กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: เรื่องเล่าจากในวัง

  1. #1
    ฅนเมืองชน
    Guest

    เรื่องเล่าจากในวัง

    เรื่องเล่าจากในวัง....แล้วคุณจะรัก "ในหลวง"


    ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดที่จังหวัดตาก
    เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
    และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสดและถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด
    แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
    ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า ?ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ? แม่ค้าตอบว่า "ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ"
    เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพาลที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
    เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
    นางสนองพระโอษฐ์ ของฟ้าหญิงองค์เล็ก
    ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
    ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
    ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์นางสนองพระโอฐก็ งง...งง
    ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
    แต่ พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
    ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
    แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ... ขนลุกเลย
    (ทรงตัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง)

    อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
    ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
    ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
    เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้
    จึงมีคำกราบทูลว่า
    "ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า
    บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.."
    มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
    ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
    พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
    "มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
    ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
    และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
    ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
    และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว
    เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

    เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา
    มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
    เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาต
    นำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
    ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า
    "ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"

    เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง
    ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน
    และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้า
    ทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
    ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า
    "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท
    ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"
    เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
    "เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."
    ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัยเพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้

    มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตร ให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
    ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ
    แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้
    ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า
    "ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า" ในหลวงทรงชะงัก
    ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า"เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"

    เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า
    ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
    มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
    แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
    "ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
    ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว"

    วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
    ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
    พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
    ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
    แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้
    อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ
    มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่ แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า "เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"

    ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์ ก็กราบบังคมทูลว่า "เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ"
    พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า "ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง" แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า
    หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
    ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้าพูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
    เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป

    เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
    มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
    อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า
    มีเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้อ่านขาดตอน
    ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
    ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
    "เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว"
    และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ
    ไฟดับไปชั่วขณะ...
    ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
    พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
    ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
    ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
    เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก
    ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม


    ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

  2. #2
    sunaree2
    Guest

    Re: เรื่องเล่าจากในวัง

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

  3. #3
    noomwa
    Guest

    Re: เรื่องเล่าจากในวัง

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •