ความเป็นพระ
ความเป็นพระ คือจิตพราก จากกิเลส
รู้สังเกต ไม่ประมาท ฉลาดเฉลียว
สำรวมระวัง รักษาใจ ไปท่าเดียว
เพื่อหลีกเลี้ยว ภัยทั้งสาม ไม่ตามตอม
จากเรื่องกิน เรื่องกาม และเรื่องเกียรติ
เห็นเสนียด ในร้อนเย็น ทั้งเหม็นหอม
ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ไม่ออมชอม
กิเลสล้อม ลวงเท่าไร ไม่หลงลม
จิตสะอาด ใจสว่าง มโนสงบ
ทั้งครันครบ กายวจี ที่เหมาะสม
ความเป็นพระ จึงชนะ เหนืออารมณ์
โลกนิยม กระหยิ่มใจ จึงไหว้แล ฯ
เป็นพระบ้าน
เป็นพระบ้าน นั้นเห็นว่า ภาระมาก
ต้องเป็นครก เป็นสาก กันเต็มที่
หนอนสังคม มีมา ทั้งตาปี
ช่างเหลือที่ จะเป่าปัด ขจัดมัน ฯ
ฉันทนเป็น พระบ้าน มานานแล้ว
ถ้าคิดไป ใจแป้ว ไม่สุขสันติ์
มีแต่งาน เตี้ยต่ำ, ทำตะบัน
ก็ไม่เห็น มีวัน จะหมดไป ฯ
เป็นพระเถื่อน
เป็นพระเถื่อน เหมือนนก วิหคหงษ์
ย่อมบินตรง ไปได้ ทิศไหนไหน
เป็นอิสระ อยากจะผละ สังคมใด
ก็ผละได้ ทันใจ ไม่อัดแอ ฯ
เอ็นดูฉัน ขอให้ฉัน เป็นพระเถื่อน
มีหมู่ไม้ เป็นเพื่อน ทุกกระแส
มดแมลง แสดงธรรม อยู่จำเจ
ไพเราะแท้ ไม่มีเบื่อ เหลือกล่าวเอย ฯ
เป็นพระป่า
เป็นพระป่า สงบกว่า เป็นพระเมือง
ไม่มีเรื่อง แบกพรรค แบกศักดิ์ศรี
ไม่ต้องสวม หน้ากาก ผู้มากดี
มันเกิดฟรี ขึ้นมาเอง เก่งในตัวฯ
จะนั่งนอน ยืนเดิน ไม่เขินขัด
ไม่มีใคร คอยวัด ว่าดีชั่ว
ไม่มีเรื่อง ยั่วเย้า ให้เมามัว
จึงเย็นตัว เย็นใจ ไม่ขึ้นลง ฯ
เป็นพระเมือง
เป็นพระเมือง เรื่องมาก ด้วยอยากเด่น
ต้องเขม่น กันไป จนใหลหลง
ต้องแบกทรัพย์ แบกศักดิ์ แบกพรรคพงศ์
เพื่อการเมือง เรื่องณรงค์ ด้วยจงใจ
งานใต้ดิน ใต้น้ำ ก็ทำเป็น
ถึงฆ่าเข่น กันพินาศ ไม่หวาดไหว
คอยแข่งกัน มิให้ใคร ดีกว่าใคร
ไม่เย็นใจ เย็นตัว มัวขึ้นลง ฯ
เป็นหลวงตา เป็นหลวงตา สนุกกว่า เป็นเจ้าคุณ
เหมือนความว่าง ดีกว่าบุญ เป็นไหนๆ
ไม่ปรุงแต่ง สังขาร ประการใด
ล้วนเป็นไป สงบเย็น เป็นนิพพาน
บุญเป็นเรื่อง สวยงาม กิน-กาม-เกียรติ
แต่ไม่มี ใครเกลียด ทุกสถาน
ส่วนความว่าง ว่างเสียจน คนกลัวลาน
เขาเกลียดกัน ขันจ้าน เป็นหลวงตา ฯ
เป็นเจ้าคุณ
เป็นเจ้าคุณ เขาว่าบุญ ใหญ่หลวงนัก
พากันปัก ใจใคร่ ใฝ่ฝันหา
ฉันฉุกใจ ในยุค พระศาสดา
เป็นเจ้าคุณ กันหรือหนา ท่าไหนกัน
พัดใบตาล ยังไม่มี นี่พัดยศ
นิตยภัตต์ มีหมด กระโถนขัน
สัญญาบัตร ไตรประทาน งานสำคัญ
ฉลองกัน หรูหรา จนบ้าใจ ฯ
ปุถุชน
หนาด้วยความ เห็นแก่ตัว มัวยึดมั่น
ว่าตัวฉัน ของฉัน มัวมั่นหมาย
เป็นตัวตน นอกใน ใจหรือกาย
ตั้งแต่เกิด จนตาย ไว้เป็นตัว
ด้วยอำนาจ อวิชชา ดังตาบอด
เกิดขึ้นสอด ไปทุกกาล สถานทั่ว
ต้องหลงรัก หลงโศก เกิดโรคกลัว
เป็นไฟคั่ว ใจกาย ให้ร้อนรน
อย่างนี้แล เวียนว่าย ในวัฏฏทุกข์
ไม่เยือกเย็น เป็นสุข สักเส้นขน
เห็นตัวทุกข์ ว่าเป็น ตนของตน
นี่แหละหนา ปุถุชน คนหนาจริง ฯ
อรหันต์
อรหันต์ นั้นคือถูก ถึงที่สุด
ทางวิมุตติ จากทุกข์ ทุกสาขา
ถึงความเต็ม แห่งมนุษย์ สุดพรรณนา
ควรแก่การ วันทา ยิ่งกว่าใคร,
ท่านหักแล้ว ซึ่งวง แห่งวัฏฏ์วน
ไม่มีตน เวียนว่าย ในภพไหน
เหนือบุญ-บาป ชั่ว-ดี มีแต่ใจ
ที่ว่างไป จากตัวกู และของกู
จิตหลุดจาก ทุกอย่าง ที่เคยติด
ไม่มีพิษ มีภัย อะไรอยู่
เหนือความเกิด ความตาย ใคร่ครวญดู
จะได้รู้ พระนิพพาน เหมือนท่านแล
โพธิสัตว์
โพธิสัตว์ คือสัตว์มุ่ง พัฒนา
ให้โพธิ แผ่แก่กล้า เต็มความหมาย
ดูให้ดี มีอยู่จริง ทั้งหญิงชาย
ดูงมงาย จะไม่มี ที่ไหนเลย
ถ้าทุกคน ดิ้นรน เพื่อโพธิ
มันค่อยผลิ ออกไป ไม่หยุดเฉย
ถ้ามัวแต่ ร้องว่าแย่ ยอมแพ้เว้ย
ในโลกเลย ไม่มี โพธิชน
อย่ายอมแพ้ มุ่งแต่ ปลูกโพธิ
ให้เต็มสติ กำลัง หวังเอาผล
ไม่เสียที ที่ได้เกิด มาเป็นคน
ได้ผ่านพ้น อวิชชา เพราะกล้าทำ ฯ
Bookmarks