หงส์นำก่อนโดนสิงห์รัวแซง 3-1 อิวาโนวิชโขกเบิ้ล-ดร็อกซัดด้วย
หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เริ่มต้นเหมือนฝันเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ยิงให้ทีมนำตั้งแต่ต้นเกมแต่สุดท้ายกลับเป็นฝันร้ายเพราะโดนกองหลังตัว ประกอบอย่าง บรานิสวลาฟ อิวาโนวิช โขก 2 ลูก ก่อนที่ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา จะยิงปิดท้ายให้บุกไปเผาแอนฟิลด์ 3-1
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (8 เม.ย.52)
ลิเวอร์พูล 1-3 เชลซี
สนาม : แอนฟิลด์
ประตู : 1-0 เฟร์นานโด ตอร์เรส น.6, 1-1 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช น.39, 1-2 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช น.62, 1-3 ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา น.67
คู่รักคู่แค้นที่ผูกดวงกันมาตลอดในหลายปีหลังกลับมาเจอกันอีกครั้ง เป็นปีที่ 5 ติดต่อกันในแชมเปี้ยนส์ ลีก โดย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้เป็นเจ้าบ้านก่อนบ้างเหมือนปีกลายที่พลาดท่าเสียที "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เป็นครั้งแรกในรอบตัดเชือก
นัดนี้ทั้งสองทีมใส่ผู้เล่นชุด ใหญ่ลงมาเต็มๆทั้งคู่ ขาดแค่เพียงไม่กี่รายเท่านั้น ซึ่งเปิดเกมมาไม่นาน หงส์แดง ทักทายได้หวาดเสียวทันที เมื่อได้เตะมุมเชลซี สกัดออกมาไม่พ้นอันตราย เคาท์ เก็บบอลได้ก่อนจะวอลเล่ย์ด้วยขวาเน้นๆ ลูกไปแฉลบหัวของอิวาโนวิช หลุดกรอบไปหวุดหวิด
ออกตัวสวยแบบนี้ลิ เวอร์พูล เดินหน้าบุกต่อเนื่องทันที และในที่สุดก็มาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในจังหวะเซ็ตบอลต่อเนื่อง เคาท์ ตอกส้นต่อให้อาร์เบลัว เติมขึ้นมาได้พอดีก่อนจะเปิดเข้ามาให้ ตอร์เรส ยืนโล่งๆตวัดยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้น หงส์แดงตีปีก 1-0 แค่ 6 นาที
แต่ เชลซี ก็เกือบจะได้คืนเร็วเหมือนกันเมื่อ ออเรลิโอ พลาดเสียบอลโดนเอสเซียง ฉกเอาไปก่อนในแดนตัวเอง ก่อนที่จะจ่ายต่อให้ ดร็อกบา หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษได้ดวลกับเรน่า แต่ยิงไปติดนายทวารชาวสเปนอย่างน่าเสียดาย
จากนั้น ทีมเยือนพยายามจะเปิดเกมสู้ โดยเน้นไปที่การป้วนเปี้ยนในเขตโทษของลิเวอร์พูล รวมถึงพยายามจะเรียกฟรีคิกระยะอันตราย 20-30 หลาได้ 2-3 ที เพียงแต่ก็ยังไม่ได้ผลมากนัก
ช่วงนี้เชลซี เริ่มจะมีจังหวะประสานงานกันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และทำได้ใกล้เคียงมากขึ้นในจังหวะที กาลู ต่อบอลให้ ดร็อกบา แทงเร็วต่อให้มาลูด้า เติมเข้ามาในเขตโทษก่อนจะกดเรียดด้วยซ้ายลูกเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว
แต่ ลิเวอร์พูล ไม่ยอมโดนกดดันนาน ความขยันของตอร์เรส เกือบจะช่วยทีมอีกครั้งเมื่อไปฉกเอาบอลจากเท้าของแลมพาร์ด ก่อนจะลากบอลจี้ไปหน้าเขตโทษ แลมพาร์ด พยายามจะเบียดแย่งคืน ตอร์เรส ข้ามบอลหลอกก่อนจะปั่นโค้งกะให้เสียบสามเหลี่ยมแต่บอลหลุดกรอบออกไปแบบได้ ลุ้น
ทว่าไม่กี่อึดใจต่อมา เชลซี ทำได้ใกล้เคียงอีกครั้งง เมื่อบัลลัค ได้บอลที่ระยะ 30 หลาก่อนจะเหลือบเห็นดร็อกบา ยืนโล่งในเขตโทษ เลือกตวัดส่งเร็วได้เหมาะเจาะ แต่หัวหอกผิวสีที่เล่นงาน คาร์ราเกอร์ จนรวนกลับซัดข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่เกี่ยวบอลได้สุดยอดแล้ว
เกม เปิดแลกกันอย่างเร้าใจต่างฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่ว่าถึงนาทีที่ 39 เชลซี ก็มาตีเสมอได้จากลูกเตะมุม มาลูด้า เปิดเข้ามาที่เสาแรกถึงอิวาโนวิช ที่วิ่งหนีตัวประกบมาเป็นพรวนก่อนจะโขกที่เสาแรกเข้าไปให้สกอร์กลับมาเจ๊า กัน 1-1 แถมเป็นประตูแรกให้เชลซี ของกองหลังเซิร์บด้วย
แต่นาทีต่อ มา เดิร์ค เคาท์ เกือบจะทำให้เจ้าบ้านนำอีกครั้ง เมื่อได้จังหวะจิ้มบอลหลบก่อนแอชลี่ย์ โคล ก่อนจะหลุดไปดวลเดี่ยวกับเช็ก ในเขตโทษแต่ว่าโดนซูเปอร์เซฟเอาไว้ได้ ก่อนที่จะยื้อกันไปจนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าวแบบสุดมัน
ครึ่ง หลังกลับมาลุยกันใหม่ ลิเวอร์พูล พยายามเร่งเกมแต่ต้นเหมือนเดิม ซึ่งก็มีจังหวะขอทักก่อนจากเจอร์ราร์ด ที่ลากตัดจากซ้ายเข้ามาก่อนซัดไกล 30 หลาบอลออกไปไกล แต่กลับเกือบมาโดนทีเด็ดของดร็อกบา เล่นงานอีกครั้ง เมื่อดาวยิงไอวอรี่โคสต์ ได้บอลหลุดเข้าเขตโทษก่อนจะยิงหนีเรน่า ได้แล้วบอลกำลังจะกลิ้งเข้าประตูแต่ก็มาโดนคาร์ราเกอร์ ตามมาสกัดบนเส้น
แต่ ตอร์เรส ก็มีโอกาสเหมือนกัน เมื่อลิเวอร์พูล ประสานงานกันได้สวยเริ่มจากตอร์เรส โขกต่อให้ริเอร่า เปิดให้เจอร์ราร์ด โขกทำชิ่งต่อให้ตอร์เรส หลุดเข้าไปในเขตแต่ครั้งนี้ซัดด้วยซ้ายแต่ข้ามคานออกไปเยอะ
จากนั้น เกมผ่อนคลายความตื่นเต้นลงเล็กน้อยในเรื่องของการลุ้นประตูแต่ก็เกือบจะมา เดือดเอาในจังหวะที่ เทอร์รี่ พยายามตามไปเข้าชาร์จเรน่า ที่รับบอลได้แล้วจนร่วงไปกองทั้งสองคน แต่สุดท้ายก็เล่นต่อไหว ทว่าเจที เจอแจ็คพอตเต็มๆเพราะโดนใบเหลืองทำให้นัดหน้าลงไม่ได้
แต่ว่าหลัง จากนั้น เชลซี ก็มาแซงนำในนาทีที่ 62 จากลูกเตะมุมเหมือนเดิมและเป็นคนเดิมอย่าง อิวาโนวิช ที่โขกลูกเปิดจากแลมพาร์ดแบบโล่งๆเข้าไป ให้ทีมเยือนแซงนำด้วยสกอร์สุดล้ำค่า 2-1 ที่จะทำให้ได้เปรียบมหาศาลในเกมที่สอง
หงส์เจอหมัดนี้เข้าถึงกับเมา หมัด และจากนั้นก็มาโดนประตูที่ 3 อีกในนาทีที่ 67 จากจังหวะที่มาลูด้า วิ่งทะลุกับดักล้ำหน้าก่อนจะตัดสินใจเปิดเร็วทันที และเป็นดร็อกบา ที่เข้าฮอสได้อย่างสุดยอด แทบจะจองตั๋วเข้ารอบตัดเชือกได้แล้ว
ช่วง เวลาที่เหลือ ลิเวอร์พูล พยายามจะแก้ลำเอาคืนให้ได้บ้างแต่ก็สู้เชลซี ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมละเอียดทุกจุดไม่ไหว สุดท้ายก็พ่ายไปตามระเบียบ ต้องไปรอปาฏิหารย์นัดที่สองที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่เชลซี ได้เปรียบเยอะเพราะจะตกรอบก็ต่อเมื่อแพ้ขาดถึง 3-0 เท่านั้น
รายชื่อผู้เล่น
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ชาบี้ อลอนโซ่, ลูคัส, เดิร์ค เคาท์, อัลเบิร์ต ริเอร่า, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เฟร์นานโด ตอร์เรส
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, มิชาแอล เอสเซียง, มิชาเอล บัลลัค, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ซาโลมง กาลู, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, ฟลอร็องต์ มาลูด้า
บาร์ซ่าสมราคา ไล่ถล่มพี่เสือ 4-0
บาร์ เซโลน่า ฟอร์มเทวดาสมราคาแชมป์ หลังเปิดบ้านไล่ถลุงบาเยิร์น มิวนิค แทบกลับเยอรมันไม่ถูกด้วยสกอร์ 4-0 โดยได้ประตูจากครึ่งแรกทั้งหมด แถม ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงตัวเก่งรับเหมา คนเดียวสอง บวกด้วยประตูของซามูเอล เอโต้ และเธียร์รี่ อองรี ที่ยิงกันถ้วนหน้า
บาร์เซโลน่า (สเปน) 4 - 0 บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมันนี)
บาร์ เซโลน่า เปิดรังกัมป์ นู รับการมาเยือนของบาเยิร์น มิวนิค มหาอำนาจจากเยอรมัน โดยเกมนี้เจ้าถิ่นส่งชุดใหญ่ลงแบบเต็มสูบ แนวรับได้การ์เลส ปูโยล กัปตันทีมหายกลับมาช่วยทีมด้วย ขณะที่แดนหน้านำมาโดย 3 ประสาน ลิโอเนล เมสซี่, ซามูเอล เอโต้ และเธียร์รี่ อองรี
ขณะที่เสือใต้มีการปรับทัพเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมนี้ โดยใช้แผน 4-5-1 อัดกลางแน่น แดนหน้าทิ้งลูกา โทนี่ เป็นหอกเดี่ยว ขณะที่ตำแหน่งนายทวารให้จอมเก๋า ฮันส์ ยอร์ค บุตต์ ลงมาเฝ้าเสาแทนมิชาเอล เรนซิ่ง มือหนึ่งที่ฟอร์มหลุดเสีย 5 ประตูในเกมพ่ายโวล์ฟสบวร์กหมาดๆ 1-5 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
เปิดฉากครึ่งแรกท่ามกลางฝนโปรยปราย แต่ทีมเลือดหมูน้ำเงินก็เกือบจะได้ประตูนำตั้งแต่นาทีที่ 6 เมื่อ ชาบี เอร์นันเดซแตะบอลให้อองรี หลุดเข้าไปในเขตโทษทางฝั่งขวาแล้วยิงมุมแคบ แต่มาร์ติน เดมิเคลิส ยืนเฝ้าปากประตูสกัดไว้ได้เส้นยาแดงผ่าแปด
และบาร์ซ่าที่บุกต่อเนื่องก็ได้ประตูนำ 1-0 จนได้ในนาทีที่ 9 จากจังหวะต่อบอลกันสวย ชาบีไหลเข้ากลางให้ เอโต้ ที่ยืนตรงกรอบเขตโทษสลัดหนีเบรโน่ กองหลังเสือใต้แล้วไหลไปทางขวาให้เมสซี่ หลุดเดี่ยวเข้าไปแปด้วยซ้ายนิ่มๆ ไม่มีพลาด
นาทีที่ 12 บาร์ซ่าหนีห่างไป 2-0 แล้ว เมื่อเมสซี่พาบอลตะลุยขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนแทงบอลทะลุช่องให้เอโต้ หลุดเดี่ยวไปยิงผ่านมือบุตต์เข้าไปไม่มีเหลือ โดยจากภาพช้านั้น ก้ำกึ่งว่าน่าจะเป็นจังหวะล้ำหน้า
พี่เสือร้อนรนจะพังประตูึคืนโดยเร็ว ทำให้เกมยังขาดๆ เกินๆ โดนแนวรับเจ้าถิ่นจัดการได้หมด
ถัดมานาทีที่ 17 เมสซี่หลุดเดี่ยวเข้าไป แล้วโดนคริสเตียน เลลล์ กองหลังพี่เสือขวางจนล้มลง แต่กรรมการนอกจากจะไม่ให้จุดโทษแล้ว ยังแจกใบเหลืองแก่หัวหอกอาร์เจนไตน์อย่างค้านสายตาแฟนบอล และทำเอากุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาละวาดอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นพี่เสือก็พยายามจะเจาะขึ้นไปกดดันบ้าง แต่ก็โดนบาร์ซ่าโต้กลับอีกในนาทีที่33 ซึ่งดานี่ อัลเวสได้ยิง แต่ก็หลุดกรอบไปนิดเดียว
แต่นาทีที่ 38 บาร์ซ่าก็นำโด่ง 3-0 จนได้ เมื่ออองรีลากขึ้นไปจนเกือบถึงเส้นหลัง ก่อนเปิดย้อนมาหน้าประตูให้เมสซี่ ฝ่าดง 4 กองหลังเสือใต้ สอดขึ้นมาชาร์จจ่อๆ เข้าไปไม่พลาด เป็นประตูที่สองของหัวหอกอาร์เจนไตน์ในเกมนี้ด้วย
แนวรับของพี่เสือเปื่อยยุ่ย นาทีที่ 43 ก็โดนเจาะเพิ่มเป็น 4-0 เมื่อเมสซี่แตะให้เอโต้ที่หน้ากรอบ โดนกองหลังทีมเยือนสกัด แต่บอลกลับไปเข้าทางอองรีที่ยืนโล่งๆ ในเขตโทษทางฝั่งซ้าย รับส้มหล่นยิงเข้าไป และในจังหวะนี้้เมสซี่ลงไปนอน แต่ก็กลับมาเล่นต่อได้
จากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม ทำให้จบครึ่งแรก บาเยิร์น มิวนิค ตามหลังบาร์เซโลน่า เต็งแชมป์รายการนี้อยู่ถึง 0-4
ครึ่งหลังเกมเริ่มเนือยลงไป นาทีที่ 56 ลูกา โทนี่ หลุดขึ้นมายิง แต่ก็ไม่ผ่านมือบิคตอร์ บัลเดส นายทวารเจ้าถิ่น
ทีมเลือดหมูน้ำเงินก็ยังมาได้ลุ้นเพิ่มในนาทีที่ 59 เมื่อเมสซี่ ได้โอกาสสับไกอีกครั้งในเขตโทษ แต่ก็โดนบุตต์ปัดออกไปได้หวุดหวิด
พี่เสือพยายามจะยิงตีไข่แตกให้ได้ นาทีที่ 70 เซ โรแบร์โต้ ยิงไกล แต่ก็โดนแนวรับเจ้าบ้านสกัดออกไป
แต่อีก 8 นาทีต่อมา อันเดรส อิเนียสต้า ได้วางเท้ายิงที่ตรงกรอบเขตโทษ แต่ส่งบอลออกข้างไปไม่กี่เซนฯ เท่านั้น
ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นแค่ครองเกมเอาไว้ ทำให้ครบ 90 นาที บาร์เซโลน่าไล่ต้อนบาเยิร์น มิวนิคไปแบบสบายเท้า 4-0 มีโอกาสสูงมากที่จะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาร์เซโลน่า : บิคตอร์ บัลเดส, ดาเนี่ยล อัลเวส, ราฟาเอล มาร์เกซ, เคราร์ด ปีเก้, การ์เลส ปูโยล, ชาบี เอร์นันเดซ, ยาย่า ตูเร่, อันเดรส อิเนียสต้า, ลิโอเนล เมสซี่, ซามูเอล เอโต้, เธียร์รี่ อองรี
บาเยิร์น มิวนิค : ฮันส์ ยอร์ค บุตต์, มัสซิโม่ อ๊อดโด้, มาร์ติน เดมิเคลิส, เบรโน่, คริสเตียน เลลล์, ฮามิต อัลตินท็อป, บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์, มาร์ค ฟาน บอมเมล, เซ โรแบร์โต้, ฟร้องค์ ริเบรี่, ลูกา โทนี่
Bookmarks