แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ อดีตนักมวยดัง เสียชีวิตแล้ว

[แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ อดีตนักมวยดัง เสียชีวิตแล้ว




แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ สิ้นใจสงบ รดน้ำศพพรุ่งนี้ ศาลา 3 วัดตรีทศเทพ (ข่าวสด)


เมื่อวันที่ 16 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ อดีตแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลต์เวต WBC วัย 57 ปี ซึ่งเข้ารับการผ่าตัด ที่โรงพยาบาลราชวิถี โดยอาการลำไส้ฉีกขาดมาเป็นเวลานาน และมีอาการหายใจไม่สะดวก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ที่ผ่านมา หลังจากติดเชื้อในกระแสโลหิต โดยนายแพทย์ธีระชัย อุกิจมโนรส กล่าวว่าหลังจากการผ่าตัด อาการของแสนศักดิ์ทรุดหนักลง ความดันโลหิตลดต่ำจนน่าเป็นห่วง ทางคณะแพทย์จึงผ่าตัดอีกครั้ง เพื่อให้ขับถ่ายทางช่องหน้าท้องโดยนำลำไส้ใหญ่ออกมาต่อท่อเพื่อให้อุจจาระโดยตรง และในวันนี้สัญญาณชีพของแสนศักดิ์ก็ค่อยๆแผ่วลง และสิ้นใจอย่างสงบในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุที่ลำไส้ฉีกขาดเป็นเวลานานนั้นเกิดจากการการที่แสนศักดิ์มีอาการท้องผูกจึงต้องใช้วิธีการถ่ายที่ไม่ถูกต้องตามหลักทางการแพทย์ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้

ทั้งนี้ ญาติจะร่างของแสนศักดิ์ ไปบำเพ็ญกุศลที่ ศาลา 3 วัดตรีทศเทพ และจะมีพิธีรดน้ำศพในวันพร่งนี้ (17 เมษายน) เวลา 17.00 น.

สำหรับประวัติของแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มีชื่อจริงว่า บุญส่ง มั่นศรี เกิดวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2495 เป็นชาวบ้านสะเดียง อ.เมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นนักมวยที่มีช่วงแขนยาวกว่าปกติ และมีหมัดซ้ายหนักโดยธรรมชาติ นับเป็นแชมป์โลกชาวไทยคนที่ 5 และเป็นนักมวยแชมป์โลกรุ่นใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา นอกจากนี้แสนศักดิ์ยังเป็นเจ้าของสถิติโลก ที่ชกมวยสากลเพียง 3 ครั้งก็ได้ครองตำแหน่งแชมป์โลกอีกด้วย

ก่อนจะมาชกมวยสากล เคยชกมวยไทยครั้งแรกๆ ใช้ชื่อว่า "แสนแสบ เพชรเจริญ" หรือ "แสบทรวง เพชรเจริญ" เมื่อเข้ามาในกรุงเทพมหานครได้อยู่กับค่าย "เมืองสุรินทร์" ของ "จอมตบ" สนอง รักวานิช และต่อมาเป็นนักมวยไทยชื่อดังในขณะนั้น เคยปะทะฝีมือกับยอดมวยไทยร่วมสมัยหลายคน เช่น ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์, พุฒ ล้อเหล็ก, คงเดช ลูกบางปลาสร้อย, ผุดผาดน้อย วรวุฒิ เป็นต้น และเคยเป็นแชมป์มวยไทยรุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวท (140 ปอนด์) ของเวทีลุมพินี เคยชกมวยสากลสมัครเล่นในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 7 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยชนะน็อกรวดทุกครั้ง จนได้ครองเหรียญทอง

จากการที่ชกสากลชนะน็อกรวดอย่างนี้ ทำให้ "พญาอินทรี" เทียมบุญ อินทรบุตร วางแผนร่วมกับสนอง รักวานิช ให้แสนศักดิ์ชกเพียง 3 ครั้งได้เป็นแชมป์โลก เพราะมั่นใจในพลังหมัด เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหมัดซ้าย ที่เรียกกันว่า "บันได 3 ขั้น" ซึ่งสถิติการชกเพียงระยะสั้นแค่นี้ กลายเป็นสถิติโลกมาจนปัจจุบัน แสนศักดิ์ได้แชมป์โลกในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท สภามวยโลก (WBC) ในการชกครั้งที่ 3 โดยชนะน็อก เปริโก้ เฟอร์นันเดซ นักมวยชาวสเปนในปี พ.ศ. 2518 แต่แสนศักดิ์ป้องกันตำแหน่งแชมป์ไว้ได้เพียงครั้งเดียว โดยการเอาชนะน็อก เท็ตสุโอะ ไลอ้อน ฟูรูยาม่า นักมวยชาวญี่ปุ่นเท่านั้น จากนั้นได้ไปป้องกันตำแหน่งกับ มิเกล เวลาสเควซ นักมวยชาวสเปน ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน แสนศักดิ์ถูกจับแพ้ฟาล์วในยกที่ 4 เนื่องจากไปชกเวลาเควซล้มลงในช่วงระฆังตีบอกยกหมดเวลา เสียแชมป์โลกทันที ฝ่ายไทยพยายามประท้วงแต่ก็ไม่เป็นผล

อีก 4 เดือนต่อมา แสนศักดิ์จึงได้โอกาสแก้มือที่ประเทศสเปนอีกครั้ง คราวนี้ แสนศักดิ์เป็นฝ่ายชนะน็อกไปเพียงแค่ยกที่ 2 ได้กลับมาเป็นแชมป์โลกในสมัยที่ 2 จากนั้น แสนศักดิ์ได้ป้องกันตำแหน่งไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง และบางครั้งเป็นไฟต์แห่งความทรงจำที่ยังคงตรึงใจแฟนมวยอยู่จนทุกวันนี้ เช่น ชนะน็อก มอนโร บรู๊คส์ นักมวยชาวอเมริกันไปอย่างสุดมัน ในยกที่ 15 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ชนะคะแนน ซาอูล แมมบี้ นักมวยชาวอเมริกันอีกคนที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น

แสนศักดิ์ เสียแชมป์โลกในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 8 ของสมัยที่ 2 กับ คิม ซาง ฮัน นักมวยชาวเกาหลีใต้ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2521 ถึงกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ถิ่นของผู้ท้าชิงเอง โดยแพ้น็อกไปในยกที่ 13 เนื่องจากสภาพร่างกายของแสนศักดิ์ไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า และสายตาก็เริ่มมีปัญหา จากนั้นแสนศักดิ์ได้ไปชกนอกรอบที่ประเทศฟิลิปปินส์ก็แพ้นักมวยเจ้าถิ่นอีก และอีก 3 เดือนต่อมา ก็บินไปชกที่สหรัฐอเมริกากับ โธมัส เฮิร์นส์ ซึ่งเป็นดาวรุ่งในขณะนั้น ซึ่งแสนศักดิ์ไม่อาจสู้อะไรเฮิร์นส์ได้เลย เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปในยกที่ 3 แสนศักดิ์ชกมวยครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2524 ที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยเป็นโปรโมเตอร์จัดการแข่งขันเอง โดยเป็นการชิงแชมป์ภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF) กับนักมวยชาวเกาหลีใต้ แต่ก็แพ้คะแนนขาดลอยอีก จึงต้องแขวนนวมไปในที่สุด

ชีวิตครอบครัวสมรสกับภรรยาคนแรก คือ "ปริม ประภาพร" ดาราสาวดาวยั่วชื่อดังในสมัยนั้น และมีลูกชาย ชื่อ "เกรียงศักดิ์" ซึ่งแสนศักดิ์เป็นคนตั้งเอง โดยให้ตรงกับชื่อนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์) และมีชื่อเล่นว่า "คิง"

แต่ปัจจุบัน แสนศักดิ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก ต้องรอรับเงินช่วยเหลือจากสภามวยโลก (WBC) เดือนละ 200 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,000 บาท) เพราะนับจากเสียแชมป์โลกครั้งสุดท้ายไปแล้ว เงินทองที่เคยมีอยู่นับ 10 ล้านที่เคยเก็บหอมรอบริบจากการชกมวยก็ร่อยหรอ ผู้จัดการที่ปลุกปั้นมา คือ "สนอง รักวานิช" ก็เสียชีวิต กลุ่มผู้สนับสนุนก็ทยอย จากไป หนำซ้ำยังโดนหลอกจากเพื่อนฝูงและคนรู้จัก รวมถึงคนในวงการมวยด้วย การชกครั้งท้ายๆ ของแสนศักดิ์ เจ้าตัวถึงขนาดลงทุนเป็นโปรโมเตอร์เอง ซึ่งก็ขาดทุนอีก เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร ที่เพชรบูรณ์ บ้านเกิด ก็ไม่ได้รับเลือก

ปัจจุบัน ตาข้างขวาของแสนศักดิ์บอดสนิท ส่วนตาข้างซ้ายได้รับการผ่าตัดจนมองเห็นได้ ได้รับความช่วยเหลือจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเดือนละ 7,000 บาท และจากสภามวยโลกอีกเดือนละ 9,000 บาท อาศัยอยู่กับนางศศวรรณ ภรรยาคู่ชีวิต และด.ญ.ปานวาด มั่นศรี บุตรสาวบุญธรรม วัย 13 ปี ที่ดินแดง กรุงเทพฯ



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ อดีตนักมวยดัง เสียชีวิตแล้ว