เมียกัด 'จู๋ผัว'ร่องแร่ง [9 เม.ย. 52 - 03:32]


เรื่องราวของผัวเจ้าชู้พลาดท่าโดนเมียกัดเจ้าโลกหวิดขาด หลังรับไม่ได้แอบเป็นกิ๊กกับน้องสาวตัวเองรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 เม.ย. พ.ต.ท.ธนกฤต ลาภอิทธิสันต์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเมียใช้ปากกัดอวัยวะเพศสามีหวิด ขาด เหตุเกิดที่ห้องเช่าชิตอนงค์ ริมถนนสุขุมวิท หมู่ 10 พัทยาใต้ ต.หนองปรือ จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบร่างนายเนตร (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด นอนหงายเปลือยกายร้องโอดโอยอยู่ในห้อง ที่อวัยวะเพศถูกกัดหวิดขาด เลือดไหลเต็มโคนขาทั้ง 2 ข้าง

นอกจากนี้ยังพบนางจิ๋ว (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ภรรยาของนายเนตรซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างสามี ในสภาพสวมชุดคลุมสีชมพู ริมฝีปากเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด จึงคุมตัวมาสอบสวน จากนั้นรีบพานายเนตร ส่งโรงพยาบาลบางละมุงเพื่อให้แพทย์ทำการรักษาบาดแผลเบื้องต้นพบปลายอวัยวะเพศถูกกัดหวิดขาด แพทย์ได้ทำแผลและเย็บถึง 7 เข็ม และสั่งให้นอนรอดูอาการ เนื่องจากลักษณะบาดแผลที่เกิดจากคมเขี้ยวเป็นรอยช้ำและอาจติดเชื้อจากฟันได้ โดยคาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 14 วัน หากไม่มีอาการแผลติดเชื้อก็จะหายเป็นปกติและใช้การได้เหมือนเดิม

นางจิ๋วเมียนายเนตรให้การว่า มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายส้มตำ ส่วนสาเหตุที่ใช้ปากกัดเจ้าโลกสามีก็เพราะทนพฤติกรรมของนายเนตรผัวจอมเจ้าชู้ไม่ไหว โดยก่อนหน้านี้สามีแอบไปมีกิ๊กกับหญิงอื่นๆ ตนก็ไม่เคยว่าเพราะไม่อยากมีปัญหา แต่ที่รับไม่ได้และยอมไม่ได้เด็ดขาดก็คือ นายเนตรผัวตัวเองดันไปมีกิ๊กกับน้องสาวของตน ซึ่งมีสามีอยู่แล้วและยังพักอยู่ห้องเช่าที่เดียวกันอีกด้วย ก่อนเกิดเหตุได้วางแผนแก้แค้นสามีด้วยการไปซื้อมีดโกนเอาไว้ตัดอวัยวะเพศสามี โดยนำมาซ่อนไว้ใต้หมอน แต่ผัวเกิดจับได้เอาไปโยนทิ้งเสียก่อน





นางจิ๋วให้การอีกว่า กระทั่งอยู่ในห้องสามีขอร่วมหลับนอนด้วย และบอกให้ใช้ปากอมนกเขาก่อนมีเพศสัมพันธ์ เลยสบโอกาสใช้ปากกัดอวัยวะเพศอย่างแรงจนหวิดขาดเพื่อเป็นการแก้เผ็ดสามีจอมเจ้าชู้ จะได้เข็ดหลาบ และหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินหาเงินใช้หนี้สินที่มีอยู่ 6 หมื่นบาท ทำให้นายเนตรถึงกับร้องด้วยความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันจนในที่สุดได้ข้อสรุปว่า ทั้งคู่จะขอแยกทางกัน แต่จะไม่เอาความผิดซึ่งกันและกัน พนักงานสอบสวนจึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน






ไทยรัฐออนไลน์