ท้าวคำสอน ...เ ฮ็ ด ไ ด้ บ่

แปลซอยจักหน่อยหนึ่งค่ะ
ใครจะเป็นเมียพี่ต้องปฏิบัติดังนี้

-ต้องยำเกรงสามี

-ก่อนนอนต้องจัดเตรียมที่นอนให้เรียบร้อย

-ห้ามวางหัวเสมอพี่เวลานอน

(ต้องวางตัวต่ำกว่าสามี)

-ตื่นแต่เช้าปัดกวาดบ้านให้เรียบร้อย

-เตรียมน้ำพร้อมผ้าให้พี่ด้วย

-กินข้าวต้องให้พี่กินก่อน 3 คำน้องค่อยกินได้

-ต้องดูแลพี่ห้ามขาดตกบกพร่อง

-คืนวันศิล(วันพระ) ต้องเตรียมดอกไม้

มาขอขมาพี่

-ห้ามขึ้นเสียงกับพี่

-ต้องพูดจาอ่อนหวานน่าฟัง

-ห้ามพูดคำหยาบกับพี่

-ให้รักพี่คนเดียว

-นานไปหากพี่อยากได้เมียเพิ่มสักสองคน

สามคน ก็ห้ามขัดใจ

-ทำได้ดังนี้เราก็จะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า



พอท้าวกล่าวจบ ก็ต้องวิ่งหนีแทบไม่ทัน

(ภาษาอีสานเรียกว่า ฟ้าวเปิดอาดลาด)

เพราะสาวๆต่างพากันร้องยี้ (บ่แม่นยี้ห้อยเด้อค่ะ)

พร้อมกับไล่ตะเพิด ...เสียงดังระงม...

.

.



ต้องขออภัยด้วยค่ะ ที่เล่าไม่จบ (แก้ไขเพิ่มเมื่อ 29 มค. 53)

ท้าวคำสอนตอนเด็กเป็นคนยากจนมากค่ะ
กำพร้าตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
จึงไปอาศัยอยู่กับพระที่วัด
เป็นพระอาจารย์ที่เก่งมากด้วยค่ะ
สุดท้ายท้าวก็ร่ำรวยมหาศาล
จากความสามารถของตัวเอง
ไม่ใช่รวยเพราะแต่งกับลูกสาวเศษฐี

ท้าวคำสอนเป็นคนดี ขยันหมั่นเพียร
กตัญญู มีศิลธรรม และได้รับการอบรมอย่างดีจากพระ
การศึกษาพระก็เป็นคนถ่ายทอดให้

ดังนั้นหากใครอยากให้ภรรยา
ปฏิบัติต่อตัวเองเหมือนที่ท้าวคำสอนต้องการ
ก็คงต้องยกระดับตัวเองให้เท่าท้าวคำสอนด้วย(ความเห็นส่วนตัวค่ะ)

ถึงท้าวจะร่ำรวยก็ยังคงมีเมียคนเดียวค่ะ
รักเดียวใจเดียว
ไม่ได้มีเมียเพิ่มแต่อย่างใด

ดังนี้ ข้อสุดท้ายที่ท้าวถามว่า
หากภายภาคหน้าบุญพาวาสนาส่ง
ร่ำรวยขึ้นมา ท้าวอยากได้เมียเพิ่ม
สักสองคนสามคนก็ห้ามขัดใจนั้น

น่าจะเป็นแค่ อุบายที่หลอกถามฝ่ายหญิง
เพื่อทดสอบความใจกว้างของอีกฝ่าย
มากกว่าค่ะ