สาส์นของดอกทานตะวัน
สัญลักษณ์อัศจรรย์แห่งสันติภาพ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว โลกยังสวยงามกว่าที่เป็นอยู่วันนี้มากนัก ห้วงน้ำยังบริสุทธิ์และลึกล้ำ สะท้อนแสงตะวันอยู่ในตัว ให้ชีวิตแก่ทุกสิ่งสรรค์ได้เกลียวคลื่น โลกยังเขียวขจีด้วยไม้ใหญ่และพืชพรรณหลากชนิด ไม้ใหญ่และพืชพรรณเหล่านี้ให้อาหารและที่พักพิงแก่นก สัตว์และมนุษยชาติทั้งมวล ตกกลางคืนอากาศก็แจ่มใส ขนาดที่แสงดาวสว่างเรืองโรจน์แทบเทียมดวงจันทร์ ผู้คนของโลกยังอยู่อาศัยใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ พวกเขาเข้าใจและให้เกียรติธรรมชาติและไม่เคยเอาจากธรรมชาติมากกว่าที่จำเป็นผู้คนอยู่อาศัยใช้ชีวิตอย่างสันติ พวกเขาจึงรุ่งเรืองและเริ่มสร้างประเทศชาติขึ้นทั่วโลกตามภูมิอากาศของธรรมชาติ
แต่แล้ววันหนึ่งสิ่งร้ายกาจก็อุบัติขึ้น จิตวิญญาณอันผิดแปลกแห่งความโลภได้เข้าสู่หัวใจของมวลมนุษย์ ผู้คนเริ่มจะอิจฉาริษยากันเอง และก็ไม่พึงพอใจกับสิ่งดี ๆ ทั้งมวลที่ตนมีอยู่แล้ว ประเทศชาติต้องการทุกสิ่งมากขึ้นและมากยิ่งขึ้นที่ดินมากขึ้นอีก น้ำมากขึ้นอีก ทรัพยากรมากขึ้นอีก พวกเขาบีบคั้นแร่ธาตุอันมีค่าจากโลก และสร้างอาวุธอันขนพองสยองเกล้าเพื่อป้องกันชาติจากชาติอื่น ๆ ที่ตะกละตะกลามยิ่งกว่า พวกเขาฆ่าฟันกันเอง พวกเขาทำให้อากาศและน้ำแปดเปื้อนด้วยมลพิษ ธรรมชาติเริ่มจะตายลง สงครามทรามมันทำลายความรักกับความหวังและสันติภาพ
จากนั้นวันหนึ่งก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้น มวลหมู่นกแห่งอากาศ สรรพสัตว์แห่งผืนดิน และสรรพชีวิตได้น้ำก็มาตกลงกัน ถ้าพวกตนจะมีชีวิตอยู่รอดได้แล้ว คงจะต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อหยุดสงครามเหล่านี้ ด้วยสันติภาพเท่านั้น โลกของตนจึงจะอยู่รอดได้
เราพูดภาษาคนไม่ได้ พวกเขาประกาศ และมนุษย์ก็ไม่สามารถจะเข้าใจเราได้อีกแล้ว จะต้องหาสัญลักษณ์แห่งสันติภาพในหมู่เรา สัญลักษณ์อันสุกใสขนาดว่าทุกคนที่เห็นนั้นจะหยุดและจดจำว่า สันติภาพและการแบ่งปันนั้นสวยงาม
ฉันคือสิ่งที่เธอต้องการ ดอกทานตะวันสีทองกล่าว ฉันตัวสูงและสว่างสดใส ใบของฉันเป็นอาหารให้สรรพสัตว์ กลีบดอกสีเหลืองของฉันย้อมผ้าสีพื้น ๆ ให้เป็นสีทอง เมล็ดพันธุ์ของฉันมีมากมายและเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ยิ่งกว่านั้น เมล็ดพันธุ์ของฉันที่ร่วงลงดินก็จะหยั่งรากได้ และฉันก็จะเจริญเติบโตขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันสามารถจะเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพได้
ธรรมชาติทั้งมวลแซ่ซ้องยินดี และตัดสินใจให้นกแต่ละตัวคาบเมล็ดทานตะวัน และบินไปทั่วทุกประเทศ และปลูกเมล็ดทานตะวันนั้นลงในดินให้เป็นของขวัญ บรรดาเมล็ดทานตะวันหยั่งรากและเจริญเติบโต ดอกทานตะวันก็ทวีคูณ
ไม่ว่าหนแห่งใดที่ดอกทานตะวันเติบโตขึ้น หนแห่งนั้นประหนึ่งว่าจะส่งแสงเรืองสีทองเป็นพิเศษในอากาศ ผู้คนไม่สามารถจะเมินเฉยต่อสิ่งที่เห็นอันอัศจรรย์เช่นนี้ได้
ในไม่ช้า ผู้คนก็เริ่มจะเข้าใจสาส์นของดอกทานตะวันพวกเขาจึงตัดสินใจทำลายอาวุธอันขนพองสยองเกล้าของตนทั้งหมด และตัดสินใจจบความตะกละตะกลามและความกลัวต่อสงคราม พวกเขาเลือกดอกทานตะวันเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและชีวิตใหม่ สำหรับทั้งโลกที่จะตระหนักสำนึกและเข้าใจ
มีพิธีการเฉลิมฉลองด้วยการปลูกดอกทานตะวันทั้งท้องทุ่ง ศิลปินเขียนภาพดอกทานตะวัน นักประพันธ์เขียนเกี่ยวกับดอกทานตะวัน และขอให้ผู้คนของโลกปลูกเมล็ดทานตะวันเป็นสัญลักษณ์แห่งการจดจำ
ธรรมชาติทั้งมวลแซ่ซ้องยินดีอีกครั้งหนึ่งขณะที่ดอกทานตะวันสีทองยืนต้นสูง หันดวงหน้าไปทางทิศตะวันออกสู่อรุณรุ่ง จากนั้นก็หันตามตะวันไปกระทั่งตกดินในทิศตะวันตก
ดอกทานตะวันให้สิ่งดี ๆ แก่โลก เพื่อว่าทุกผู้คนที่เห็นดอกทานตะวันจะรู้ว่าแสงทองแห่งสันติภาพนั้นสวยงาม
[fm]http://www.hotlinkfiles.com/files/1892937_r3uky/0001NairoinaliphEaggaphon_1.swf[/fm]
Bookmarks