะไม่มีเมียแค่คนเดียวเสียหล่ะมั้งครับ ฮ่า ๆ "

"ตอนนี้คนเดียวก็ขอให้ได้เถิดครับ" ครูหนุ่มพูดอย่างถ่อมตน

"ครูก็เพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นานนะครับ อาจจะยังไม่คุ้นเคยหรือสังเกตุใครหรือเปล่า แต่ผมว่าอีกหน่อยเถอะ
สาว ๆ จะเข้าหาจนเลือกไม่ถูกแน่ ๆ "
ลุงเคนพูดด้วยยิ้มไปด้วย

"ไม่หรอกครับ ผมเป็นคนขี้อาย ผมก็ไม่ค่อยกล้าเข้าหาใครด้วยเหมือนกัน"

"ตอนนี้ก็อาย ๆ อีกสักพักพอคุ้นเคย รู้จักมักจี่กับคนที่นี่ดี ผมว่าครูกำธรคงจะได้เมีย ไว ๆ นี้แน่เลยครับ"
พอพูดจบทั้งผู้พูดและผู้ฟังก็หัวเราะกันอย่างคึกคัก และยิ้มหัวกันอย่างชอบอกชอบใจ

ครูกำธรพูดคุยกันได้สักพัก ก็ขอตัวกลับบ้าน และปั่นจักรยานต่อไปสักพัก ก็เจอผู้ปกครองของนักเรียน
ในชั่นที่ครูกำธรกำลังสอนอยู่พอดี

"ครูค่ะ ครูเอก จอดก่อนค่ะ จอดก่อน" ครูกำธรเลยต้องแตะเบรกและจอด ทักทายเพราะมองเห็น แม่เขียน
หาบคลอนตระกล้าผัก กล้วย เผือกอยู่อย่างนุงนัง

"เออ ผมชื่อกำธร ครับคุณแม่"

"เหรอค่ะ ฉันไม่แน่ใจหรอกค่ะ เพราะชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้หญิงจะเรียกครูว่า ครูเอก หน่ะค่ะ"

"อ้าวเหรอครับ ผมไม่ยักรู้ว่า ผมชื่อเอกไปซะแล้วเหรอครับ" ครูพูดพลางอมยิ้ม

"ก็ครูหล่อยังกะพระเอกหนัง เหมือนสรพงษ์ เชียว ชาวบ้านก็เลยเรียกครูว่า ครูเอกหล่ะค่ะ"

"ฮ่า ๆ โอโหงั้นเชียวเหรอครับ " ครูกำธร ยิ้มแบบเขิน ๆ เลยต้องหาเรื่องพูดแก้เก้อ

"เออ กลับจากนา หรือ กลับจากไร่หล่ะครับเนี่ย คุณแม่"

"กลับจากไร่หน่ะค่ะ ครู ช่วงนี้ลงมะเขือเทศ ลงพริก ลงกล้วยไว้เยอะ ไม่ค่อยได้มีเวลาไปโรงเรียน
ช่วยงานชาวบ้าน งานโรงเรียนเลยค่ะ"


"ไม่เป็นหรอกครับ ครูและนักเรียนก็ช่วย ๆ กันอยู่" ครูกำธรพูดด้วยเสียงนุ่มนวล ในแววตาออ่นโอน

"ครูค่ะไอ้นนท์มันเป็นไงบ้างที่โรงเรียน เกเรมากไม๊ค่ะ ฉันรู้สึกว่ามันไม่ค่อยอ่านหนังสือหังหาเท่าไหร่
อยู่ที่บ้านก็เล่นซุกซนน่าดูเลยค่ะ"


"ออ๋ เด็กชายนนทชัย สานสน หรือเปล่าครับ"

"จ้าครู ลูกชายคนเดียวของฉันหล่ะค่ะ มันตัวโตที่สุดในโรงเรียน แต่ขี้เกียจในโรงเรียนด้วยมั้งค่ะ"

"ออ๋ เด็กชายนนทชัย เค้าก็ช่วยเหลือการงานในโรงเรียนดี มาก ๆ เลยนะครับคุณแม่ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ
ผมว่าเค้ารับผิดชอบดีนะครับ เวลาไปไหนมาไหน กับกลุ่มนักเรียนก็ได้อาศัยเค้านี่แหละครับ ช่วยเหลือครู
และส่วนหนึ่งเค้าก็ยังช่วยเหลือน้อง ๆ รุ่นเล็ก ๆ แทนครูได้นะครับ"


"เหรอค่ะ" แม่ได้ฟังก็รู้สึกปลื้มยิ้มแก้มปริทีเดียว

"เออ ถ้ามันไม่ยอมฟังครู หรือมันเกเรกะเพี่อน ครูตีมันได้เลยนะค่ะ คิดซะว่ามันเป็นลูกครูหน่ะแหละ
ฉันจะไม่ว่าอะไรเลย"


"ครับคุณแม่ ถ้าดื้อก็ต้องตี แต่เด็กชายนนท์ เค้าก็ฟังความดีครับ"

"ฝากด้วยนะค่ะ ฉันอยากให้มันเรียนดี ๆ จะได้ส่งเสียให้เต็มที่อยากให้เป็นครู เหมือนครูเอกหน่ะค่ะ มันจะได้
ไม่ต้องมาเป็นชาวนา ชาวไรเหมือนอิฉัน นี่ก็เร่งผัก เร่งกล้วยไว้หลายแปลงช่วงจะเข้าหน้าฝน กลัวจะไม่ทันหา
เงินหาทองไว้หน่ะครู"


"ดีแล้วครับ ผมจะพยายามดูเด็กชายนนท์ให้นะครับไม่ต้องห่วง"

"ขอบคุณมาก ๆ ค่ะครู ออ้ ฉันเพิ่งเก็บผัก เก็บกล้วยมาใหม่ ๆ และนี่ก็มะเขือ ดอกหอม ยอดกระเทียม มะเขือเทศ
ครูแบ่งเอาไปกินที่บ้านบ้างเถอะค่ะ "

ครูกำธร ปฎิเสธด้วยความเกรงใจ

"ที่บ้านหน่ะ มีกินตลอดไม่เคยขาดหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะห่อใบตองให้ครู เก็บเอาไว้ทำอาหารกินแล้วกันนะค่ะ
กล้วยงาม งาม กับถั่วฝักยาวเนี่ยก็กำลังสวย ยังไงก็เอาไปไว้ทานกับน้ำพริก ก็อร่อย กล้วยนี่อย่าลืมเอาไปบ่มก่อนนะค่ะ
ไส่ไว้ในตุ่ม เอาถุงหรืออะไรคลุมไว้ให้แน่น เออ..อย่าลืมเอาถ่านแกส ทิ้งไว้ใต้ตุ่มก่อนหล่ะค่ะ ไม่หลายวันก็สุก หอมกินได้หล่ะ
แต่ถ้าครูปล่อยไว้ให้สุกธรรมชาติก็สาม สี่วันหล่ะค่ะ"


แม่เขียนดูยินดีที่จะบอกรายละเอียด และแนะนำวิธีบ่มกล้วย ที่นางหาบมานั้นจนเสร็จสรรพ พูดไปพลางห่อใบตองไป
พริกขี้หนูสวน มะเขือ ถั่วฝักยาว ต้นหอม และกล้วยอีกสองหวี มัดด้วยเชือกกล้วยที่นางตัดมาจนแน่น แล้วเอามัดไว้ที่หน้า
รถจักยานของครูกำธร

ครูกำธรกล่าวขอบอกขอบใจใหญ่ ชาวบ้านเองก็ดูเหมือนจะมีความสุข ที่ได้แบ่งบันข้าวของ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หาได้
ผักผลไม้ เล็ก ๆ น้อย ๆ หรือสิ่งของต่าง ๆ ครูหนุ่มได้นำกลับไปกินที่บ้าน มันคือน้ำใจ ที่ชาวบ้านโพนสิม จน ๆ

จากชาวไร่ ชาวนามอบให้เป็นสินน้ำใจ ชุดยุนิฟอร์มสีกากี ที่มีดีกรีของคำว่า "ครูบาอาจารย์" ช่างเป็นชุดที่มีเกียรติ
อย่างมากที่ผู้สวมไส่ได้รับ มันบ่งบอกถึงสถานะที่งดงาม และน่าเชิดชู อย่างยิ่งสำหรับผู้สวมไส่

เย็นวันนั้นครูหนุ่มขี่จักรยานกลับบ้านไม่ไหว ต้องเดินจูงจักรยานกลับแทน เพราะบนจักรยานนั้นบรรทุกทั้ง ข้าวสาร
ผลไม้ ผัก ปลาเต็มไปหมด ทั้งกล้วย มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว สายบัว มะเขือ พริก และปลาช่อนสองสามตัว อยู่คนเดียว
ข้าวของเยอะขนาดนี้ ก็คงไม่มีเวลาปรุงอาหารกินจนหมดแน่ ที่เหลือเก็บไว้กินวันอื่น ๆ เงินทองก็แทบไม่ต้องใช้เลย

ครูกำธรมองดูบรรยากาศของชาวบ้านหมู่บ้านโพนสิม อย่างมีความสุข อบอุ่น แต่พอสาวน้อย สาวใหญ่เดินหาบน้ำ
มาจากบ่อน้ำแล้ว ครูหนุ่มต้องรีบละสายตาออก หันไปกระวี กระวาดกวาดพื้นบ้านด้วยความประหม่าและแก้เก้อ

แต่หัวใจของครูกำธรก็ยังเต้นแรง ในวัยหนุ่มแน่นอย่างนี้ครูหนุ่ม ก็คิดว่าน่าจะมีแม่บ้านสักคนมาดูแลตัวเอง หน้าที่
การงานของครูกำธรช่วงนี้ ช่างเยอะแยะเหลือเกิน ทั้งเรื่องเตรียมการสอน ช่วยครูใหญ่ในฐานะผู้ช่วยครูใหญ่

ออกประชุม เพราะช่วงปีพุทธศักราช 2522 ทางราชการดูจะเข้มงวดและตระหนึกเรื่องระเบียบวินัย พร้อมทั้ง
การเรียนการสอนของครูเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงนั้นการพัฒนาสาธารณูปโภค ทุกอย่างยังขาดแคลนอย่างเหลือ
เกินสำหรับชนบท จึงไม่เพียงแต่ครูเท่านั้นที่ต้องทำการบ้านอย่างหนักไม่แพ้กับนักเรียน ว่าจะพัฒนาศักยภาพ

ทั้งตัวครูเอง และตัวนักเรียน และโรงเรียนไปในทิศทางใด ด้วยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จึงได้เสมือนเครื่องช่วยชะลอ
ความคิดที่จะแต่งงานไว้ ครูกำธรนิ่งและครุ่นคิด บอกตัวเองเพียงแค่ว่า ไม่นานหรอกเราคงมีภรรยา พอจะช่วยเหลือ
งานบ้าน และระบบการดำรงชีพคงจะดีขึ้นได้

จากนั้นเอง ก็ได้หวนนึกถึง "เพียงใจ" คนที่เคยเป็นผู้คอยดูแล ห่วงใย ในช่วงสมัยที่ยังเรียนหนังสือด้วยกัน และ
ยังเป็นผู้ช่วยอยู่ข้าง ๆ กาย ยามมีปัญหาต่าง ๆ ในห้วงเวลาที่เป็นครูฝึกสอนอยู่ด้วยกัน