กำลังแสดงผล 1 ถึง 7 จากทั้งหมด 7

หัวข้อ: มัมมี่พระญี่ปุ่น

  1. #1
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ อิ่มอัมพร
    วันที่สมัคร
    Mar 2009
    ที่อยู่
    ทุ่งครุ
    กระทู้
    255

    มัมมี่พระญี่ปุ่น

    เป็นหนึ่งในการบำเพ็ญเพียร เป็นที่สุดแห่งการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น (ตามความเชื่อของนิกายของพวกเขา) แนวทางของพระเหล่านี้มุ่งเน้นที่การหลุดพ้น โดยการทรมานตนเองอย่างยิ่งยวด และมีความเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า เมื่อพระพุทธเจ้าเสร็จกลับมายังโลกอีกครั้ง พระที่เป็นมัมมี่จะฟื้นคืนชีพมารับเสร็จได้อีกครั้ง (ปลายศตวรรษที่ 19 รัฐบาลญี่ปุ่นถือว่า การทำมัมมี่ตัวเองเป็นเรื่องผิดกฎหมาย)


    มัมมี่พระญี่ปุ่น



    หัวข้อ

    วิธีปฏิบัติเพื่อเป็นมัมมี่

    ขั้นตอนที่หนึ่ง ผู้ปฏิบัติจะเริ่มต้นด้วยการงดอาหารพวกเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ แล้วเขากินอะไรกันก็กิน เช่น เมล็ดพืชต่างๆในป่าที่ปฎิบัติ พร้อมทั้งมีการฝึกกายต่าง ๆ อย่างเช่น บำเพ็ญเพียรในน้ำตกที่หนาวเย็น (อาจเคยเห็นในหนังกัน) เป็นเวลา 1000 วัน

    มัมมี่พระญี่ปุ่น

    รูปชุดเครื่องแต่งกายพระขณะฝึกตนในป่า


    ขั้นที่สอง ผู้ปฎิบัติจะหยุดกินเมล็ดพืช แต่จะกินเฉพาะเปลือกต้นสน และรากต้นสน และจะหยุดการฝึกตนในป่า แต่จะมาปฏิบัิติธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐาน เข้าฌาน เป็นเวลา 1000 วัน มีการกล่าวว่าในช่วงท้ายของการปฎิบัติ พระจะมีรูปร่างคล้ายโครงกระดูกเดินได้ และเมื่อลงไปอาบน้ำตัวจะลอยน้ำ เหล่าลูกศิษย์ต้องคอยกดให้ตัวจมน้ำเพื่อให้สามารถอาบน้ำได้ ในช่วงวันท้ายของการปฏิบัติในช่วงที่สองนี้ พระจะต้องฉันชาชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมของน้ำเลี้ยงต้น Urushi (จะมีลักษณะเป็นน้ำยางสีแดงเลือดนกเข้ม ชาวญี่ปุ่นมักนำ้ไปเคลือบถ้วยชาม)

    มัมมี่พระญี่ปุ่น


    แบบร่างสุสานใต้ดินที่พระใช้เก็บตัวในวาระสุดท้าย

    และในวันสุดท้ายจะดื่มชาอีกชนิดที่มีส่วนผสมของเกลือจากน้ำพุร้อนศักดิ์สิทธิ์ (จากการวิเคราะห์ เกลือนี้พบว่ามีสารหนูประกอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งว่า ทำไมพระเหล่านี้ถึงตายแล้วไม่เน่าเปื่อยได้ในประเทศที่มีภูิมิอากาศร้อนชื้น ซึ่งไม่อำนวยต่อการรักษาสภาพศพเช่นนี้ โดยน้ำชาจากต้น Urushi จะไปเคลือบกระเพาะ และลำไส้ และสารหนูซึ่งร่างกายไม่สามารถขับออกจากร่างกายจะไปสะสมตามส่วนต่างของร่าง กาย และหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของการเน่า)


    มัมมี่พระญี่ปุ่น


    ขั้นที่สาม หลังจากดื่มชาผสมเกลือจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ก็จะไปนั่งในสุสานใต้ดินขนาดใหญ่พอดีแค่นั่งได้ แล้วฝังทั้งเป็น โดยมีเพียงท่อไม้ไผ่ต่อขึ้นมาบนผิวดินเพื่อเป็นท่อหายใจ โดยพระในสุสานจะคอยสั่นกระดิ่งวันละครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่ (มีคำกล่าวอ้างว่ามีพระบางรูปสามารถมีชีวิตอยู่ในสุสานใต้ดินได้ถึง 13 วัน) หลังจากวันสิ้นเสียงกระดิ่งวันสุดท้าย (คือมรณภาพแล้ว) จะเก็บศพไว้อีกเป็นเวลา 1000 วันใต้ดิน หลังจากนั้นจะขุดศพขึ้นมา ซึ่งศพเหล่านี้จะได้รับการแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายของพระชั้นสูง และได้รับการเคารพบูชาอย่างสูง

    สุดท้ายในความคิดของผม ผมคิดว่าพระเหล่านี้ กล่าวได้ว่าค้นพบความเป็นอมตะ อันมีผลมาจากความเพียรพยายามของพวกท่าน มัมมี่พระญี่ปุ่น มัมมี่ที่ผู้ตายเป็นคนทำ


    มัมมี่พระญี่ปุ่น


    มัมมี่พระญี่ปุ่น




    ขอบคุณภาพและข้อมูลดีๆ จาก
    wowboom: Mummies of Japan

  2. #2
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
    วันที่สมัคร
    Jul 2008
    กระทู้
    641

    Re: มัมมี่พระญี่ปุ่น

    สำหรับผมแล้ว นิกายทางไทยเฮาดีที่สุดแล้วละครับ เมืองไทยเฮานิสิธรรมดาบอ เกจิอาจารย์มีหลายคนแล้ว

  3. #3
    มิสบ้านมหา 2010
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ เขมราฐ
    วันที่สมัคร
    Sep 2008
    ที่อยู่
    กลางท่งเมืองเขมฯ
    กระทู้
    1,946

    Re: มัมมี่พระญี่ปุ่น

    Re: มัมมี่พระญี่ปุ่นRe: มัมมี่พระญี่ปุ่น โ๊อ๊ะโอ๋...มนุษย์ต่างแสวงหาการหลุดพ้น เป็นกิเลสอย่างหนึ่งเนาะค่ะ

    เพราะมีความอยาก อยากหลุดพ้นนั่นเอง Re: มัมมี่พระญี่ปุ่น

  4. #4
    ชูชาติ
    Guest

    Re: มัมมี่พระญี่ปุ่น

    งึดแฮงหลาย คือทรมาน ตัวเจ้าของได่ถึงขนาดนี่

  5. #5
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา สัญลักษณ์ของ sompoi
    วันที่สมัคร
    Mar 2007
    ที่อยู่
    japan
    กระทู้
    5,708
    บล็อก
    23

    Re: มัมมี่พระญี่ปุ่น

    บ่อเข้าใจควมคึดคนทางพี้สำได๋คือกันค่ะ ว่าเป็นหยังต้องเฮ็ดขนาดนั้น..แต่ว่าคั่นเรื่องความมุ่งมั่นแล้วนับถือเพิ่นอิหลี..มีสองเรื่องที่ขะน้อยทึ่งอิหลีในคนประเทศนี้จ้า..

    ๑. กับเรื่องของพิธีฮาราคิริ ..ทางเพิ่นสิถือว่า เป็นการตายอย่างสวยงาม และมีเกียรติสูงส่ง ควมผิดพลาดทั้งหลายสิถืกลบล้างไปได่เลยค่ะ ..เพราะถือว่าเป็นการแสดงควมจริงใจที่สิรับผิดชอบในส่วนควมผิด หรือพลาดทั้งเหมิดทั้งมวลที่ตัวเองมีส่วน.

    ( พิธี ฮาราคิริ กะคือ การฆ่าตัวตาย โดยการ ใช้มีดแทงตัวเองที่ท้องด้านซ้าย แล้วกะคว้านมีดมาทางขวาให้ตัดลำไส้ ..คั่นเฮ็ดโดยลำพัง บ่มีคนตัดศรีษะให้นำ หลังจากคว้านท้องแล้ว สิตายด้วยควมทรมานมาก ..แต่พิธีฮาราคิริ ..หากบ่มีคนตัดศรีษะให้นำสิถือว่าบ่ค่อยสำบูรณ์ พะนะ ..เพิ่นว่าให้ฟังจ้า..ส่วนมากสิเป็นพวกซามูไร หือแม่ทัพนายกอง ขุนนางต่างๆ หือแม้กะทั่งบุคคลทั่วไปกะมี เช่น สาวงามโจโจ้ซัง ที่เฮาเคยฟังในเพลงในตำนานที่มีใจรักเดียวน่ะล่ะจ้า..)

    ๒. ฝูงบินกามิกาเซ่ ท้าวควมมาแต่ตอนสมัยญี่ปุนทำสงครามทางนํากับมองโกล โดยมองโกลเป็นฝ่ายยกทัพเรือมาอย่างใหญ่ ญี่ปุ่นเกือยสิแพ้แล้ว ด้วยฝูงเรือที่มาหนาตาเต็มน่านนํา แต่ว่าเกิดพายุทะเลมาอย่างแรง ล้มเรือรบของทางมองโกลจมหายไปเกือบเหมิด ทำให้ญี่ปุ่นผลิกสถานการณ์ เป็นผู่ชนะในครั้งนั้น ชาวญี่ปุ่นเลยถือพายุครั้งนั้นว่าเป็นเทพแห่งพายุที่คอยปกปักรักษาประเทศของตน และเป็นเทพลมทางทะเลของญี่ปุ่นค่ะ (สรุปชื่อกามิกาเซ่ คือชื่อเทพแห่งพายุ ว่าซั่นเถาะจ้า แต่จั่งได๋คือมาอยู่ในแก้ว ในเหยือกหน่อทีหลังนิ อิอิ)

    ..กลับมาที่เรื่องต่อค่ะ..อิอิ ..พอมาคราวสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นกะใกล้สิแพ้สงครามกับฝ่ายอเมริกาแล้ว สถานการณ์เดียวกันกับคราวรบกับมองโกล นายทัพใหญ่เลยมีความคึดเฮ็ดจั่งได๋สิปลุกระดมให้หน่วยรบมีขวัญกำลังใจ เลยตั้งฝูงบินที่ชื่อกามิกาเซ่ขึ้นมา ทำหน้าที่คือ ต้องขับเครื่องบินพร้อมละเบิดพุ่งชนคู่ต่อสู้ สรุปคือสละชีพไปด้วย ฝูงเรือใหญ่ๆ หือแม้แต่เครื่องบินนำกันของอเมริกา คั่นเห็นฝูงบินนี้ยังพากันย่านเลย..คำว่ากามิกาเซ่เลยดังมาตั้งแต่บัดนั้น. เพราะคำว่ากามิกาเซ่คือเทพแห่งการปกปักรักษานิล่ะจ้า ทำให้อเมริกาต้องตัดสินใจใช้วิธีวางระเบิดปรมณูอย่างเดียวเลยน่ะล่ะ..งึดเนาะพี่น้อง..
    มองต่าง..อย่างปลง

  6. #6
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ ฅนทุ่งฝน
    วันที่สมัคร
    Feb 2009
    ที่อยู่
    TAIWAN
    กระทู้
    185

    Re: มัมมี่พระญี่ปุ่น

    Re: มัมมี่พระญี่ปุ่น

  7. #7
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ COLLETTE
    วันที่สมัคร
    May 2009
    กระทู้
    113
    สิดายเน๊าะจ้าบ่เห็นรูป

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •