ดาวหาง (Comet)
ดาวหางไม่ใช่ดาวตก ไม่ใช่ผีพุ่งไต้ ดาวหางวัตถุชนิดหนึ่งในระบบสุริยะ มีส่วนที่ระเหิดเป็นไอ เมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ทำให้เกิดชั้นฝุ่นและก๊าซที่ฝ้ามัวล้อมรอบและทอดเหยียดออกไปภายนอกจนดูเหมือนหาง ดาวหาง หรือคำว่า Comets ในภาษาอังกฤษนั้นมีรากศัพท์เป็น ภาษากรีก หมายถึง ดาวที่มีเส้นผมหรือมีหนวด เป็นเทหวัตถุบนท้องฟ้า ที่มีมวล น้อยมาก ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุริยะ โดยมีวงโคจร ระหว่าง ดาวเคราะห์ และเคลื่อนอยู่รอบดวงอาทิตย์เป็นวงรีมาก รูปร่างและ ความสว่าง ของดาวหาง แต่ละดวงจะแตกต่างไปตามระยะทางที่มัน อยู่ห่างไกล จากดวงอาทิตย์
ดาวหางประกอบด้วยสามส่วนใหญ่ ๆ คือดาวหางประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ ใจกลางหัว หรือ นิวเคลียส (Nucleus) หัว หรือ โคมา (Coma) และหาง (tail) นิวเคลียสของดาวหางเป็น "ก้อนน้ำแข็งสกปรก" ประกอบด้วยน้ำแข็ง คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน แอมโมเนีย และมีฝุ่นกับหินแข็งปะปนอยู่ด้วยกัน
เมื่อดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะ ให้น้ำแข็งระเหิดเป็นไอ และปล่อยก๊าซออกมาเกาะกลุ่มเป็นทรงกลมขนาดมหึมาล้อมรอบนิวเคลียส เรียกว่า โคม่า โคม่าอาจมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึงหลายล้านกิโลเมตรก็ได้
จากการศึกษาดาวหางในย่านความถี่อัลตราไวโอเลต พบว่า มีชั้นของไฮโดรเจน ห่อหุ้มดาวหางอีกชั้นหนึ่ง ไฮโดรเจนเหล่านี้เกิดจากไอน้ำที่แตกตัวอันเนื่องมาจากรังสีจากดวงอาทิตย์ ก๊าซและฝุ่นพุ่งเป็นลำออกจากนิวเคลียสในด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ หลังจากนั้นจะถูกลมสุริยะพัดให้ปลิวออกไปทางด้านหลัง
หางของดาวหางยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ หางก๊าซ หรือ หางพลาสมา หรือ หางอิออน ประกอบด้วยอิออนและโมเลกุลที่ส่องสว่างโดยการเรืองแสง ถูกผลักออกไปโดยสนามแม่เหล็กในลมสุริยะ ดังนั้นความผันแปรของลมสุริยะจึงมีผลต่อการเปลี่ยนรูปร่างของหางก๊าซด้วย หางก๊าซจะอยู่ในระนาบวงโคจรของดาวหาง และชี้ไปในทิศเกือบตรงข้ามดวงอาทิตย์พอดี หางอีกชนิดหนึ่งคือ หางฝุ่น ประกอบด้วยฝุ่นหรืออนุภาคอื่น ๆ ที่เป็นกลางทางไฟฟ้า ถูกผลักออกจากดาวหางด้วยแรงดันของรังสีในขณะที่ดาวหางใกล้ดวงอาทิตย์ หางของมันอาจยาวได้ถึงหลายร้อยล้านกิโลเมตร
ดาวหาง (Comet)เป็นวัตถุในท้องฟ้าที่ไม่มีแสงในตัวเองประกอบด้วยฝุ่นผง ก้อนนำแข็งและก๊าซแข็งตัว และจะเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์เป็นรูปวงรีมาก ขณะที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์จะไม่มีหาง ไม่มีแสงสว่าง เมื่อ โคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ พลังงานทั้งในรูปความร้อนและลมสุริยะ (อนุภาคมีประจุจะถูกปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยโปรตอนและอิเล็คตรอน) ทำให้นำแข็งกลายเป็นไอ ดาวหางจะขยายตัวใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น และพลังงานดังกล่าวจะผลักดันให้หางพุ่งในทิศตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ส่วนหางจะมีทั้งที่เป็นฝุ่น ก๊าซและโมเลกุลที่มีประจุไฟฟ้า
ดาวหางแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1.Periodical Comets คือ ดาวหางที่มีวงโคจรแน่นอน เช่นดาวหางฮัลเลย์จะมาปรากฏให้เห็นทุกๆ 76 ปี
2.Non-Periodical Comets คือดาวหางที่มีวงโคจรที่ไม่แน่นอน
ข้อสันนิษฐานการเกิดดาวหางมี 3 ทฤษฎีด้วยกัน คือ
ทฤษฎีแรก ดาวหางเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟบนดาวเคราะห์
ทฤษฎีที่สอง ดาวหางมีจุดกำเนิดมาจากฝุ่นละอองในอากาศ
ทฤษฎีสุดท้าย กล่าวว่า ดาวหางเกิดขึ้นในระบบสุริยะเหมือนดาวเคราะห์อื่นๆ
ความรู้เกี่ยวเกี่ยวกับดาวหาง
ดาวหางฮัลเลย์ (Halley) โคจรเข้ามาใกล้โลกมากที่สุดประมาณวันที่ 12-15 พฤษภาคม 1988 และวงโคจรของดาวหางนี้จะเข้ามาใกล้โลกทุกๆ 76ปี แสดงว่า เราจะเห็นดาวหางฮัลเลย์อีกครั้งในปี ค.ศ.2064
ดาวหาง Shoemaker - Levy 9 ชนดาวพฤหัสบดี เมื่อวันทื่ 18 กรกฎาคม 1988 ค้นพบโดย Carolyn Shoemaker ชาวอเมริกัน
ดาวหาง Hale-Bopp ซึ่งค้นพบโดย Alan Hales และ Thomas Bopp ชาวอเมริกันได้ชื่อว่า เป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสว่างที่สุด เข้ามาใกล้โลกที่สุดระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.2538
ดาวหางที่จะมีส่วนประกอบของดาวหางแยกออกมาเป็น 3 ส่วน ซึ่งประกอบด้วยที่เป็นไอออนมีสีส้ม ส่วนที่เป็นโซเดียมมีสีเหลือง และส่วนที่เป็นฝุ่นผงมีสีเขียว
Bookmarks